เมื่อเถาถิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจว่า “พวกเรามาชิมชากันที่นี่จริงหรือ?” ความจริงแล้วนางไม่เข้าใจอะไรกับสวนชามากนัก และยังเป็นการมาร่วมงานมหกรรมชิมชาครั้งแรกของนางอีกด้วย
“เพื่อบรรลุสัจธรรม” หลิวจินเซิ่นหัวเราะ และกล่าวเตือนสตินางว่า “ชิมชาบรรลุสัจธรรม เพียงแต่หยิบยกเอาสองคำแรกมาเท่านั้น สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การบรรลุสัจธรรม ความจริงแล้ว การที่สถาบันศึกษาเปิดสวนชาก็คาดหวังว่านักศึกษาจะได้มาบรรลุสัจธรรมที่นี่ เฉกเช่นเทพธิดาเหมยได้กล่าวเอาไว้ว่า สถานที่ตรงนี้คือผืนแผ่นดินสัจธรรมผืนหนึ่ง มีความลึกซึ้งพิสดารยิ่ง เป็นสถานที่ที่จะบรรลุสัจธรรมได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าทุกๆ รุ่นจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หาได้ยากยิ่ง สมควรฉกฉวยโอกาสนี้เอาไว้ การมาค้นหาของวิเศษ ขุดหาสมุนไพรโอสถทิพย์กลับจะเป็นการตกอันดับ”
“ก่อนหน้านั้นผู้เฒ่าหลิวเคยมาที่สวนชารึ?” เถาถิงอดที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ เมื่อหลิวจินเซิ่นคุ้นเคยถึงเพียงนี้
หลิวจินเซิ่นไม่ตอบคำถาม แค่ยิ้มๆ เท่านั้น เพียงแต่ท่าทีนั้นดูสับสนยิ่งนัก
ในขณะนี้ พวกของหลี่ชิเย่ได้เดินมาถึงใต้ภูเขาลูกหนึ่ง มองเห็นภูเขาลูกนี้ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก สูงตระหง่านเสียดฟ้า ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกทั้งลูก เมื่อยืนอยู่ด้านหน้าของภูเขาลูกนี้แล้วเสมือนหนึ่งถูกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งขวางทางเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
บนยอดเขาของภูเขาลูกนี้มีต้นไม้ขนาดยักษ์ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ที่นั่น มองเห็นใบไม้ของต้นไม้ยักษ์ที่ปลิวไสวเหมือนกำลังร่ายรำ ใบไม้กลับเป็นสีเงิน มองไกลๆ เสมือนดั่งเป็นต้นเหล็กดอกไม้เงินอย่างนั้น งดงามอลังการยิ่งนัก
“ได้ยินมาว่านี่คือต้นเหล็กดอกไม้เงินนะเนี่ย บริเวณรากของมันจะมีปมของเชื้อแบคทีเรียสีเงินอยู่ เรียกได้ว่าสิ่งนี้คือของล้ำค่าเลยทีเดียว สามารถได้มันมาปรุงยาหละก็ สามารถเพิ่มทักษะยุทธได้” ในเวลานี้ ด้านล่างของภูเขาได้มีนักศึกษาจำนวนมากรายล้อมอยู่ที่นั่น ในบรรดานักศึกษากลุ่มนี้มีทั้งจากจวนราชัน หอศักดิ์สิทธิ์ และนักศึกษาจากศตาคารที่มายืนดูด้วยความคึกครื้น
มีนักศึกษาจากจวนราชันเหินฟ้าขึ้นไปบนท้องฟ้าสูง เปิดเนตรฟ้าออกมามองตรงไปยังต้นเหล็กดอกไม้เงิน มองเห็นปมเชื้อแบคทีเรียสีเงินขึ้นอยู่เต็มบริเวณรากของมันแล้วถึงกับน้ำลายไหลยืด และกล่าวว่า “ต้นเหล็กดอกไม้เงินต้นนี้น่าจะไม่มีใครได้ขึ้นไปนานมากแล้ว จึงมีปมเชื้อแบคทีเรียสีเงินขึ้นอยู่เต็มไปหมด หากว่าสามารถขึ้นไปบนนั้นได้จะเป็นการดีเช่นใดนะ กลั่นยาเม็ดดีๆ สักเตาหนึ่ง สามารถเพิ่มพลังวัตรให้ข้าได้ถึงสิบปีทีเดียว”
“เสียดาย ยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงไม่ได้มาด้วย มิฉะนั้นหละก็หากพวกเขาลงมือบางที่อาจมีโอกาสได้ขึ้นไปบนยอดเขาลูกนี้ สามารถเก็บเกี่ยวแบคทีเรียสีเงินได้” มีนักศึกษาที่มองเห็นปมเชื้อแบคทีเรียสีเงินที่ขึ้นอยู่บนรากของต้นเหล็กดอกไม้เงินแล้วถึงกับเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับน้ำลายไหลยืด
นักศึกษาผู้หนึ่งส่ายหน้าและกล่าวว่า “ยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงไปที่ชาสัจธรรมโน่นแล้ว พวกเขาไม่ได้สนใจในแบคทีเรียสีเงิน แม้ว่าแบคทีเรียสีเงินจะเป็นของล้ำค่าก็จริง แต่ว่าพรรคซือเสินคงไม่ขาดแคลนของล้ำค่าประเภทนี้ ตรงกันข้าม ชาสัจธรรมต่างหากที่พวกเขาต้องการ”
บริเวณตีนเขาปรากฏนักศึกษากลุ่มใหญ่ห้อมล้อมกันอยู่ มองดูต้นเหล็กดอกไม้เงินที่ขึ้นอยู่บนยอดเขาด้วยความอยากได้มาก เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถขึ้นไปบนยอดเขาแห่งนี้ได้ เมื่อไหร่ที่พวกเขาก้าวเท้าขึ้นไปก็จะลื่นไหลลงมาพลัน ถ้าหากจะบอกว่าภูเขาแห่งนี้เสมือนดั่งเป็นหินก้อนที่ลื่นในแม่น้ำ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็คือสายน้ำไหล ไม่สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนยอดเขาได้ตลอดกาล
“มีอาจารย์มา อ๋อ เป็นอาจารย์จอมโหด…ไม่ใช่ เป็นอาจารย์หลี่กับพวกเทพธิดาเหมยมากันแล้ว” เมื่อหลี่ชิเย่มาถึงพลันสร้างความฮือฮาขึ้นไม่น้อย นักศึกษาจำนวนมากต่างทยอยกันจ้องมองดูหลี่ชิเย่ แน่นอน เวลานี้หลี่ชิเย่นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง ถูกนักศึกษาตั้งฉายาให้ลับๆ ว่า “อาจารย์จอมโหด!”
เมื่อหลี่ชิเย่มาถึงแล้ว บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหลีกเป็นทางออกมา ในเวลานี้หลี่ชิเย่ไม่เป็นที่ดึงดูดใจ จะอย่างไรเสียเขาดูธรรมดามากเหลือเกิน แต่ว่าเขามีฐานะเป็นอาจารย์ นักศึกษาจำนวนมากจึงหวั่นเกรงในตัวเขาอยู่สามส่วน ถ้าหากจะถามว่าในขบวนของหลี่ชิเย่หนึ่งเดียวที่สามารถดึงดูดสายตาผู้คนหละก็คือเหมยซู่เหยานั่นเอง
เหมยซู่เหยาที่คล่องแคล่วดั่งเซียน ไม่ว่าจะเดินเหินไปถึงไหนก็ทำให้ผู้คนมองดูด้วยจิตที่หวั่นไหว ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องหัวใจเต้นตูมตาม ดังนั้นสายตาจำนวนมากจึงถูกนางดึงดูดเอาไว้ ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงไหล
เทพธิดาเหมย…มีนักศึกษาจากจวนราชันอดที่จะกล่าวคำทักทาย เมื่อมองเห็นเหมยซู่เหยา
เหมยซู่เหยาที่มีท่าทีไม่สะทสะท้านแค่พยักหน้าทักทายตอบ โดยไม่ได้ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใด
“ต้นเหล็กดอกไม้เงินนับเป็นของดีโดยแท้” หลี่ชิเย่มองดูทีหนึ่ง สั่งการต่อเถาถิงที่อยู่ข้างกายว่า “ขึ้นไปเถอะ ที่เจ้าต้องการหาใช่เชื้อแบคทีเรียสีเงิน แต่คือการบรรลุสัจธรรมที่ตรงนั้น สัจธรรมของต้นไม้ต้นนี้แข็งแกร่งดั่งหิน หากเจ้าสามารถบรรลุได้บ้าง จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อเจ้าในอนาคต”ไอรีนโนเวล
“ข้า ข้า ข้าสามารถขึ้นไปได้รึ?” เถาถิงสูญเสียความมั่นใจในทันทีเมื่อหลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเช่นนี้ นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์มีทั้งจากจวนราชัน และหอศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนแล้วแต่ขึ้นไปไม่ได้ เถาถิงยิ่งไม่มีความมั่นใจในตนเอง นางเป็นเพียงนักศึกษาจากศตาคาร เป็นไปได้อย่างไรที่จะขึ้นไปบนนั้นได้
หลี่ชิเย่มองดูเถาถิงแล้วทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “เอาเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรงเป็นการชั่วคราว หนทางในอนาคตอันยาวไกล ยังต้องอาศัยความพยายามของตนเอง” กล่าวขาดคำ มือขนาดใหญ่ยื่นไปยังภูเขาลูกนั้น
ตูม…เสียงดังสนั่น เมื่อมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ ยื่นไปยังภูเขานั้น ต้นเหล็กดอกไม้เงินต้นนั้นพลันพวยพุ่งประกายสีเงินที่ไม่สิ้นสุดออกมา ประกายสีเงินได้ปกคลุมฟ้าดิน ทำการขัดขวางมือขนาดใหญ่ที่ยื่นเข้าไปหา เสมือนหนึ่งเป็นประตูบานหนึ่งไม่สามารถสั่นคลอนได้ ทำให้ผู้คนไม่สามารถก้าวข้ามไปได้แม้เพียงครึ่งก้าวอยู่แล้ว
เสียงปังดังขึ้น ได้ยินเสียงแตกละเอียดดังคร๊ากกขึ้นมา มองเห็นพลังของมือขนาดใหญ่ที่ไม่อาจต้านทานได้ จัดการฉีกประกายสีเงินที่เสมือนดั่งฉากสวรรค์อย่างนั้นให้ขาดจากกันดื้อๆ ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา หลี่ชิเย่ก็จัดการหิ้วตัวเถาถิงโยนขึ้นไปบนยอดเขาใต้ต้นต้นเหล็กดอกไม้เงิน
“ไปบรรลุสัจธรรมเสีย ข้าช่วยเจ้าได้ครั้งหนึ่ง ไม่สามารถช่วยเจ้าได้สองครั้ง” หลังจากที่หลี่ชิเย่จัดการโยนเถาถิงเข้าไปในนั้นแล้วก็ได้สั่งการออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...