ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2312

สรุปบท ตอนที่ 2312 เมืองปี้โซ่วเฉิง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2312 เมืองปี้โซ่วเฉิง – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 2312 เมืองปี้โซ่วเฉิง ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลี่ชิเย่พาหวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อออกจากท่าข้ามไปยังสถานที่แห่งอื่นๆ

หลินซิม่อเดินติดตามหลี่ชิเย่อยู่ด้านหลัง หลายครั้งที่นางอ้าปากจะพูด แต่ท้ายที่สุดไม่ได้พูดออกมาสักคำ นางเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

เทพธิดาสงครามแห่งจูเซียง อัจฉริยะบุคคลที่หยิ่งยโสแห่งแดนลัทธิพรรษ เทพธิดาที่มีผู้หลงใหลอยู่จำนวนเท่าไร และเป็นบุคคลที่เป็นแบบอย่างในทัศนะคติในใจของนาง

ไม่นานมานี้เอง ในความคิดของหลินซิม่อเทพธิดาสงครามแห่งจูเซียงคือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงส่งมาก อยู่ห่างจากตัวของนางชนิดที่มองได้แต่เอื้อมไม่ถึง อย่างไรก็ตามเวลานี้เทพธิดาสงครามแห่งจูเซียงกลับห่างจากตนใกล้แค่เอื้อม มันเหมือนอยู่ในความฝันอย่างนั้น ดูไม่เหมือนจริง แต่ทว่า นี่เป็นความจริงที่เทพธิดาสงครามแห่งจูเซียงอยู่แค่เอื้อมนี้เอง

“นังหนู ดูท่าการตัดสินใจของเจ้าไม่ธรรมดาเลยนะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและพูดกับหวู่ปิงหนิง

นาทีนี้หวู่ปิงหนิงถึงกับมองไปข้างหน้าที่ห่างไกลออกไป ท่าทางสับสนนิดหนึ่ง แต่จากนั้นสายตาได้เพ่งไปข้างหน้า นางได้กลับกลายเป็นผู้ที่มีความสามารถชำนิชำนาญ ไม่มีท่าทีของความลังเลอีก

“ชีวิตคนเราย่อมมีช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจเอง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ย่อมดีกว่าปล่อยให้มันไหลไปตามสายน้ำ” หวู่ปิงหนิงเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ก็ใช่ บางครั้งการเลือกจะบ่งบอกถึงความเจ็บปวด” หลี่ชิเย่กล่าวจางๆ ว่า “ยามที่ก้าวเท้าก้าวนี้ออกมาแล้ว มีเพียงเวลาเท่านั้นที่ให้เจ้าเองไปทำความเข้าใจว่ามันถูกหรือผิด”

หวู่ปิงหนิงทอดภอนใจออกมาเบาๆ ไม่ต้องการพูดอะไรต่อไปอีก นางเงยหน้าขึ้นจ้องมองหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “บรรพบุรุษพวกเราไม่เชื่อว่าเจ้าได้ครอบครองสิบสองกระบวนท่า”

“ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นเชื่อ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “เมื่อพลาดโอกาสไปมันเป็นความเสียหายของพวกเขาไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับข้า ถ้าหากเจ้าเชื่อก็เพียงพอแล้ว”

ภายในใจของหวู่ปิงหนิงถึงกับทอดถอนใจขึ้นมา สำหรับการจัดวางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนนั้น นางเคยพยายามดำเนินการให้บรรลุผล เคยพยายามไปเปลี่ยนแปลงมัน เสียดาย บรรพบุรุษที่กุมอำนาจจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาไม่เชื่อในคำพูดของนาง สุดท้ายเป็นหวู่ปิงหนิงตัดสินใจของนางเอง

“ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ” หวู่ปิงหนิงสะบัดผมของนางทีหนึ่ง ดูไม่แสแสร้งเคอะเขิน ยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อข้ามาพึ่งพาเจ้าแล้ว เจ้าก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เจ้าคือผู้ที่ล่อลวงผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิงพวกเราไป มีโทษมหันต์ การเป็นศัตรูกับจูเซียงหวู่ถิงของพวกเรา เมื่อถึงเวลานั้นก็จะมียอดฝีมือล้อมปราบเจ้าอย่างไม่ขาดสาย!”

