“จอมเทพมังกรหลวง…” แม้แต่ในใจของจอมเทพคนอื่นๆ ก็รูสึกขนลุกในใจ ถึงกับเสียวสันหลังวาบพึมพำออกมาเมื่อมองเห็นผู้เฒ่าที่อยู่บนรถม้า
“มังกรอเวจีในตำนานนะเนี่ย อาศัยมังกรอเวจีที่มีสายเลือดมังกรแท้จริงมาลากรถให้ อีกทั้งยังมีถึงเก้าตัว ด้วยกำลังเช่นนี้ ความหรูหราปานนี้ นับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าสายสำนักราชันเซียนแล้วหละ” จอมเทพระดับล่างถึงกับพูดขึ้นมาด้วยความอิจฉา
จอมเทพมังกรหลวงคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครอง ได้รับการยกย่องว่าเป็นจอมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคก่อน กระทั่งมีผู้ที่กล่าวว่า นอกจากเทพโบราณแล้ว ยากจะหาจอมเทพใดๆ มาต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว
ผู้ที่มองดูจอมเทพมังกรหลวงแล้ว มีทั้งผู้ที่อิจฉา ผู้ที่หวาดกลัว และมีผู้ที่ริษยา แม้ว่าชาติกำเนิดของจอมเทพมังกรหลวงจะเป็นโจร และเคยทำเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้คนเอาไว้มากมาย แต่เรื่องกำลังความสามารถของเขาไม่เป็นที่สงสัย การมีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครองย่อมสามารถพลิกสถานการณ์ทั่วหล้าได้อย่างแน่นอน
การที่จอมเทพมังกรหลวงในฐานะที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาและมีชาติกำเนิดเป็นโจร สามารถประสบความสำเร็จเช่นวันนี้ นับว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากอย่างแน่นอน กระทั่งมีข่าวลือมากมายว่า จอมเทพมังกรหลวงอาศัยการปล้นชิงชาวบ้าน ฆ่าคนวางเพลิงก็ได้สั่งสมทรัพย์สมบัติและทรัพยากรเอาไว้มากมาย
คำเล่าลือเหล่านี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เนื่องจากจอมเทพมังกรหลวงขณะที่ประสบความสำเร็จด้านสัจธรรมนั้น มีช่วงหนึ่งได้ทำการปล้นสะดมชาวบ้านอย่างบ้าระห่ำ ฆ่าคนวางเพลิง แย่งชิงทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
แม้จะกล่าวว่าในโลกของผู้บำเพ็ญตนนั้นเรื่องของปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่ว่า มีระดับจอมเทพไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้อย่างโจ๋งครึ่มเฉกเช่นจอมเทพมังกรหลวง
ผู้ที่สามารถก้าวมาถึงระดับจอมเทพได้นั้น ต่างก็มีท่วงท่าที่แตกต่างกัน จะมากหรือน้อยก็ต้องหยิ่งในฐานะของตนเองอยู่บ้าง หรือจะกล่าวว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องมีหลักการอยู่บ้าง
เหมือนดั่งตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ต่อมาได้เสื่อมโทรมลง แต่ยังคงมีธาตุแท้ภายในอยู่ไม่น้อย ระดับจอมเทพย่อมไม่ควรไปหมายตาตระกูลนี้แล้วจัดการฆ่าล้างตระกูลอย่างง่ายดาย เพื่อกวาดเอาทรัพย์สมบัติไปทั้งหมด
โดยทั่วไปแล้ว หากไม่ได้มีความเป็นศัตรูต่อกัน ระดับจอมเทพจะไม่ไปทำลายล้างสำนักใดสำนักหนึ่งโดยง่ายดาย
แต่ จอมเทพมังกรหลวงกลับแตกต่างกัน ขอเพียงถูกเขาหมายตาเอาไว้ ไม่ว่าจะเคยเป็นศัตรูกันหรือไม่ ไม่ว่าจะเคยมีบุญคุณความแค้นมาหรือไม่ กระทั่งเคยเป็นสหายกันมาก่อน หรือเป็นบุคคลหรือสำนักและหรือตระกูลที่เคยมีบุญคุณต่อเขามาก่อน ขอเพียงเขาถูกใจในทรัพย์สินเงินทอง หรือของวิเศษของพวกเขาเหล่านั้น จอมเทพมังกรหลวงก็จะทำการฆ่าล้างตระกูลในรวดเดียว กระทั่งทำลายศพและหลักฐาน ให้ตระกูลดังกล่าวหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
อาจกล่าวได้ว่า เรื่องลักษณะเช่นนี้จอมเทพมังกรหลวงทำมามากมายเหลือกเกิน นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้ทรัพย์สินมาก้อนแรกแล้วก็ไม่เคยหยุดการกระทำเช่นนี้เลย ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไร ตระกูลหรือสำนักจำนวนเท่าไรที่ต้องตายด้วยเงื้อมมือของเขาเงียบๆ ต่อให้เป็นผู้ที่เคยมีบุญคุณต่อเขาก็ไม่เว้น ถูกเขาสังหารและฉกเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปอย่างเงียบๆ
กล่าวสำหรับตัวจอมเทพมังกรหลวงนั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แค้นเขาจนเข้ากระดูกดำ แต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ จอมเทพมังกรหลวงในปัจจุบันแข็งแกร่งมากเกินไป มีสิบเอ็ดดวงตรงสัญลักษณ์ เพียงพอที่จะหมางเมินต่อจอมเทพจำนวนมาก ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา.
