ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2372

มู่เส้าเฉิน หลบหนีได้รวดเร็วมาก เขาไม่ได้หนีไปแบบห้อตะบึงอย่างนั้น แต่เป็นการกระโดดจากพิกัดหนึ่งไปยังอีกพิกัดหนึ่ง ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าเขาได้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้วแต่ต้นเอาไว้แล้ว

ตั้งแต่แรกเขาก็ได้ตระเตรียมการเอาไว้แล้วหากพ่ายแพ้ก็สามารถหลบหนีอย่างเอ้อระเหยในทันทีเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามู่เส้าเฉินนับว่ามีการวางแผนมาอย่างรอบคอบ

เสียดาย เขากลับต้องมาเจอะเจอกับผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะอย่างหลี่ชิเย่เข้าให้ แม้ว่าเขาจะวางแผนรอบคอบมากไปกว่านี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้

ร้อนสุดขั้วของกระบี่ไฟเพียงแค่จิ้มจากระยะห่างไกลเท่านั้น ก็หลอมละลายอากาศธาตุ ทะลุช่องว่าง หนึ่งกระบี่นี้ไม่ได้ก้าวข้ามอากาศเพื่อไปสังหารมู่เส้าเฉิน เป็นเพียงความร้อนแผดเผาสายหนึ่งที่ทะลุผ่านอากาศไป

คล้ายเป็นเหล็กหลอมละลายหยดหนึ่งที่หยดลงบนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยหิมะอย่างนั้น มันละลายทะลุผ่านหิมะนั้นไปทันที ต่อให้เป็นหิมะที่สะสมกันจนหนามากไปกว่านี้ก็ต้านน้ำเหล็กหยดเล็กๆ ที่หยดลงมาไม่ได้

แม้ว่ามู่เส้าเฉินได้กระโดดจากพิกัดหนึ่งไปยังอีกพิกัดหนึ่ง และก้าวข้ามช่องว่างในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แต่ว่าแค่ความร้อนแผดเผาเพียงหยดเล็กๆ หยดนั้นพลันหลอมละลายทะลุผ่านช่องว่าง และทะลุผ่านระยะทางนับสิบล้านลี้ในชั่วพริบตาเดียว

ความร้อนที่ร้อนสุดขั้วเพียงน้อยนิดนั่นประดุจดั่งสะเก็ดไฟน้อยนิดที่กระเด็นใส่มู่เส้าเฉินอย่างนั้น ตัวมู่เส้าเฉินเองพลันรับรู้ถึงอันตรายได้ทันที ในเสี้ยววินาทีนั่นเอง เขาได้เสกลูกแก้ววิเศษลูกนั้นซัดใส่ความร้อนที่สุดขั้วอันน้อยนิดนั่น แต่ทว่า ลูกแก้ววิเศษที่เป็นอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคในมือมู่เส้าเฉินไม่สามารถสำแดงอานุภาพที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรได้อีกแล้ว

เสียงปัง…ดังสนั่นหวั่นไหว ความร้อนหยดเล็กๆ นั่นปะทะเข้ากับลูกแก้ววิเศษลูกนั้น แม้ว่าจะเป็นอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค แต่ว่าเมื่อไม่สามารถสำแดงพลังที่แกร่งที่สุดออกมาได้ อานุภาพของมันก็มีอย่างจำกัด ลูกแก้ววิเศษลูกนี้ถูกกระแทกจนปลิวออกไป ภายใต้เสียงปังที่ดังสนั่นหวั่นไหว

ความร้อนแผดเผาที่เหมือนหยดน้ำเหล็กเพียงหยดเล็กๆ หยดหนึ่งที่กระเด็นใส่ตัวของมู่เส้าเฉิน ซึ่งมู่เส้าเฉินในเวลานี้ได้เพิ่มความเร็วของตนไปถึงจุดสูงสุดแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ยังคงไม่สามารถหนีรอดไปจากหยดความร้อนเพียงหยดเล็กๆ นี้ไปได้

“อ๊ากกก…” เสียงร้องเวทนาดังก้องไปทั่วฟ้าดิน เมื่อความร้อนแผดเผากระเด็นลงบนตัวของมู่เส้าเฉินแล้วนั้น มู่เส้าเฉินร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา เสียงจี๊ดเสียงหนึ่งดังขึ้น ร่างกายของมู่เส้าเฉินถูกเผาไหม้และระเหยเป็นไอภายใต้ความร้อนแผดเผาเช่นนี้ ระเหยเป็นไอกระทั่งไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูกในทันที

จังหวะที่ร่างของมู่เส้าเฉินระเหยไปอย่างสิ้นเชิงในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นประกายแสงที่อ่อนมาสายหนึ่งพลันบินจากไปอย่างรวดเร็ว และหายลับตาไปท่ามกลางท้องฟ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาในชั่วพริบตาเดียว

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย เมื่อมองเห็นประกายแสงที่อ่อนมากบินลับตาไปในทันที และกล่าวว่า “น่าสนใจ” แต่ก็ไม่ได้ไล่กวดไป

ทั่วฟ้าดินเงียบสงัดโดยพลัน ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ขณะมองดูร่างของมู่เส้าเฉินที่ถูกเผาไหม้จนระเหยกลายเป็นไอทั้งร่าง

แม้ว่าสายลมยังคงพัดมาแผ่วเบา ผืนแผ่นดิน ภูเขา แม่น้ำยังคงอยู่ แต่ว่านาทีนี้บรรยากาศทั่วทั้งเงินทองตกพื้นพลันแปรเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั่วบริเวณเงินทองตกพื้นพลันกลับกลายเป็นเงียบสงัดยิ่งนัก

ทุกคนไม่กล้ากระทั่งหายใจแรง ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ในเวลานี้ทั่วบริเวณเงินทองตกพื้นเงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงกระทั่งเข็มที่ตกลงพื้น

ก่อนหน้านั้น มู่เส้าเฉินนั้นโด่งดังแค่ไหน ผู้สืบทอดของตระกูลมู่ มีของวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนในครองครอง ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังยังมีผู้ยิ่งใหญ่ให้การสนับสนุน ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ เขามีพรสวรรค์ที่สุดยอดที่มีเพียงหนึ่งเดียวในหล้า ไม่รู้ว่ามีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากเขา

กล่าวได้ว่า หลังจากมาถึงแดนลัทธิพรรษ มู่เส้าเฉินสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ อย่าว่าแต่ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์เลย กระทั่งเทพแท้จริงขั้นอมตะก็ยินดีออกมาสนับสนุนตัวเขา

ไม่มีผู้ใดโดดเด่นไปกว่ามู่เส้าเฉินในเวลานั้น ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเมื่อมีการเอ่ยถึงตัวเขา ใครบ้างที่หาญกล้าไม่ยกย่องเขาว่า ‘นายน้อยมู่’

แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นตระกูลมู่ หรือมู่เส้าเฉินอะไร หรือผู้มีอิทธิพลเมื่อเสนอความเห็นแดนลัทธิพรรษก็จะคล้อยตาม หรือสุดยอดอัจฉริยะบุคคลอะไร และหรือมีวิธีการมากมายอะไรนั่น มาวันนี้เมื่อคนโหดอย่างหลี่ชิเย่พลันลงมือ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ดั่งเมฆและควันที่จางหายไป!

เมื่อต้องพบกับคนโหดอย่างหลี่ชิเย่แล้ว ทุกอย่างก็กลายเป็นเถ้าธุลี ทุกอย่างล้วนไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเทพอินทรีหวินตู้ ซึ่งเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วยังคงกลายเป็นเถ้าธุลีเท่านั้น กระทั่งไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูกสักนิด ถูกทำให้ระเหยไปทันที เหมือนว่าไม่เคยปรากฎตัวอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน

นี่คือขั้นอมตะคนหนึ่งนะเนี่ย เคยเกรียงไกรไปทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษ เคยปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า แม้ว่าไม่สามารถเทียบได้กับยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษอย่างเทพสงครามมังกรคชาธารได้ แต่ทว่า ทอดสายตามองไปทั่วแดนลัทธิพรรษ จะมีสักกี่คนที่ต่อกรกับเขาได้เล่า?

แต่ว่า เมื่อคนโหดอย่างหลี่ชิเย่ลงมือนั้น ทุกอย่างเป็นเพียงเมฆที่ลอยล่องเท่านั้น ทุกอย่างล้วนกลายเป็นเถ้าธุลีภายในระยะเวลาอันสั้น ทุกอย่างล้วนไม่คงอยู่อีกเลย!

ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างมองหน้ากันและกัน โดยเฉพาะบรรดายอดฝีมือ ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายมู่เส้าเฉินแต่เดิมเหล่านั้น พวกเขาพลันมีสีหน้าที่ขาวซีดกระทั่งเข่าอ่อนทั้งสองข้าง ถึงกลับทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เหงื่อเย็นไหลโทรมกาย ไร้สิ้นความกล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา

“ในที่สุดมู่เส้าเฉินก็ถูกจัดการไปแล้ว ข้าก็บอกแล้วว่า จะคอยดูว่าเขาจะทำยืดอกไปได้ถึงเมื่อไร” หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก มีอัจฉริยะกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“นั่นน่ะสิ ฮึ เจ้าคนแซ่มู่ออกจะไม่เห็นแดนลัทธิพรรษพวกเราอยู่ในสายตาเสียแล้ว มาคราวนี้ให้เขาได้รูจักความไร้เทียมทานของแดนลัทธิพรรษพวกเราเสียบ้าง ทำอวดดีเวลานี้ตายอย่างไร้ที่ฝัง” โดยเฉพาะพวกที่หลงรักในองค์หญิงหวินตู้เหล่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นมู่เส้าเฉินถูกสังหาร พวกเขาย่อมมีความสุขมากยิ่งกว่าใครๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล