ท่าทีของเหล่ามอดูสงบยิ่งนักสำหรับการเอ่ยชมในลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ และไม่ได้ถ่อมตน ไม่ได้แสดงความพึงพอใจใน ดูเป็นธรรมชาติมาก
“เจ้าท่องไปกี่แห่งในโลกมนุษย์แล้วหละ ท่องไปทีละทวีปๆ จินโจว ชิงโจว เจียวเหิงโจว…แม้โลกนี้จะกว้างใหญ่กว่านี้ สักวันเจ้าก็สามารถท่องไปได้หมดทุกที่ เปลี่ยนสถานทุกครั้งก็จะเปลี่ยนงานฝีมืออย่างหนึ่ง ในหนึ่งยุคสมัยจะตั้งใจขัดเกลางานฝีมือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง ขนมแป้งทอด ทอเสื่อ ขายเต้าฮวย…งานฝีมือจำนวนเท่าไรที่ก้าวถึงระดับสุดยอดด้วยฝีมือของเจ้า” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก
“ให้ท่านปรมาจารย์หัวเราะเยาะแล้วหละ ข้าก็แค่อาศัยมันมาฆ่าเวลาที่สุดแสนจะยาวนานเท่านั้นเอง” เหล่ามอหัวเราะและเอ่ยขึ้นมา
หลี่ชิเย่ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน และกล่าวว่า “เกรงว่าแค่ฆ่าเวลาคงไม่สามารถทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมีการครุ่นคิดพิจารณาได้ มีเพียงคนที่ทำอย่างตั้งใจ จึงสามารถทำเรื่องๆ หนึ่งให้ก้าวถึงระดับสูงสุดได้ ทุกๆ สาขาวิชาล้วนแล้วแต่เป็นสัจธรรมแขนงหนึ่ง”
“โลกนี้ต้องก้าวเดินผ่านมาแล้วจึงสามารถรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของมัน” เหล่ามอกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถทำได้ยิ่งใหญ่เหมือนอย่างท่านปรมาจารย์ และไม่ได้มีความกล้าหาญเฉกเช่นท่านปรมาจารย์ที่กวาดล้างไปทุกยุคทุกสมัยเช่นนี้ ข้าเป็นเพียงก้อนกรวดเล็กๆ ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลายุคสมัยนี้เท่านั้นเอง ด้วยก้อนกรวดขนาดเล็กเช่นนี้ทำได้แค่โยกย้ายเคลื่อนไหวท่ามกลางยุคแล้วยุคเล่า รับรู้ถึงประเพณีที่แตกต่างกันของโลกมนุษย์เท่านั้น”
“แล้วมันไม่ดีตรงไหนเล่า” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แม้ว่าจอมราชันเซียนหวังจะถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าเป็นผู้ที่มีความสง่างามที่สุดในหล้า เป็นผู้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่ในมุมมองอีกด้านหนึ่งใช่จะไม่ใช่เรื่องดี…”
“…เพียงแต่จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากไม่เป็นตัวของตัวเองเท่านั้น พวกเขามีสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะ ไม่กล้าย่างก้าวปรากฏตัวออกมา ขณะที่เจ้ากลับไม่มีความกังวลเช่นนั้น สามารถมองเห็นความเจริญรุ่งเรืองทั้งปวงของโลกมนุษย์ สิ่งนี้ไหนเลยจะไม่ใช่เส้นทางที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองที่ยอดเยี่ยมบนเส้นทางของจอมราชัน”
“พรสวรรค์ข้ามีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ไม่เหมือนดั่งเหล่าราชันที่สามารถเยาะเย้ยต่อผู้มีอิทธิพล เป็นได้แค่ก้อนกรวดเล็กๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น ค่อยๆ ยักย้ายเคลื่อนไหวร่างกายทีละก้าวๆ บนโลกใบนี้เท่านั้นเอง” เหล่ามอเองไม่ได้เย่อหยิ่ง เพียงอาศัยคำพูดที่เรียบง่ายที่สุดพูดออกมาเป็นคำพูดลักษณะเช่นนี้
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มและมองดูบ้านน้อยหลังนี้ บ้านน้อยหลังนี้ก็เหมือนเป็นโลกอีกโลกหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดสำหรับเหล่ามอแล้วมันเป็นเช่นนั้น
“ท่านปรมาจารย์มาคราวนี้ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะรึ?” สุดท้าย เหล่ามอได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และเอ่ยถามด้วยท่าทีเคารพยิ่ง
“หากจะกล่าวว่า จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรบนโลกนี้ที่ทรงคุณค่าให้ข้าไปจุดประกายขึ้นมาในยุคสมัยของพวกเราหละก็ นอกจากหัวใจดวงนี้ของข้าแล้ว ข้าคิดว่าหัวใจดวงนั้นของเจ้าก็ทรงคุณค่ามากที่สุดที่สมควรไปจุดติดแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “หากข้าบอกว่าที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจุดติดเจ้า เจ้าเชื่อหรือไม่?”
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น และสามารถฟังแล้วเข้าใจถึงความหมายที่หลี่ชิเย่พูดออกมาจะต้องตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึงแน่นอน แต่ว่าเหล่ามอเพียงแค่ยิ้มๆ เขาส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ร่างกายที่อ่อนด้อยไม่สมประกอบของข้าไม่เข้าตาท่านปรมาจารย์อยู่แล้ว จุดติดข้าก็มีประโยชน์อย่างจำกัด ไม่ได้ประสิทธิผลในระดับที่ท่านปรมาจารย์ต้องการ”
หลี่ชิเย่หัวเราะ จ้องมองดูเหล่ามอและกล่าวว่า “ล้อเล่นเท่านั้นเอง การมาทวีปเจียวเหิงโจวในครั้งนี้แค่ทางผ่านเท่านั้นเอง และเจ้าเองก็อยู่ที่นี่ก็เลยแวะมาเยี่ยมเยียนเจ้า มาดูเจ้าที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งฟ้าดินสักหน่อย ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่คู่ควรมาดูสักครั้ง”
“ท่านปรมาจารย์ชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากสวรรค์เท่านั้น ข่าวลือทั้งนั้นไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” เหล่ามอส่ายหน้าเบาๆ
หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “สวรรค์โจรไม่เคยดูแลเอาใจใสผู้ใดอยู่แล้ว ต่อให้เขาคิดอยากจะดูแลเอาใจใส่ก็ทำไม่ได้ ที่สามารถทำได้เช่นนี้นั่นเป็นเพราะตัวเจ้าเองเท่านั้น เป็นเจ้าที่สมดุลกับฟ้าดิน ดังนั้น เจ้าจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้เช่นนี้”
“เรื่องนี้ก็เป็นเพราะได้รับความเอ็ดดูจากเหล่าราชัน” เหล่ามอกล่าวถ่อมตนว่า “เหล่าราชันเคยชี้แนะต่อข้ามากมายเหลือเกิน ราชันเทพจงหนาน ราชันซื่อตี้ ราชันเชอะตี้ที่เป็นเหล่าจอมราชันเซียนหวัง เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เคยชี้แนะความลึกซึ้งพิสดารของสัจธรรมให้กับข้า”
“คำพูดเช่นนี้ของเจ้าดูจะถ่อมตนมากเกินไปแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเระขึ้นมา ส่ายหัวและกล่าวว่า “แทนที่จะบอกว่าพวกเขาชี้แนะเจ้า มิสู้บอกว่าเป็นพวกเขาที่ต้องการสอดส่องให้ได้มาซึ่งความลึกซึ้งพิสดารของฟ้าดินบนตัวของเจ้า สอดส่องให้ได้มาซึ่งความสมดุลของฟ้าดิน เสียดาย ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทำได้ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ทำได้เท่านั้นเอง”
“บรรดาเหล่าราชันเคยทดลองมาแล้ว บางทีในอนาคตอาจทำได้สำเร็จก็ไม่แน่”
หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ยาก จอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีป ราชันเซียนจากเก้าแดน มีใครบ้างหละที่ไม่ต้องการให้ตัวเองล้ำไปอีกขั้น? แล้วมีใครที่ไม่ต้องการปีนป่ายขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกนี้? ข้าก็ดี เหล่าราชันก็ช่าง ก้าวเดินมาถึงวันนี้ล้วนแล้วแต่สู้กับฟ้าดิน สู้กับตัวเอง ในโลกนี้มีสิ่งใดที่ทำเพื่อไม่แย่งชิงไม่แก่งแย่งเล่า? ในความหมายของจอมราชันบางคนคำว่าไม่แก่งแย่ง ความจริงก็คือถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เพื่อสามารถกระโดดได้ไกลกว่าเดิมเท่านั้นเอง”
“แต่ว่า เจ้ากลับสามารถทำได้แล้ว” หลี่ชิเย่มองดูเหล่ามอ ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ความได้เปรียบหรือเสียเปรียบของสัจธรรม เมื่อไหร่ที่อยู่ในระดับสมดุล ต่อให้ไม่สามารถเป็นอมตะก็ห่างไม่ไกลกันนัก ไม่ได้เปรียบต่อฟ้าดิน ไม่เสียเปรียบต่อตนเอง นี่แหละคือจุดสมดุลระหว่างจอมราชันและฟ้าดิน พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ต่อให้เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา หากว่าร่างกายของเขาไม่ได้เปรียบเสียเปรียบก็สามารถอายุยืนเป็นร้อยปี การที่เจ้าสมดุลอยู่ท่ามกลางฟ้าดินแห่งนี้ ไม่เพียงทำให้เจ้าอายุยืนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังทำให้เจ้าเดินเหินบนโลกนี้ได้โดยที่สวรรค์ลงทัณฑ์ไม่ถามหา”
“จอมราชันเซียนหวังจำนวนเท่าไรที่กระหายชีวิตความเป็นอมตะมากเหลือเกิน และกระหายหวังว่าจะไม่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เหลือเกิน แต่ทว่า มีใครบ้างที่ทำได้สำเร็จกันเล่า?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าคนหนึ่งหละ อีกหนึ่งก็คือมู่จั๋ว เพียงแต่ว่าเขาก้าวเดินได้สุดๆ ยิ่งกว่า ทำเอาจนสวรรค์ทอดทิ้งผีรังเกียจ ใครก็ไม่ชอบ แม้แต่สวรรค์โจรเองก็ไม่ชอบ เขาคิดจะตายก็ตายไม่ได้”
เหล่ามอพูดออกมาด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด ในฐานะที่เขาเป็นถึงระดับจอมราชันเซียนหวังเหมือนกัน ไม่กล้าชี้ขาดอะไรง่ายดายนัก เนื่องจากคำพูดเพียงคำเดียวของเขาอาจส่งผลถึงชื่อเสียงของจอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์ กระทั่งส่งผลถึงความเป็นความตายของจอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์อีกด้วย ดังนั้น เขาจึงระวังคำพุด ไม่กล้าพูดออกไปง่ายดาย
“เรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้า” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง สิ่งนี้อยู่ในความคาดคิดอยู่แล้ว และกล่าวว่า “ในสิบสามทวีปนี้ ไม่ว่าใครก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำตัวตกต่ำ แต่ ข้าเชื่อว่ามีคนผู้หนึ่งที่สามารถยึดมั่นได้อย่างแน่นอน สามารถรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนเอาไว้อย่างมั่นคงแน่นอน คนๆ นี้ก็คือเจ้า!”
“ขอบคุณยิ่งที่ท่านปรมาจารย์ให้เกียรติ” เหล่ามอรีบเอ่ยขึ้น
“นี่หาใช่เป็นการให้เกียรติ” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และยิ้มกล่าวว่า “ที่ถูกต้องควรบอกว่ามันคือยันต์มรณะ เจ้าเข้าใจไหมที่ข้าพูดออกมาเช่นนี้เกือบเท่ากับส่งเจ้าขึ้นสู่เส้นทางมรณะเลยนะ”
เหล่ามอนิ่งเงียบครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ถ้าหากเพื่อโลกนี้ ความตายของข้าสามารถตายได้สมปรารถนาและสบายใจได้ ใยต้องกลัวต่อความตายเล่า?”
“ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องก้าวเดินออกมาแน่นอน” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “จอมราชันเซียนหวังอื่นๆ ข้าไม่ชัดเจน แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ และเชื่อว่าเจ้าสามารถรักษาเอาไว้ได้อย่างมั่นคง และนี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงได้มาหาเจ้า”
“ทักษะข้าอ่อนด้อย หากมีวันนั้นจริงในอนาคตก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ของโลกได้” เหล่ามอกล่าวว่า “ในโลกนี้ ผู้ที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ก็ต้องเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย”
“เรื่องราวบนโลกนี้ใครสามารถระบุได้แน่นอน” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “การมีศักยภาพแข็งแกร่งก็ไม่แน่ว่าสามารถเป็นตัวแทนเพื่อความสุขของโลกนี้ได้เสมอไป บางที สักวันผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดไม่เป็นภัยต่อโลกใบนี้ ก็นับว่าเป็นพฤติกรรมที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่ายินดีรักษาเอาไว้อย่างมั่นคงหรือไม่ ยินดีเสียสละให้กับมดปลวกบนโลกนี้หรือไม่คงพูดยากหรอกนะ”
“ตาเฒ่าเฉี่ยนน่ะหรือ” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “ข้าเป็นศัตรูกับเขามาทุกยุคทุกสมัย ข้าไม่มีเจตนาจะไปด้อยค่าในตัวเขา เกรงว่าเมื่อมีวันนั้นจริงๆ บางทีตัวเขาก็ไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...