หนึ่งกระบี่ที่สำแดงออกไป เป็นหนึ่งกระบี่ที่ตามอารมณ์ยิ่งนัก แต่ทว่า หนึ่งกระบี่นี้กลับมีน้ำหนักเท่ากับโลกเป็นล้านล้านดวง น้ำหนักลักษณะเช่นนี้สามารถบดอัดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ก็รับไม่ได้
สิ่งนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่น่ากลัวที่สุดก็คือน้ำหนักทั้งหมดของหนึ่งกระบี่นี้ล้วนแล้วแต่รวมตัวกันอยู่บนส่วนที่เป็นปลายแหลมของกระบี่ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าส่วนปลายแหลมที่มีขนาดเท่าเข็มกลับรวบรวมน้ำหนักของโลกนับหมื่นพันมาอยู่ที่ตรงนี้ ช่างเป็นน้ำหนักที่สุดจะจินตนาการ เป็นเรื่องที่ไม่อาจคิดคำนวณได้
ลองนึกภาพดู น้ำหนักของโลกนับหมื่นพันถูกรวบรวมเอาไว้บริเวณส่วนปลายแหลมของกระบี่ ต่อให้กระบี่นี้ถูกทิ่มแทงมาอย่างตามอารมณ์ ยังจะมีสิ่งใดที่มันไม่สามารถทิ่มแทงให้ทะลุได้? ยังจะมีสิ่งใดสามารถต้านมันเอาไว้ได้? บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านมันได้
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อหนึ่งกระบี่นี้แทงเข้ามา กระบี่ทองแดงที่แฉลบผ่านไป ปรากฏเป็นเส้นผลึกเส้นหนึ่ง เส้นผลึกเส้นนี้เป็นการบ่งบอกว่าปลายกระบี่ได้กรีดช่องว่างจนขาด แทงทะลุช่องว่าง และเฉือนช่องว่างให้แยกออก อีกทั้งการเฉือนลักษณะเช่นนี้มีขนาดที่เล็กมาก และยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
เหมือนดั่งที่ก่อนหน้านั้น ขณะที่หนึ่งกระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋ที่กดทับลงมานั้น หนึ่งกระบี่ก็ได้กรีดตัดจนช่องว่างแตกละเอียด แต่ว่า ช่องว่างที่ถูกเขากรีดจนละเอียดนั้น ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ยังคงมีช่องว่างที่แตกละเอียดและร้าว ขณะที่ยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นกรีดเป็นเส้นออกมาได้จริงๆ นั่นย่อมบ่งบอกว่ากระบี่หนักของเทพกระบี่กูตู๋ยังคงไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในหนึ่งกระบี่นี้
ขณะที่หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่แตกต่างกันแล้ว หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ สามารถควบคุมน้ำหนักทั้งหมดให้อยู่ที่จุดๆ นี้ แม้ว่าจุดนี้มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมเสียอีก เขายังคงสามารถควบคุมน้ำหนักทั้งหมดให้อยู่ที่ตรงนี้ได้
เสมือนดั่งยอดฝีมือร่ายรำกระบี่สองคน คนหนึ่งเมื่อสำแดงกระบี่ออกไป เขาสามารถฟันยุงที่บินอยู่กลางอากาศให้ตกลงมาได้ ขณะที่ยอดฝีมืออีกคนหนึ่งสำแดงกระบี่ออกไป เขาสามารถฟันเส้นขนบนตัวของยุงให้ร่วงลงมาอย่างแม่นยำ
เทพกระบี่กูตู๋คือคนแรก หลี่ชิเย่คือคนหลัง อีกทั้งต่างก็เป็นยุงตัวหนึ่ง คนหนึ่งฟันยุงได้ตัวหนึ่ง ขณะที่อีกคนฟันเส้นขนที่อยู่บนตัวของยุงได้เส้นหนึ่ง ความห่างชั้นตรงนี้เรียกได้ว่าห่างไกลกันหนึ่งแสนแสนแปดพันลี้เลยเชียว ช่วงห่างเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจชดเชยกันได้ และช่วงห่างเช่นนี้เป็นร่องที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ดูชมเหตุการณ์อยู่ที่ที่ห่างไกลล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าบริเวณหน้าผากชื้นๆ มีของเหลวไหลลงมา เอื้อมมือไปคลำดู ปรากฏว่าเต็มไปด้วยเลือด
“แม่เจ้า…” นาทีนี้ ทำเอาระดับบรรพบุรุษวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บนหน้าผากของเขาถึงกับปรากฎเป็นรอยกระบี่เส้นเล็กมากเส้นหนึ่ง โดยมีเลือดที่ไหลลงมา
แม้ว่ากระบี่ของหลี่ชิเย่ไม่ได้แทงไปที่พวกเขา อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้แผ่ปณิธานกระบี่ใดๆ ออกมา แต่ทว่า หนึ่งกระบี่ที่แทงออกไปมันก็ได้แทงเข้าไปอยู่ภายในใจของทุกคนแล้ว แม้ว่าหนึ่งกระบี่นี้ไม่ได้ต้องการทำร้ายพวกเขา แต่ บนหน้าผากพวกเขาก็ได้ปรากฎเป็นรอยกระบี่ขึ้นมา เนื่องจากภายในใจของพวกเขาถูกกระบี่แทงเข้าให้แล้วทีหนึ่ง
