หลี่ชิเย่ก็ยิ้มออกมา มองดูสาวงามที่มีท่าทางน่ารัก กับสาวงามขณะนี้ภาพนี้นับว่างดงามเหลือเกิน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านผู้เฒ่าไม่เพียงเป็นหนึ่งไม่มีสองด้านแพทย์ โอสถ ยาเม็ดเท่านั้น” ฝานเมี่ยวเจินที่ทะเล้นกะพริบตาที่หนึ่ง หัวเราะน่ารักและกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าไม่เพียงมีฝีมือเป็นหนึ่งในหล้า ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล ความนับถือที่น้องมีต่อท่านนั้นดั่งน้ำในแม่น้ำที่ไม่ขาดสาย…”
นังหนูผู้นี้เอ่ยคำที่ไพเราะน่าฟังเป็นชุด ประจบสอพรอหลี่ชิเย่ยกใหญ่
หลี่ชิเย่ตบหัวของนางเข้าให้ทีหนึ่ง ดุว่าทีเล่นทีจริงว่า “ผู้เฒ่าท่าน ท่านผู้เฒ่าอะไรของเจ้า ข้ายังหนุ่มแน่นมาก อย่ามาเรียกจนข้าจนแก่ไปเลย”
“ใช่ ใช่ ใช่” ฝานเมี่ยวเจินทำจมูกย่นด้วยความทะเล้น หัวเราะน่ารักและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่อายุน้อยร่ำรวยเงินทอง มีความสง่างามจนผู้คนต้องละอาย มีท่าทีที่สง่าผ่าเผย คือหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งที่ปราศจากผู้เทียบเทียม…”
“เจ้าไม่รู้สึกว่ามันน่าสะอิดสะเอียนรึ?” มู่หย่าหลันถึงกับอึ้งกับท่าทีของฝานเมี่ยวเจิน มองค้อนอย่างเคืองๆ
“ไม่เป็นไร สะอิดสะเอียนนิดหนึ่งจะมีอะไร คนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ใช่มะ” ฝานเมี่ยวเจินไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยนิด ยิ้มแต้และกล่าวว่า “ขอเพียงศิษย์พี่ใหญ่ยอมถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าที่เก็บซ่อนเอาไว้อย่างดีสักวิชาสองวิชา ต่อให้เป็นคำพูดที่สะอิดสะเอียนมากกว่านี้ข้าก็พูดได้” กล่าวพลางนางหนูผู้นี้ทำตากะพริบทีหนึ่ง ยิ้มท่าทีเจ้าเล่ห์ทีหนึ่ง
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่วางแผนบนตัวศิษย์พี่ใหญ่มานานแล้ว” ฉินซาวเย่าที่น่ารักเฉลียวฉลาดมาโดยตลอดกล่าวและเม้มปากหัวเราะเบาๆ
หลี่ชิเย่ใช้นิ้วดีดที่จมูกโด่งของฝานเมี่ยวเจินทีหนึ่ง ส่ายหน้าหัวเราะ และกล่าวว่า “นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ไม่เคยมีเคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรอะไรทั้งนั้น มีเพียงผู้ปราศจากผู้ต่อกร มีเพียงเจ้าได้เป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรแล้ว แต่ละกระบวนท่าล้วนแล้วแต่เป็นเคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกร ต่อให้เป็นกระบวนท่า ‘เสือดำควักใจ’ ที่เรียบง่ายก็สามารถสยบและสังหารเหล่าชั้นฟ้าและเหล่าเทพได้”
“ว้าว หากจะพูดถึงท่วงทำนองแล้ว ข้ายอมสยบให้กับศิษย์พี่ใหญ่มากที่สุดแล้ว” ฝานเมี่ยวเจินหัวเราะเสียงน่ารักและกล่าวว่า “พวกเจ้าดูสิ คำพูดที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้ ช่างพูดได้พาลข่มผู้คนได้มากเหลือเกิน”
“นังหนู วอนหาเรื่องเจ็บตัวแล้วสิ” หลี่ชิเย่ตบเข้าไปที่ก้นของนางอย่างแรง หัวเราะเยาะและดุด่าว่า “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจัดการกับเจ้า”
ฝานเมี่ยวเจินเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหางกระโดดขึ้นไปทันที ใบหน้าแดงก่ำ จ้องเขม็งหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง พูดด้วยท่าทางที่แสดงความไม่พอใจและตำหนิว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ยอมถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดวิชาให้พวกเราก็แล้วกันไปเถอะ ยังจะเอาข้ามาล้อเล่นอย่างนั้น”