ยิ่งไปกว่านั้น จอมเทพมังกรหลวงยังมีกองกำลังที่ชื่อว่าอัศวินมังกรหลวง เก้าจอมเทพ อย่าว่าแต่แคว้นเจ้าลัทธิทั่วไปเลย พวกเขาสามารถกดดันสายสำนักราชันเซียนจำนวนมากจนหายใจไม่สะดวก
โชคดีตรงที่ว่า หลายปีมานี้จอมเทพมังกรหลวงเองก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าต้นไม้ใหญ่ย่อมต้านลม หลายปีมานี้พวกเขาออกปฏิบัติการน้อยมาก และไม่ค่อยได้ปรากฏตัว ปล่อยให้สำนักเล็กๆในสังกัดไปก่อความวุ่นวายแทน เนื่องจากตัวจอมเทพมังกรหลวงและอัศวินมังกรหลวงก็เกรงว่าบรรดาสายสำนักราชันเซียนอื่นๆ จะร่วมมือกัน ถ้าหากจอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์ร่วมมือกันหละก็ การจะทำลายล้างอัศวินมังกรหลวงพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
“สหายเซ่าเจี้ยน ไม่พบกันเสียนาน” ในที่สุดรถม้าของจอมเทพมังกรหลวงได้หยุดลงช้าๆ จอมเทพมังกรหลวงที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้แสดงคารวะแบบจีนกับราชันมารเซ่าเจี้ยนจากระยะห่างไกล
ราชันมารเซ่าเจี้ยนเพียงมองดูจอมเทพมังกรหลวงด้วยท่าทีเย็นชาทีหนึ่งและพยักหน้าเท่านั้น ไม่แสดงความสนิทสนมกับจอมเทพมังกรหลวง เขาไม่ได้ชื่นชมในตัวของจอมเทพมังกรหลวงเลย
แม้จะกล่าวว่าทุกคนต่างเกรงกลัวต่อจอมเทพมังกรหลวงและอัศวินมังกรหลวง แต่กองกำลังนกหวีดน้อยของพวกเขาก็ไม่ใช่พวกกินมัง หากอัศวินมังกรหลวงกล้าเป็นศัตรูกับพวกเขาก็ต้องประเมินตัวเองให้ดี
“ยุคนี้เป็นยุคที่คนถ่อยได้ดิบได้ดี แค่ผู้เยาว์คนหนึ่งก็กล้าโอ้อวดกำลัง ดูแคลนหมื่นแดน สังหารจอมราชัน ทำชั่วสารพัด ก่อกรรมทำเข็ญ” ในเวลานี้ จอมเทพมังกรหลวงได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ ยินดีช่วยเหลือสหายเซ่าเจี้ยนอีกแรง กำจัดเจ้าอัปลักษณ์นี้เสีย ขจัดภัยให้กับชิงโจว คืนความสงบให้ชิงโจว”
คำว่าขจัดภัยให้กับชิงโจวเมื่อออกจากปากของจอมเทพมังกรหลวง ทำให้หลายคนต้องมองตากันและกัน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเหยียดหยามอยู่ในใจ เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น
หากจะถามว่าใครคือภัยอันดับหนึ่งของชิงโจวล่ะก็ ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอัศวินมังกรหลวงพวกเขา
เวลานี้กลับพูดต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าอย่างสง่าผ่าเผยว่าต้องการขจัดภัยให้กับชิงโจว นับว่าเป็นคำพูดที่น่าขันมากที่สุด ภายในใจของจอมเทพบางองค์รู้สึกไม่ใยดี เกรงว่าคงไม่มีใครไร้ยางอายได้เท่ากับจอมเทพมังกรหลวงอีกแล้ว คำพูดนี้ฟังแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน
“หนวกหู!” เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่อยู่ส่วนที่ลึกเข้าไปในไกลกันดารลืมตาทั้งสองขึ้น สว่างไสวไปทั่วฟ้าดิน ได้กล่าวตำหนิน่าเกรงขามต่อจอมเทพมังกรหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...