“ถอยห่างอีก…” มาคราวนี้ทำให้ผู้คนทั้งหมดตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
ก่อนหน้านั้น ขณะที่กระบี่ทั้งสองปะทะกัน ได้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่รู้เท่าไร ส่งผลให้ทุกคนทยอยกันถอยหลังห่างออกไปจนอยู่ในระยะที่ห่างไกลเพียงพอ เวลานี้ดูไปแล้วระยะห่างนี้ก็ยังไม่พอ ดังนั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดจึงมีการถอยหลังดึงระยะห่างมากขึ้นไปอีก เพื่อประกันความปลอดภัยให้ตนเอง
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง กระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่กูตู๋คำรามโดยไม่มีการเคลื่อนไหว เห็นเพียงมือทั้งสองข้างของเทพกระบี่กูตู๋กำกระบี่เอาไว้ในลักษณะกระบี่ยักษ์ตั้งขึ้นบริเวณด้านหน้าของหน้าอก
เวลานี้ นาทีนี้เทพกระบี่กูตู๋ไม่ได้ระเบิดอานุภาพที่สะเทือนฟ้าขึ้นมา กระบี่ยักษ์ตั้งตรงอยู่ด้านหน้าของตนแค่นั้นแหละ จังหวะที่กระบี่ยักษ์ตั้งตรงอยู่บริเวณด้านหน้าของหน้าอกนั้น มันก็ได้ทำให้ทุกคนตระหนักถึงเทพกระบี่กูตู๋นาทีนี้ได้ทำการปิดกั้นตนเองเอาไว้ เมื่อเขาทำการปิดกั้นแล้วยอดฝีมือใดๆ ก็อย่าหวังจะกล้ำกรายเข้าไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว
โดยเฉพาะนาทีที่เทพกระบี่กูตู๋อาศัยกระบี่วางท่าทางในลักษณะตั้งตรงนั้น ประดุจดั่งโลกทั้งโลกได้กลับกลายเป็นโล่ขนาดยักษ์ขวางอยู่ด้านหน้าของเขา
ทันใดนั้น มีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกเป็นมโนภาพขึ้นมา กระบี่นี้ของเทพกระบี่กูตู๋ไม่เพียงแต่มีน้ำหนักไร้ขีดจำกัด ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ กระบี่นี้เหมือนมีความหนาเป็นสิบล้านลี้ เป็นไปไม่ได้ที่อาวุธใดๆ จะสามารถแทงทะลุพื้นปฐพี หรือฟ้าดินที่มีความหนาเป็นสิบล้านลี้เช่นนี้ได้
หลังจากที่อาศัยหนึ่งกระบี่ทำการปิดกั้นตนเองไว้แล้ว เหมือนว่าใครก็ตามล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายกระบี่นี้ไปได้
ไร้กระบวนท่า ปราศจากเคล็ดวิชา ไม่มีของวิเศษใดๆ ปกป้องรักษา เทพกระบี่กูตู๋อาศัยหนึ่งกระบี่ตามใจเช่นนี้แหละมาปิดกั้นอยู่ตรงหน้าของตน เสมือนหนึ่งไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายกระบี่นี้ของเขาได้อีกแล้ว
ภาพนี้นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนได้โดยแท้จริง ผู้คนจำนวนมากเพิ่งจะเข้าใจในนาทีนี้เองว่า แท้จริงแล้วการป้องกันด้วยหนึ่งกระบี่สามารถทำได้ถึงขั้นหนักและหนากว่าผืนแผ่นดินสิบล้านลี้ ไม่ว่าจะเป็นโล่ยักษ์อะไร หรือกำแพงศักดิ์สิทธิ์เช่นใดก็เทียบไม่ได้กับหนึ่งกระบี่นี้
หนึ่งกระบี่สามารถโจมตีทำลายฟ้าดิน หนึ่งกระบี่สามารถตั้งรับ ต้านหมื่นศัตรู ระหว่างรุกและรับของเทพกระบี่กูตู๋ไม่รู้ว่าได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับผู้คนจำนวนเท่าไร ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์เมื่อได้เห็นลักษณะของการรุกและรับเช่นนี้ของเทพกระบี่กูตู๋แล้ว ก็ต้องรู้สึกระอายใจ และลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง
ในพริบตาเดียวนั้นเอง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ก่อนหน้านั้นรู้สึกว่าวิชากระบี่ที่ว่าเป็นเพียงท่าทางที่เด็กๆ เขาเล่นกันเท่านั้น ไม่สามารถนำมาแสดงต่อหน้าผู้คนได้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้ดูวิชากระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋อีกครั้ง นั่นแหละคือวิชากระบี่ที่แท้จริง หนึ่งกระบี่ในมือใต้หล้ามีเพียงข้า นี่แหละคือวิชากระบี่ที่แท้จริง
ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ นาทีนี้ก็รู้สึกว่าวิชากระบี่ของตนนั้นไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ถ้าหากไปสำแดงกระบี่ต่อหน้าเทพกระบี่กูตู๋ล่ะก็ ถือว่าไม่เจียมตนเหลือเกิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...