“ข้ากลัวศัตรูจำนวนมากอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “มาคนหนึ่งฆ่าคนหนึ่ง มาสองคนประหารคู่หนึ่ง มาร้อยคนสังหารร้อยคน มาหมื่นคนเข่นฆ่าหนึ่งหมื่น…”

หวู่ปิงหนิงถึงกับมีท่าทีลังเลนิดหนึ่ง สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทอดถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง

“เห็นแก่เจ้า ข้าไม่ทำลายล้างจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

หวู่ปิงหนิงถึงกับยิ้มเจื่อนๆ นางยังจะพูดอะไรได้อีก ศักยภาพจูเซียงหวู่ถิงพวกเขาจัดอยู่ในสามอันดับแรกของแดนลัทธิพรรษ คนอื่นไม่กล้าแม้กระทั่งเป็นศัตรูกับจูเซียงหวู่ถิง อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ในเวลานี้ถึงกับออกปากจะทำลายล้างจูเซียงหวู่ถิงพวกเขาตามอารมณ์

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นต้องคิดว่าหลี่ชิเย่นั้นวาจาสามหาวไม่ละอายปาก แต่ในใจของหวู่ปิงหนิงรู้ดีว่า หลี่ชิเย่เป็นคนที่พูดแล้วทำได้ตามที่พูด

หลินซิม่อติดตามอยู่ด้านหลังพวกเขา ฟังการสนทนาของพวกเขาเงียบๆ กล่าวสำหรับนางแล้ว เวลานี้สิ่งที่นางสามารถสัมผัสได้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถสัมผัสได้ในอดีตทั้งสิ้น

ตึง ตึง ตึง…จังหวะที่หลี่ชิเย่พาหวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อเดินทางต่อไปข้างหน้านั้น ทันใดนั้นได้ยินเสียงที่หนักแน่นดังก้องอยู่ในฟ้าดิน ซึ่งเสียงตึง ตึง ตึงนี้เหมือนเป็นเสียงกลองอย่างนั้น

ขณะที่ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงนั้น หลี่ชิเย่ได้หยุด และฟังเสียงที่ดังตึง ตึง ตึงเสียงนี้

“เป็นอะไรไปรึ?” หลินซิม่อถึงกับตะลึงงันนิดหนึ่ง เมื่อเห็นหลี่ชิเย่หยุดเดิน

‘เมืองปี้โซ่วเฉิง’ สายตาของหลี่ชิเย่จ้องมองไประยะห่างไกล เหมือนว่าสายตาของเขาได้ก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว

“ดูท่าพวกเราต้องไปที่เมืองปี้โซ่วเฉิงสักครั้งหนึ่งก่อน เมื่อจัดการเรื่องราวบางอย่างให้เรียบร้อยแล้วจึงพาเจ้าไปตามหาสุสานกระบี่ได้” หลี่ชิเย่ละสายตากลับมา และเอ่ยขึ้นช้าๆ

หลินซิม่อพยักหน้า นางเองก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ จะอย่างไรเสียอาศัยกำลังของตนโดยลำพังคิดจะได้สุสานกระบี่มาครอบครอง เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ความจริงแล้ว ไม่เพียงแต่หลี่ชิเย่เท่านั้นที่ได้ยินเสียงกลองที่ดังตึง ตึง ตึงเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเงินทองตกพื้นก็ได้ยินเสียงที่ดังตึง ตึง ตึงเช่นนี้ ซึ่งเสียงดังตึง ตึง ตึงคล้ายเสียงกลองนี้ดังก้องอยู่ในเงินทองตกพื้น จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในเงินทองตกพื้นทุกหนทุกแห่งล้วนแล้วแต่ได้ยินเสียงเช่นนี้

“ฟังสิ นี่มันเสียงอะไร” มีผู้บำเพ็ญตนที่ไม่รู้ว่านี่เป็นเสียงของอะไร เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

‘เมืองปี้โซ่วเฉิง’ ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสเมื่อได้ยินเสียงนี้แล้ว รู้ได้ทันทีว่ามันคือเสียงอะไร

“ไป พวกเราไปดูสักหน่อย” ในเวลานี้เอง มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยทยอยกันละทิ้งเรื่องต่างๆ และมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เป็นต้นเสียงดังตึง ตึง ตึงนั่น

‘เมืองปี้โซ่วเฉิงเปิดแล้ว’ ภายในระยะเวลาอันสั้น ข่าวคราวเกี่ยวกับเมืองปี้โซ่วเฉิงได้ถูกแพร่ออกไปทันที

“เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เอง” ผู้อาวุโสถึงกับมองตามร่องเขาที่ราบเรียบไปยังที่ที่ห่างไกล สายตาตรงไปถึงทะเลที่อยู่ห่างไกลออกไป แต่ทะเลยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

“เมืองปี้โซ่วเฉิงมีสมบัติล้ำค่าอะไรรึ? พวกเรารุดมาจากตำหนักหมีเซียนเลยนะเนี่ย” มีศิษย์ที่รู้สึกแปลกใจ

ผู้อาวุโสของสำนักมองไปที่เมืองปี้โซ่วเฉิง สุดท้ายได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “มีของอยู่ไม่น้อยทีเดียว เป็นต้นว่าน้ำพุสัตว์ กระดูกเต๋าต่างๆ เป็นต้น ที่สำคัญมากที่สุดก็คือไข่สัตว์!”

