หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมากับคำพูดของจอมเทพมังกรหลวง และยิ้มกล่าวว่า “มาขอให้ละเว้นตอนนี้ ไม่รู้สึกว่ามันสายไปหน่อยรึ?”
“ไม่สาย ไม่สาย” จอมเทพมังกรหลวงที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก้มโค้งแสดงความเคารพ คำนับพร้อมกับกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านผู้อาวุโสคือท่านเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ มีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหนือมนุษย์ปุถุชน น้ำใจของท่านผู้อาวุโสไหนเลยที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาอย่างพวกเราสามารถเทียบเคียงได้ กล่าวสำหรับท่านผู้อาวุโสแล้ว พวกเราก็แค่มดปลวกที่ไม่มีอะไรจะทำเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ไม่อยู่ในสายตาของท่านผู้อาวุโส ไหนเลยที่ท่านผู้อาวุโสจะต้องมาเปลืองสมองถือสาหาความกับมดปลวกเช่นพวกข้ากันเล่า”
ในขณะนี้ จอมเทพมังกรหลวงกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม มีท่าทีของความเป็นบ่าวไพร่เต็มขั้น ทำให้ผู้อื่นเห็นแล้วต้องรู้สึกน่าขยักแขยง
ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่รู้สึกรังเกียจในตัวของจอมเทพมังกรหลวง ชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นถึงระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์ถึงสิบเอ็ดดวง เขาคือตัวแทนของพลังที่สูงส่ง แต่เวลานี้เพื่อต้องการเอาชีวิตรอดถึงกับส่ายหางดุ๊กดิ๊กเพื่อให้หลี่ชิเย่ยอมละเว้นชีวิตให้กับตน ช่างไร้ยางอายสิ้นดี น่าขยะแขยงเหลือเกิน
ระดับจอมเทพจำนวนไม่น้อยส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา มองดูจอมเทพมังกรหลวงด้วยสายตาที่เหยียดหยามและดูแคลนอย่างสิ้นเชิง ท่าทีของจอมเทพมังกรหลวงที่แสดงออกถึงความเป็นบ่าวไพร่เต็มขั้น นับว่าเป็นการทำให้จอมเทพของพวกเขาต้องเสียหน้าจนสิ้น จอมเทพจำนวนไม่น้อยรู้สึกอับอายที่ต้องร่วมกลุ่มกับจอมเทพมังกรหลวง การที่ในหมู่คนระดับจอมเทพปรากฎคนอย่างจอมเทพมังกรหลวงขึ้นมา นับว่าเป็นความอัปยศของพวกเขาที่เป็นจอมเทพโดยแท้
แม้แต่ราชันมารเซ่าเจี้ยนที่อยู่ในฐานะจอมราชัน โดยปรกติแล้วจะไม่ไปดูถูกใครโดยง่ายดาย แต่ทว่า เมื่อได้มองเห็นท่าทีของจอมเทพมังกรหลวงที่แสดงออกถึงความเป็นบ่าวไพร่เต็มขั้นแล้วก็รู้สึกดูแคลนอย่างยิ่ง มองดูจอมเทพมังกรหลวงด้วยท่าทีเย้ยหยัน
ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างไม่เข้าใจว่า แม้ว่าระดับจอมเทพจะเต็มไปด้วยคนเลวเป็นจำนวนมาก จำนวนนั้นมีผู้ที่สังหารผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่า การที่ยอดฝีมือก้าวมาถึงระดับเช่นนี้ได้ ล้วนแล้วแต่มีความหยิ่งทระนงในตัว ซึ่งสร้างความไม่เข้าใจให้กับผู้คนจำนวนมากว่า คนไม่มีศักดิ์ศรีเฉกเช่นจอมเทพมังกรหลวงกลายเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงมาได้อย่างไรกัน
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยอมุมปากนิดหนึ่งกับคำพูดของจอมเทพมังกรหลวง เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นมดปลวก งั้นทำไมข้าจะต้องไปใส่ใจกับคำร้องขอของเจ้า ใครเล่าจะไปใส่ใจว่ามดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าตัวหนึ่งจะร้องด้วยความโศกเศร้าอย่างไร แค่บี้เหยียบลงไปก็สิ้นเรื่อง”
จอมเทพมังกรหลวงไม่ได้แสดงอาการโกรธกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แต่อย่างใด และไม่รู้สึกต้องอายจนหน้าแดง ยังคงมีรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า ยังคงก้มโค้งแสดงความเคารพและกล่าวว่า “ทุกถ้อยคำของท่านผู้อาวุโสล้วนเป็นความจริง ทุกๆ ตัวอักษรล้วนแล้วแต่เป็นข้อคิดเห็นที่รู้แจ้งและเฉียบแหลม ทำให้ผู้เยาว์ได้รับประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว หากท่านผู้อาวุโสไม่รังเกียจว่าผู้เยาว์มีกำลังน้อยนิด ผู้เยาว์ยินดีอยู่คอยรับใช้ให้กับท่านผู้อาวุโส…”
“เอาหละ เก็บสีหน้าท่าทางที่น่าขยะแขยงของเจ้าเสีย” หลี่ชิเย่โบกมือและกล่าวว่า “ต่อให้ข้าต้องการรับลูกน้อง ก็จะไม่รับลูกน้องที่ไร้ยางอายเช่นเจ้า เจ้ายอมทำขายหน้าของเจ้าได้ แต่ข้าทำขายหน้าข้าไม่ได้ เจ้าขอให้ละเว้นก็ดี หรือจะหยิ่งทระนงถึงที่สุดก็ช่าง วันนี้ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! เจ้าอยากจะตายแบบคุกเข่า หรือตายแบบลุกขึ้นยืน แล้วแต่เจ้าจะเลือก”
