บรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดของสิบสามทวีปต้องจ้องมองดูเทพธิดาเก็บจันทรา เซียนหวังที่ถือกำเนิดขึ้น และเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง พวกเขาต่างไม่รู้ว่าควรจะบรรยายความรู้สึกที่สะเทือนอารมณ์ในเวลานี้อย่างใดดี
การประสบความสำเร็จเป็นเซียนหวังด้วยการมีชะตาฟ้าในครอบครองรวดเดียวสิบเอ็ดสาย นับเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนมากเหลือเกิน อย่างน้อยที่สุดบรรดาจอมราชันเซียนหวังเหล่านี้ไม่เคยพบเห็นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยเท่านั้น ขณะมองดูเทพธิดาเก็บจันทรากลายเป็นเซียนหวังที่สืบทอดชะตาฟ้าได้สิบเอ็ดสาย ต่อให้ไม่ยืนอยู่ในมุมมองส่วนตัว มองและวิจารณ์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เป็นความจริงที่เทพธิดาเก็บจันทรามีคุณสมบัติได้เป็นราชันเซียน ขณะอยู่เก้าแดนก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นด้านพรสวรรค์ หรือด้านธาตุแท้ภายใน และหรือด้านศักยภาพ ในยุคสมัยนั้นนางก็สามารถช่วงชิงความเป็นหนึ่งกับราชันเซียนหญิงหงเทียนได้อยู่แล้ว นางคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด และมีความคุกคามต่อการช่วงชิงชะตาฟ้าของราชันเซียนหญิงหงเทียนได้มากที่สุด
น่าเสียดายที่นางกลับจะต้องเจอะเจอกับราชันเซียนหญิงหงเทียน ผู้หญิงที่อาภัพแต่มั่นคงดั่งเหล็กคนนั้น ผู้หญิงที่ไม่กลัวต่อความพ่ายแพ้ตลอดกาล ผู้หญิงที่ต่อให้ต้องแพ้จนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงเริ่มต้นใหม่ได้คนนั้น สุดท้าย ราชันเซียนหญิงหงเทียนได้กลายเป็นราชันเซียน
มาวันนี้นางได้ขึ้นมาที่สิบสามทวีป สืบทอดชะตาฟ้าได้กลายเป็นเซียนหวัง สิ่งนี้นับว่าเป็นการชดเชยให้กับนางในครั้งครานั้น การที่หลี่ชิเย่คอยคุมเชิงให้กับนางด้วยตนเอง เป็นผู้คุ้มครองให้นางด้วยตนเอง ก็นับว่าเป็นการชดเชยความผิดพลาดในครั้งนั้น และสิ่งนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่นางสมควรจะได้รับอยู่แล้ว
“การแย่งชิงโดยอาศัยกำลังไม่เห็นจะเป็นเรื่องดี หากผิดพลาดขึ้นมา เกรงว่าคงจะต้องมีโรคแอบแฝงติดตัวไป” หลี่ชิเย่มองดูเทพธิดาเก็บจันทราแล้วเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ความจริงแล้ว เทพธิดาเก็บจันทรายังคงสามารถแบ่งการสืบทอดชะตาฟ้าออกเป็นสามครั้งได้ อาจกล่าวได้ว่าต่อให้นางแบ่งการสืบทอดชะตาฟ้าออกเป็นสามครั้ง ยังคงมีโอกาสสูงมากที่ได้กลายเป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย หากหลี่ชิเย่คอยเป็นผู้คุ้มครองให้กับนางทั้งสามครั้ง เกรงว่าคงไม่ต้องมีความกังวลใดๆ !