“ไข่สัตว์?” เมื่อศิษย์ได้ยินเช่นนี้แล้วจึงพูดขึ้นว่า “ไข่สัตว์นั้นล้ำค่ามากรึ?”

“เรื่องนี้พูดยาก ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้า หากเจ้าโชคดีสามารถได้ไข่สัตว์ที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้” ผู้อาวุโสจ้องมองไปที่เมืองปี้โซ่วเฉิง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เล่าลือกันว่า ในครั้งนั้นราชันแท้จริงเต้าเจี่ยเคยอุ้มไข่สัตว์ออกมาจากเมืองปี้โซ่วเฉิงอยู่ใบหนึ่ง ฟักออกมาเป็นปี้อ้านตัวหนึ่ง จนกระทั่งบัดนี้ปี้อ้านตัวนั้นยังคงเป็นเทพผู้พิทักษ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว แข็งแกร่งจนสุดจะเปรียบเปรย”

“ใช่เพียงเท่านี้” ระดับบรรพบุรุษที่อยู่ข้างๆ ได้กล่าวว่า “ราชันแท้จริงเต้าเจี่ยไม่เพียงอุ้มไข่สัตว์มาใบหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังได้รับกระดูกเต๋าที่สุดยอดมากชิ้นหนึ่ง และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นราชันแท้จริงเต้าเจี่ย”

ราชันแท้จริงเต้าเจี่ยเคยเป็นหนึ่งในราชันแท้จริงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแดนลัทธิพรรษ เขามีชาติกำเนิดมาจากลานกำแหง ได้รับคัมภีร์ ‘ฟู่หนิว’ มาเล่มหนึ่ง สุดท้ายกลายเป็นราชันแท้จริง

แม้จะกล่าวว่า ราชันแท้จริงเต้าเจี่ยไม่ได้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ขึ้นที่แดนลัทธิพรรษ แต่เขาได้ปลุกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวที่กำลังใกล้จะล่มสลายให้ฟื้นขึ้นมา นับจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษยุคใหม่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ นี้

กล่าวได้ว่าราชันแท้จริงเต้าเจี่ยเคยเป็นราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิพรรษ แม้ว่าในครั้งนั้นเขาจะไม่ได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ

“เมืองปี้โซ่วเฉิงน่ะ ถ้าหากโชคดี ย่อมมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการเสี่ยงโชคในตำหนักหมีเซียน” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมา

หากเมื่อใดสามารถเข้าไปยังเมืองปี้โซ่วเฉิง และหากเจ้าโชคดีล่ะก็ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะได้สิ่งที่คาดไม่ถึง น้ำจากน้ำพุสัตว์ กระดูกเต๋า โดยเฉพาะไข่สัตว์ นี่แหละคือที่ผู้คนจำนวนมากคาดหวังจะได้มา

เนื่องจากเมื่อใดที่โชคดี สามารพอุ้มไข่สัตว์ที่ฝืนลิขิตสวรรค์มาได้ฟองหนึ่ง ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม ในอนาคตเจ้าอาจบ่มฟักสัตว์เทพขึ้นมาได้ตัวหนึ่ง มันก็คือฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งที่แท้จริงแล้ว

เฉกเช่นราชันแท้จริงเต้าเจี่ย ในครั้งนั้นก็ไปอุ้มเอาไข่สัตว์ที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งจากเมืองปี้โซ่วเฉิงมาได้ฟองหนึ่ง สุดท้ายฟักออกมาเป็นปี้อ้านตัวหนึ่ง กลายเป็นเทพผู้พิทักษ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว ซึ่งเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ผู้อาวุโสสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ล้วนแล้วแต่คิดจะได้อุ้มไข่สัตว์ที่สุดยอดออกมาจากเมืองปี้โซ่วเฉิงได้สักฟอง และหากสามารถฟักออกเป็นสัตว์เทพได้จริงๆ ล่ะก็ นั่นแหละคือการฝืนลิขิตสวรรค์ที่แท้จริงแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล