ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1989

ท่าทีของเหล่ามอดูสงบยิ่งนักสำหรับการเอ่ยชมในลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ และไม่ได้ถ่อมตน ไม่ได้แสดงความพึงพอใจใน ดูเป็นธรรมชาติมาก

“เจ้าท่องไปกี่แห่งในโลกมนุษย์แล้วหละ ท่องไปทีละทวีปๆ จินโจว ชิงโจว เจียวเหิงโจว…แม้โลกนี้จะกว้างใหญ่กว่านี้ สักวันเจ้าก็สามารถท่องไปได้หมดทุกที่ เปลี่ยนสถานทุกครั้งก็จะเปลี่ยนงานฝีมืออย่างหนึ่ง ในหนึ่งยุคสมัยจะตั้งใจขัดเกลางานฝีมือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง ขนมแป้งทอด ทอเสื่อ ขายเต้าฮวย…งานฝีมือจำนวนเท่าไรที่ก้าวถึงระดับสุดยอดด้วยฝีมือของเจ้า” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก

“ให้ท่านปรมาจารย์หัวเราะเยาะแล้วหละ ข้าก็แค่อาศัยมันมาฆ่าเวลาที่สุดแสนจะยาวนานเท่านั้นเอง” เหล่ามอหัวเราะและเอ่ยขึ้นมา

หลี่ชิเย่ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน และกล่าวว่า “เกรงว่าแค่ฆ่าเวลาคงไม่สามารถทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมีการครุ่นคิดพิจารณาได้ มีเพียงคนที่ทำอย่างตั้งใจ จึงสามารถทำเรื่องๆ หนึ่งให้ก้าวถึงระดับสูงสุดได้ ทุกๆ สาขาวิชาล้วนแล้วแต่เป็นสัจธรรมแขนงหนึ่ง”

“โลกนี้ต้องก้าวเดินผ่านมาแล้วจึงสามารถรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของมัน” เหล่ามอกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถทำได้ยิ่งใหญ่เหมือนอย่างท่านปรมาจารย์ และไม่ได้มีความกล้าหาญเฉกเช่นท่านปรมาจารย์ที่กวาดล้างไปทุกยุคทุกสมัยเช่นนี้ ข้าเป็นเพียงก้อนกรวดเล็กๆ ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลายุคสมัยนี้เท่านั้นเอง ด้วยก้อนกรวดขนาดเล็กเช่นนี้ทำได้แค่โยกย้ายเคลื่อนไหวท่ามกลางยุคแล้วยุคเล่า รับรู้ถึงประเพณีที่แตกต่างกันของโลกมนุษย์เท่านั้น”

“แล้วมันไม่ดีตรงไหนเล่า” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แม้ว่าจอมราชันเซียนหวังจะถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าเป็นผู้ที่มีความสง่างามที่สุดในหล้า เป็นผู้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่ในมุมมองอีกด้านหนึ่งใช่จะไม่ใช่เรื่องดี…”

“…เพียงแต่จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากไม่เป็นตัวของตัวเองเท่านั้น พวกเขามีสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะ ไม่กล้าย่างก้าวปรากฏตัวออกมา ขณะที่เจ้ากลับไม่มีความกังวลเช่นนั้น สามารถมองเห็นความเจริญรุ่งเรืองทั้งปวงของโลกมนุษย์ สิ่งนี้ไหนเลยจะไม่ใช่เส้นทางที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองที่ยอดเยี่ยมบนเส้นทางของจอมราชัน”

“พรสวรรค์ข้ามีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ไม่เหมือนดั่งเหล่าราชันที่สามารถเยาะเย้ยต่อผู้มีอิทธิพล เป็นได้แค่ก้อนกรวดเล็กๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น ค่อยๆ ยักย้ายเคลื่อนไหวร่างกายทีละก้าวๆ บนโลกใบนี้เท่านั้นเอง” เหล่ามอเองไม่ได้เย่อหยิ่ง เพียงอาศัยคำพูดที่เรียบง่ายที่สุดพูดออกมาเป็นคำพูดลักษณะเช่นนี้

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มและมองดูบ้านน้อยหลังนี้ บ้านน้อยหลังนี้ก็เหมือนเป็นโลกอีกโลกหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดสำหรับเหล่ามอแล้วมันเป็นเช่นนั้น

“ท่านปรมาจารย์มาคราวนี้ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะรึ?” สุดท้าย เหล่ามอได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และเอ่ยถามด้วยท่าทีเคารพยิ่ง

“หากจะกล่าวว่า จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรบนโลกนี้ที่ทรงคุณค่าให้ข้าไปจุดประกายขึ้นมาในยุคสมัยของพวกเราหละก็ นอกจากหัวใจดวงนี้ของข้าแล้ว ข้าคิดว่าหัวใจดวงนั้นของเจ้าก็ทรงคุณค่ามากที่สุดที่สมควรไปจุดติดแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “หากข้าบอกว่าที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจุดติดเจ้า เจ้าเชื่อหรือไม่?”

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น และสามารถฟังแล้วเข้าใจถึงความหมายที่หลี่ชิเย่พูดออกมาจะต้องตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึงแน่นอน แต่ว่าเหล่ามอเพียงแค่ยิ้มๆ เขาส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ร่างกายที่อ่อนด้อยไม่สมประกอบของข้าไม่เข้าตาท่านปรมาจารย์อยู่แล้ว จุดติดข้าก็มีประโยชน์อย่างจำกัด ไม่ได้ประสิทธิผลในระดับที่ท่านปรมาจารย์ต้องการ”

หลี่ชิเย่หัวเราะ จ้องมองดูเหล่ามอและกล่าวว่า “ล้อเล่นเท่านั้นเอง การมาทวีปเจียวเหิงโจวในครั้งนี้แค่ทางผ่านเท่านั้นเอง และเจ้าเองก็อยู่ที่นี่ก็เลยแวะมาเยี่ยมเยียนเจ้า มาดูเจ้าที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งฟ้าดินสักหน่อย ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่คู่ควรมาดูสักครั้ง”

“ท่านปรมาจารย์ชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากสวรรค์เท่านั้น ข่าวลือทั้งนั้นไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” เหล่ามอส่ายหน้าเบาๆ

หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “สวรรค์โจรไม่เคยดูแลเอาใจใสผู้ใดอยู่แล้ว ต่อให้เขาคิดอยากจะดูแลเอาใจใส่ก็ทำไม่ได้ ที่สามารถทำได้เช่นนี้นั่นเป็นเพราะตัวเจ้าเองเท่านั้น เป็นเจ้าที่สมดุลกับฟ้าดิน ดังนั้น เจ้าจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้เช่นนี้”

“เรื่องนี้ก็เป็นเพราะได้รับความเอ็ดดูจากเหล่าราชัน” เหล่ามอกล่าวถ่อมตนว่า “เหล่าราชันเคยชี้แนะต่อข้ามากมายเหลือเกิน ราชันเทพจงหนาน ราชันซื่อตี้ ราชันเชอะตี้ที่เป็นเหล่าจอมราชันเซียนหวัง เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เคยชี้แนะความลึกซึ้งพิสดารของสัจธรรมให้กับข้า”

“คำพูดเช่นนี้ของเจ้าดูจะถ่อมตนมากเกินไปแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเระขึ้นมา ส่ายหัวและกล่าวว่า “แทนที่จะบอกว่าพวกเขาชี้แนะเจ้า มิสู้บอกว่าเป็นพวกเขาที่ต้องการสอดส่องให้ได้มาซึ่งความลึกซึ้งพิสดารของฟ้าดินบนตัวของเจ้า สอดส่องให้ได้มาซึ่งความสมดุลของฟ้าดิน เสียดาย ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทำได้ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ทำได้เท่านั้นเอง”

“บรรดาเหล่าราชันเคยทดลองมาแล้ว บางทีในอนาคตอาจทำได้สำเร็จก็ไม่แน่”

หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ยาก จอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีป ราชันเซียนจากเก้าแดน มีใครบ้างหละที่ไม่ต้องการให้ตัวเองล้ำไปอีกขั้น? แล้วมีใครที่ไม่ต้องการปีนป่ายขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกนี้? ข้าก็ดี เหล่าราชันก็ช่าง ก้าวเดินมาถึงวันนี้ล้วนแล้วแต่สู้กับฟ้าดิน สู้กับตัวเอง ในโลกนี้มีสิ่งใดที่ทำเพื่อไม่แย่งชิงไม่แก่งแย่งเล่า? ในความหมายของจอมราชันบางคนคำว่าไม่แก่งแย่ง ความจริงก็คือถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เพื่อสามารถกระโดดได้ไกลกว่าเดิมเท่านั้นเอง”

“แต่ว่า เจ้ากลับสามารถทำได้แล้ว” หลี่ชิเย่มองดูเหล่ามอ ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ความได้เปรียบหรือเสียเปรียบของสัจธรรม เมื่อไหร่ที่อยู่ในระดับสมดุล ต่อให้ไม่สามารถเป็นอมตะก็ห่างไม่ไกลกันนัก ไม่ได้เปรียบต่อฟ้าดิน ไม่เสียเปรียบต่อตนเอง นี่แหละคือจุดสมดุลระหว่างจอมราชันและฟ้าดิน พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ต่อให้เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา หากว่าร่างกายของเขาไม่ได้เปรียบเสียเปรียบก็สามารถอายุยืนเป็นร้อยปี การที่เจ้าสมดุลอยู่ท่ามกลางฟ้าดินแห่งนี้ ไม่เพียงทำให้เจ้าอายุยืนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังทำให้เจ้าเดินเหินบนโลกนี้ได้โดยที่สวรรค์ลงทัณฑ์ไม่ถามหา”

“จอมราชันเซียนหวังจำนวนเท่าไรที่กระหายชีวิตความเป็นอมตะมากเหลือเกิน และกระหายหวังว่าจะไม่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เหลือเกิน แต่ทว่า มีใครบ้างที่ทำได้สำเร็จกันเล่า?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าคนหนึ่งหละ อีกหนึ่งก็คือมู่จั๋ว เพียงแต่ว่าเขาก้าวเดินได้สุดๆ ยิ่งกว่า ทำเอาจนสวรรค์ทอดทิ้งผีรังเกียจ ใครก็ไม่ชอบ แม้แต่สวรรค์โจรเองก็ไม่ชอบ เขาคิดจะตายก็ตายไม่ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล