สำหรับเขาหงฮวงซาน และหรือทะเลสาบที่อยู่ด้านหลังของหงฮวงซานนั้น หลี่ชิเย่ไม่ค่อยจะไปใส่ใจกับมันมากนัก เขาเพียงจ้องมองไปที่ยังถ้ำยักษ์ที่อยู่ห่างไกลออกไป และหรือก็คือคุกหลวงดึกดำบรรพ์นั่นเอง
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าขึ้นมาขณะจ้องมองไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์ ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “ดูท่าฮ่องแต้ไท่ชิงเองก็เคยอยากได้คุกหลวงดึกดำบรรพ์มาครอบครองยิ่งนัก เสียดาย เขาก็ไม่สามารถค้นพบความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ภายใน”
ความจริงแล้ว ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่หากเอ่ยถึงชื่อของคุกหลวงดึกดำบรรพ์แล้วผู้คนจำนวนมากต่างก็รู้จัก การที่ผู้คนจำนวนมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่รู้จักคุกหลวงดึกดำบรรพ์หาใช่เป็นเพราะตัวของคุกหลวงดึกดำบรรพ์เอง แต่เป็นเพราะฮ่องแต้ไท่ชิง
แม้ว่าไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไรคุกหลวงดึกดำบรรพ์จึงถูกเรียกว่าเป็นคุกหลวง แต่ว่ามีคำเล่าลือว่าในยุคโบราณมากๆ นั้น คุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็เคยเป็นที่คุมขังของคนบางคน เคยมีผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรถูกขุมขังเอาไว้ข้างใน
ด้วยเหตุนี้เอง ขอเพียงคนผู้นั้นถูกจับขังเข้าไปอยู่ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็จะไม่สามารถกลับออกมาได้ตลอดกาล ได้แต่ถูกคุมขังเอาไว้อยู่ในนั้นตลอดไป
กระทั่งในอดีตที่นานมากก็เคยมีการเล่าลือกันว่า คุกหลวงดึกดำบรรพ์เคยถูกปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นำมาใช้คุมขังผู้ที่โหดร้ายยิ่งบางคนของแดนลัทธิราชัน ภายหลังมีช่วงเวลาหนึ่งที่ยาวนานมาก ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็เคยใช้เพื่อการคุมขังคนบางคน
เพียงแต่กระทั่งภายหลังต่อมา คุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็ไม่เคยได้คุมขังผู้ใดอีกเลย เหตุผลนั้นง่ายมาก ถ้าหากสามารถจับตัวคนที่สุดโหด และหรือศัตรูสักคนเอาไว้ได้แล้วนำไปขังเอาไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ นั่นเป็นการบ่งบอกว่าเขาได้สูญสิ้นกำลังที่จะต่อต้านโดยสิ้นเชิงแล้ว สุดแต่เจ้าจะเชือดเฉือน กับคนที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ย่อมสามารถสังหารเขาได้อย่างสิ้นเชิงได้อยู่แล้ว
อีกทั้งหลังจากที่จับเข้าไปขังเอาไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็จะไม่สามารถกลับออกมาได้อีก ทั้งไม่ว่าใครก็ไม่สามารถไปเยี่ยมผู้ต้องขังได้ การถูกจับขังไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ย่อมบ่งบอกถึงความตาย ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการสังหารเขาเสีย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไมจะต้องสิ้นเปลืองพลังงานมากมายเพื่อคุมตัวคนสุดโหดและหรือผู้เป็นศัตรูของตนเล่า? จัดการสังหารพวกเขาเสียโดยตรงก็พอแล้ว
แต่ทว่า ไม่ทราบด้วยสาเหตุอันใด หลังจากที่ฮ่องแต้ไท่ชิงได้ควบคุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้วนั้น เมื่อเขาได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดอย่างแท้จริง และยิ่งใหญ่แต่ผู้เดียวทั่วหล้า เขาถึงกับเริ่มต้นใช้คุกหลวงดึกดำบรรพ์มาคุมขังศัตรูบางคน
มีช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ยาวนานมาก ฮ่องแต้ไท่ชิงได้จัดการส่งตัวศัตรูบางส่วนไปคุมขังเอาไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ อีกทั้งผู้ที่ถูกจับไปขังเอาไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมากที่สุดของฮ่องแต้ไท่ชิง กระทั่งเคยมีบางคนที่มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเสียอีก!
ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรฮ่องแต้ไท่ชิงถึงจับตัวศัตรูเหล่านี้ไปขังไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ เนื่องจากตัวเขาเองสามารถสังหารศัตรูของตนได้อย่างสิ้นเชิงอยู่แล้ว แต่เขากลับสิ้นเปลืองกำลังกายและกำลังสมองนับไม่ถ้วนเพื่อจับเป็นศัตรูเหล่านั้น จากนั้นนำตัวไปขังเอาไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์
มีระดับบรรพบุรุษบางคนคาดเดากับลับๆ ว่า การที่ฮ่องแต้ไท่ชิงนำตัวศัตรูบางคนของตนไปขังไว้ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์หาใช่ต้องการสอบสวนด้วยการลงทัณฑ์ต่อศัตรูของตน แต่ทำไปเพื่อต้องการทดสอบหยั่งเชิงดู บางทีภายในคุกหลวงดึกดำบรรพ์อาจมีอะไรบางอย่างที่เขาต้องการ
ความจริงแล้ว เคยมีปรัชญาเมธีและราชันแท้จริงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คาดเดาไว้ว่า ในยุคเก่าแก่โบราณไม่ว่าจะเป็นปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่ หรือว่าบรรพบุรุษดึกดำบรรพ์คนอื่นๆ การที่นำเอาคุกหลวงดึกดำบรรพ์มาคุมขังคนสุดโหดและหรือผู้เป็นศัตรู พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ได้ต้องการคุมขังคนใดคนหนึ่งจริงๆ ที่ถูกต้องบอกว่าเป็นการนำเอาคนเหล่านี้มาเป็นตัวทดลอง พวกที่ถูกนำไปคุมขังเป็นเพียงเป้าหมายของการทดลองเท่านั้น
ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีคนคาดเดาว่า ภายในคุกหลวงดึกดำบรรพ์มีสิ่งของบางอย่าง เป็นสิ่งของบางสิ่งที่แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่ก็อยากได้ เพียงแต่ปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่เองก็ไม่ได้สิ่งนั้นมาเท่านั้นเอง
“สิ่งที่คนอื่นเก็บเกี่ยวไปไม่ได้ เช่นนั้นแล้วข้าเอง” หลี่ชิเย่ที่มองดูคุกหลวงดึกดำบรรพ์แล้วหัวเราะทีหนึ่ง จากนั้นหันหลังกลับเข้าไปภายในตำหนักศิลา
เป็นดังนี้แหละ หลี่ชิเย่เขาพักอาศัยอยู่ในหงฮวงซาน แม้ว่าหลี่ชิเย่จะเป็นแขกของเขาจิ่วเหลียนซาน แต่ปราศจากศิษย์คนใดคนหนึ่งของเขาจิ่วเหลียนซานมาปรนนิบัติ
ความจริงแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่มายังเขาจิ่วเหลียนซาน จะมาเป็นแขกก็ดี บรรลุสัจธรรมก็ช่าง เขาจิ่วเหลียนซานก็จะไม่ปรนนิบัติ ต่อให้เป็นฮ่องแต้ไท่ชิงเสด็จมาที่เขาจิ่วเหลียนซานด้วยตนเอง ทางเขาจิ่วเหลียนซานก็จะไม่มีศิษย์ที่มาคอยให้การปรนนิบัติ อย่างมากที่สุดก็แค่ทำบันทึกประวัติเท่านั้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น สมควรทำเช่นใดก็ให้ทำไปตามนั้น ดังนั้น แม้แต่ฮ่องแต้ไท่ชิงจะพักอาศัยอยู่ที่เขาจิ่วเหลียนซานสักระยะหนึ่งเพื่อบรรลุสัจธรรมล่ะก็ ต้องนำคนรับใช้ของตนติดตามมาด้วย ทางเขาจิ่วเหลียนซานจะไม่ส่งศิษย์มาคอยให้การปรนนิบัติอยู่แล้ว
ใช่จะเพียงฮ่องแต้ไท่ชิงเท่านั้นที่ไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ก่อนหน้านั้น แม้แต่ราชันแท้จริงเจิ้นตี้ที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งมาที่เขาจิ่วเหลียนซาน ทางเขาจิ่วเหลียนซานก็ไม่ได้จัดให้ศิษย์คนใดคนหนึ่งมาคอยให้การปรนนิบัติเขาเช่นเดียวกัน
เขาจิ่วเหลียนซานเป็นเช่นนี้ตลอดมา และนี่ก็คือสิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองที่เป็นที่สุดของเขาจิ่วเหลียนซาน
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีผู้ใดที่ทำหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธกับเรื่องเพียงเท่านี้ ความจริงแล้ว พันล้านปีที่ผ่านมา ผู้ที่กล้าพาลเกเรและทำกำเริบเสิบสานในเขาจิ่วเหลียนซานนั้นมีไม่มากนัก แม้แต่ราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรมาถึงเขาจิ่วเหลียนซานก็ดูจะอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่หลายส่วน ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้พักอาศัยในหงฮวงซานแล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจว่ามีใครมาคอยปรนนิบัติเขาหรือไม่ กล่าวสำหรับตัวเขาแล้ว ต่อให้เป็นการนอนกลางดิน กินกลางทรายก็ไม่นับเป็นอะไร
หลังจากที่หลี่ชิเย่รั้งอยู่ที่หงฮวงซานแล้วก็ไม่ได้ไปทดลองหยั่งเชิงคุกหลวงดึกดำบรรพ์ในทันที แต่กลับเป็นการบริโภคน้ำค้างบรรลุสัจธรรม อีกทั้งยังได้นั่งสมาธิเข้าฌานทุกวันบนยอดเขา หันหน้าไปทางคุกหลวงดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น และปล่อยให้จิตล่องลอยไป
แน่นอน การนั่งสมาธิและเข้าฌานอยู่ที่ตรงนั้นของหลี่ชิเย่นั้น ไม่ปรากฏรัศมีศักดิ์สิทธิ์ และไม่มีปรากฎการณ์ที่เป็นมงคลลงมา เสมือนหนึ่งเป็นการเขาฌานที่ไม่มีข้อแตกต่างอะไรจากมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง
ขณะที่ภายในลัคนาของหลี่ชิเย่นั้น ต้นโลกดึกดำบรรพ์ปรากฏ ผลสัจธรรมลูกสน และผลสัจธรรมลูกโอ๊กสุกงอมเต็มที่ พร้อมที่จะร่วงหล่นจากต้นได้ทุกเมื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...