หลี่ชิเย่พลันพูดปฏิเสธออกมาเด็ดขาด ทำให้จอมเทพมังกรหลวงที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้ายิ้มไม่ออกอีกต่อไป ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวของหลี่ชิเย่ ต่อให้เขาอ้อนวอนอย่างไรก็คงไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว
หลี่ชิเย่มองดูพวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนด้วยท่าทีเรียบเฉย แล้วมองดูพวกของจอมเทพมังกรหลวงด้วยท่าทีเฉยเมย กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเจ้าจะเข้ามาทีละคนๆ หรือจะเข้ามาพร้อมๆ กันหละ ให้พวกเจ้ามีโอกาสได้เลือก นี่คือการเลือกครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกเจ้า”
คำพูดของหลี่ชิเย่พูดออกมาได้ตามอารมณ์มาก แต่ท่ามกลางตามอารมณ์แฝงไว้ซึ่งการเข่นฆ่าไร้ซึ่งความปราณี ทำให้ผู้คนถึงกับตัวสั่นดั่งลูกนก นาทีนี้เสมือนหนึ่งหลี่ชิเย่ได้เงื้อดาบสังหารขึ้นสูง โดยที่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนเป็นเพียงเนื้อที่อยู่บนเขียงเท่านั้นเอง
พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนที่เป็นจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่ถึงกับมองตากันและกัน เวลานี้พวกเขาไม่มีวิธีรับมือที่ดีไปกว่านี้ เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าท่าไม้ตายของหลี่ชิเย่คืออะไร หลี่ชิเย่ไม่เคยลงมือจริงๆ จังๆ เลยตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาจึงไม่รู้ถึงตื้นลึกหนาบางของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศัตรูเลยว่ามีกระบวนท่าอะไรในครอบครอง เคล็ดวิชาเป็นเช่นใด ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเขาปวดหัวมากที่สุด
“พี่เซ่าเจี้ยน ความเป็นความตายแขวนอยู่บนเส้นด้าย สมควรที่พวกเราต้องร่วมมือกันและลงมือโจมตีขั้นเด็ดขาดกันแล้ว” จังหวะที่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนไม่มีวิธีรับมือที่ดีอยู่นั้น จอมเทพมังกรหลวงในฐานะตัวแทนอัศวินมังกรหลวงต้องการร่วมมือกับกองกำลังนกหวีดน้อย
แรกทีเดียวพวกเขาเคยตกลงกันว่าจะร่วมมือกัน แต่เมื่อครู่พวกของจอมเทพมังกรหลวงกลับหลบหนีก่อนเป็นคนแรก โดยไม่ได้คำนึงถึงพันธมิตรเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ
แต่ว่า ในเวลานี้พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนเองก็ไม่มีทางเลือก ไม่ก็กองกำลังนกหวีดน้อยของพวกเขารับมือกับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง ไม่ก็ร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวงเพื่อรับมือกับหลี่ชิเย่
ย่อมไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากกองกำลังนกหวีดน้อยพวกเขาต้องรับมือกับหลี่ชิเย่โดยลำพัง เกรงว่าไม่มีโอกาสชนะได้อย่างแน่นอน หากร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวงล่ะก็ บางทีอาจมีความหวังขึ้นมานิดหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงความหวังน้อยนิด ย่อมดีกว่าไม่มีความหวังเอาเสียเลย
ราชันมารเซ่าเจี้ยนอดที่จะมองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง เห็นหลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ใส่ใจต่อการปรึกษาหารือเรื่องการรับมือชั่วคราวของพวกเขาแม้แต่น้อย
“เจ้ามีแผนการอย่างไรบ้าง?” หลังจากที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนได้มองตากันและกันกับจอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์ ท้ายที่สุดพวกเขาได้ตัดสินใจร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวง
แม้ว่าจอมราชันเซียนหวังของกองกำลังนกหวีดน้อยรังเกียจคนอย่างจอมเทพมังกรหลวง แต่เมื่อภัยมาถึงตัวพวกแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่เลือกที่จะร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวงอีกครั้ง
“พี่เซ่าเจี้ยน การโจมตีด้วยธนูนกหวีดของพวกท่านนับว่าปราศจากผู้ต่อกร อีกทั้งยากที่ผู้คนจะจับทางได้ สามารถฆ่าคนโดยไร้เงาอย่างแน่นอน แต่ พี่เซ่าเจี้ยน หากอาศัยชะตาฟ้าสิบสี่สายอานุภาพนั้นยังไม่เพียงพอ คิดจะสังหารเขายังคงต้องปล่อยหมัดเด็ด ยังคงต้องยอมแม้จะเสียค่าตอบแทนสูงเท่าไรก็ตาม” จอมเทพมังกรหลวงกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...