“สมน้ำหน้า” มู่หย่าหลันหัวเราะน่ารักคำหนึ่ง ปรกตินางที่เป็นคนพูดน้อยเมื่อหัวเราะออกมาเต็มที่ เรียกได้ว่าสวยหยาดเยิ้มเลยทีเดียว นางหัวเราะเสียงน่ารักและกล่าวว่า “มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้นที่กำราบนางมารน้อยอย่างเจ้าได้แล้ว”
ว้าว ว้าว ว้าวฝานเมี่ยวเจินในเวลานี้ได้จ้องเขม็งไปที่มู่หย่าหลันทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ใครกันนะที่ยังไม่ทันได้แต่งออกไป ก็เข้าข้างคนอื่นเสียแล้ว หากแต่งออกไปเมื่อไหร่มิแย่เลยรึ”
ใบหน้าของมู่หย่าหลันแดงก่ำเมื่อถูกฝานเมี่ยวเจินหยอกล้อเช่นนี้ อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
“คึกครื้นขนาดนี้เลยรึ ดูท่าข้าคงพลาดฉากเด็ดอะไรไปแล้วสิ” ในเวลานี้เอง เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นนักพรตฉางเซินที่ลอยล่องเข้ามาถึง
พวกสาวงามอย่างฝานเมี่ยวเจินสามคนได้แต่สำรวมท่าทีเอาไว้เมื่อเห็นอาจารย์ของตน ยังคงมีรอยยิ้มที่ตลบอบอวลอยู่ท่ามกลางอากาศ
นักพรตฉางเซินใช่จะเป็นอาจารย์ที่หัวโบราณอะไร นางมองดูศิษย์ทั้งสามของตน แส้ปัดฝุ่นในมือสะบัดทีหนึ่ง ยิ้มแต้และกล่าวว่า “เมื่อครู่เหมือนว่าข้าจะได้ยินกำลังปรึกษาหารือเรื่องแต่งงานกันอยู่ พวกเจ้าใครที่ต้องการแต่งงานกับศิษย์พี่ใหญ่นะ? หรือว่าพวกเจ้าสามพี่น้องจะแต่งไปพร้อมกัน? หากเป็นเช่นนี้จริงๆล่ะก็ดีมาก เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน ข้ามีศิษย์อยู่แค่สามคนเท่านั้น ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าแต่งออกไปจริงๆ”
“อาจารย์ ท่านหัวเราะเยาะพวกเราอีกแล้ว” พลันที่นักพรตฉางเซินปริปากพูดออกมา ทำให้ฝานเมี่ยวเจินที่เป็นศิษย์พี่น้องทั้งสามมีใบหน้าที่แดงก่ำ ต่างทยอยกันแสดงความไม่พอใจส่งเสียงเช่อะออกมาคำหนึ่ง อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี หันหลังวิ่งหนีไปดั่งพายุ
เวลานี้ เหลือเพียงนักพรตฉางเซินและหลี่ชิเย่ที่ยังคงอยู่ที่ตรงนี้
มองดูเงาหลังศิษย์ของตนที่จากไปไกลแล้ว นักพรตฉางเซินเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่งดงามปราศจากผู้เทียบเทียม ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ศิษย์ทั้งสามของข้า เจ้าเลือกคนไหน หรือว่าเหมาหมดทั้งสามคน?”
หลี่ชิเย่บิดขี้เกียจทีหนึ่ง ท่าทีดูธรรมชาติและสบายใจ ยื่นมือไปวางอยู่บนไหล่ของนักพรตฉางเซิน กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “หรือจะอาจารย์และศิษย์ทั้งสี่คนห่อและส่งมาด้วยกัน ข้ารับเอาไว้ทั้งหมด”
นักพรตฉางเซินมองด้วยสายตาที่เฉือดเฉือน กล่าวเคืองๆ ขึ้นมาว่า “ฝันหวานไปแล้ว ไม่มีทาง”
“ช่างเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและทำท่ายักไหล่ทีหนึ่ง
นักพรตฉางเซินได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แน่นอน นางเองก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง
“เข้าไปเถอะ” สุดท้ายนักพรตฉางเซินกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ได้ตระเตรียมให้เจ้าพร้อมแล้ว แน่นอนที่สุด สามารถเอาไปได้หรือไม่ต้องอาศัยตัวของเจ้าเองแล้ว พวกเราก็จนด้วยเกล้า” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ท่าทางของนางดูหนักแน่นจริงจัง
“วางใจเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ท่าทางตามอารมณ์ยิ่งนัก และกล่าวว่า “ของที่ข้าอยากได้ไม่มีอะไรที่ไม่ได้มา ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องเช่นนี้กล่าวสำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องที่มั่นใจเต็มร้อย”
นักพรตฉางเซินยิ้มออกมา งดงามปราศจากผู้เทียบเทียม สะบัดแส้ปัดฝุ่นทีหนึ่งเดินนำทางให้กับหลี่ชิเย่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...