แต่ว่า เทพธิดาเก็บจันทรานั้นดื้อรั้นหัวแข็งมาโดยตลอด และชอบเอาชนะคนอื่น ราชันทักษิณได้สืบทอดชะตาฟ้าก่อนนางไปก้าวหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการสืบทอดชะตาดั้งเดิมถึงสี่สาย ดังนั้น เทพธิดาเก็บจันทราที่ชอบเอาชนะจึงคิดจะสืบทอดชะตาฟ้าให้ได้สิบสองสายในรวดเดียว ทำให้ชะตาฟ้าทั้งสิบสองสายรวมเป็นหนึ่งในรวดเดียว ซึ่งจะทำให้นางสามารถก้าวเดินไปบนเส้นทางของชะตาฟ้าสิบสองสายไปได้ไกลกว่า และก้าวไปได้ในระดับที่สูงกว่ากันก้าวหนึ่ง
ความที่เทพธิดาเก็บจันทราชอบเอาชนะนี่เอง เกือบจะทำให้นางคงความบาดเจ็บที่เกิดจากสวรรค์ลงทัณฑ์ เกือบจะส่งผลกระทบให้นางต้องถูกทำลาย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วนางยังคงสืบทอดชะตาฟ้าไปได้สิบเอ็ดสาย นางยังคงมีโอกาสได้กลายเป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย
“เกี่ยวอะไรก็เจ้า!” เทพธิดาเก็บจันทราที่นิ่งไม่หวั่นไหว และมีท่าทีที่เหงาเศร้ามาโดยตลอด เวลานี้จ้องมองหลี่ชิเย่อย่างเย็นชา พริบตาเดียวนั่นเองมีความรักของชายหญิงที่แสดงออกมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกะทันหันสะกิดจิตใจของผู้คน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกะทันหันแฝงไว้ซึ่งคำพูดมากมาย แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมา
หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวว่า “เกิดเจ้าได้รับอุบัติเหตุอะไรขึ้นล่ะก็ มิเท่ากับคนที่จะสังหารข้าน้อยลงไปอีกคนรึ ชีวิตคนปราศจากผู้ต่อกรเกินไปช่างหว้าเหว่เหลือเกิน ลองนึกดู หากยังมีผู้ที่หมายปองเอาชีวิตข้า ต้องการสังหารข้า อย่างน้อยที่สุดยังมีความหมายสักหน่อย ยังมีความหวัง ไม่ถึงกับเงียบเหงาอย่างนั้น”
“ไร้ยางอายแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก” เทพธิดาเก็บจันซากล่าวเสียงเย็นชา ท่าทีเยือกเย็น แต่ทว่าท่าทีที่เยือกเย็นเช่นนี้ดูจะฝืนๆ มีท่าทีที่หนักแน่จริงจังอยู่สามส่วน แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับท่าทีหนักแน่นจริงจังสามส่วนนั่น!
“ความไร้ยางอายของข้าใช่จะเพิ่งเป็นมาวันสองวัน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าข้านั้นไร้ยางอาย ความไร้ยางอายก็นับเป็นสิ่งที่เสาะแสวงหาของชีวิตคนเรา เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ยิ้มได้อ่อนโยนเหลือเกิน ยิ้มได้เป็นธรรมชาติ ช่างนิ่งอะไรอย่างนั้น เสมือนดั่งนอนอาบแดดอย่างเหนื่อยหน่ายท่ามกลางแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ ช่างสุขสบายอะไรอย่างนั้น ช่างสบายใจอะไรอย่างนั้น
“รอให้ข้าสำเร็จชะตาฟ้าสิบสองสาย ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว จะฆ่าเจ้าแน่นอน!” สำหรับความหน้าด้านและไร้ยางอายของหลี่ชิเย่นั้น เทพธิดาเก็บจันทราจ้องมองด้วยสายตาที่น่าเกรงขาม ท่าทีที่ส่อแสดงออกจากนัยน์ตาได้มีความรักของชายหญิงที่ไม่ธรรมดาอีกแล้ว
“ข้าจะรอ” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมา และกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “สหายเก่าได้พบกันเอาแต่พูดเรื่องฆ่าฟัน ช่างเสียความรู้สึกเหลือเกิน ข้ามีชาชั้นเลิศ และน้ำวิเศษ พวกเรามานั่งดื่มกันดีไหม?”
“ฝันหวานไปเถอะ!” เทพธิดาเก็บจันทรายังคงเย็นยะเยือก ยังคงประหยัดคำพูด แต่ทว่า น้ำเสียงของนางในเวลานี้ฟังดูแล้วช่างน่าฟังเหลือเกิน แม้ว่านางจะมีท่าทีที่เย็นยะเยือก แต่น้ำเสียงที่ได้ยินกลับไม่เย็นแม้แต่น้อย มันอบอุ่นเข้าไปถึงภายในหัวใจ ทำให้รู้สึกสบายใจยิ่งนัก
แน่นอน ความรู้สึกสบายใจเช่นนี้มีเพียงหลี่ชิเย่คนเดียวที่ได้เสพสุขกับมัน
เทพธิดาเก็บจันทรามองค้อนหลี่ชิเย่ทีหนึ่งอย่างรุนแรง จากนั้นล่องลอยจากไป เพียงพริบตาเดียวก็หายไปยังเส้นขอบฟ้านั่น
หลี่ชิเย่มองดูเทพธิดาเก็บจันทราที่จากไปไกลและยิ้มจางๆ โดยไม่ได้รั้งนางเอาไว้แต่อย่างไร เมื่อถึงเวลาอันควร โอกาสย่อมสุกงอมตามธรรมขาติ เขามีความอดทนกับวันเวลาที่ยาวไกลอยู่แล้ว
สุดท้าย หลี่ชิเย่เองยิ้มและมองดูสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ฟาดใส่หน้าผาของเรือนตำราที่ส่งเสียงดังตูมตามไม่ขาดสายแวบหนึ่ง หัวเราะและล่องลอยจากไปเช่นกัน
“ชาตินี้จะมีจอมราชันเซียนหวังสิบสองชะตาฟ้าสององค์ถือกำเนิดขึ้นมารึ?” มีเซียนหวังที่กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง หลังจากมองเห็นเทพธิดาเก็บจันทราล่องลอยจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...