ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างจ้องตากันและกันเมื่อเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ของเจิงยี่ปิง และมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ค่อนข้างมากถึงกับแอบส่ายหน้าลับๆ
ผู้คนจำนวนมากใช่จะเห็นใจหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องแต้องค์ใหม่ แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าเจิงยี่ปิงนั้นคือคางคกขึ้นวอ เกรงว่าขณะที่ฮ่องแต้องค์ใหม่ยังครองบัลลังก์อยู่นั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ เวลานี้กลับมาโอ้อวดกำลังต่อหน้าฮ่องแต้องค์ใหม่ที่อ่อนแอกว่า
น้อยคนนักในโลกของผู้บำเพ็ญตนจะไปสงสารผู้อ่อนแอ เดิมทีโลกนี้ก็คือโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้คนจำนวนมากำม่สบอารมณ์กับลักษณะท่าทางทีเป็นคางคกขึ้นวอของเจิงยี่ปิง
ปรกติแล้วเจิงยี่ปิงเป็นได้แค่ตัวประกอบตัวน้อยๆ เท่านั้นเอง โดยที่บทบาทเช่นนี้ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่จัดอยู่ในอันดับอะไรอยู่แล้ว เวลานี้กลับแสดงท่าทีที่ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ด้วยท่าทีที่ลำพองอวดดีเช่นนี้ ยกตนข่มท่านเช่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังในระดับเดียวกันกับเจิงยี่ปิงเห็นแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์
แน่นอน ผู้คนจำนวนมากก็ไม่ต้องการพูดอะไรมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขอความเป็นธรรมให้กับฮ่องแต้องค์ใหม่
แม้ว่าเจิงยี่ปิงจะไม่ใช่อัจฉริยะบุคคลอะไร และมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่มองเขาไม่สบอารมณ์ แต่ว่าจะอย่างไรเสียเขาก็คือบุตรของพี่สาวน้องสาวของหม่าชุนหมิง เป็นซื่อจื่อของตระกูลเจิง นับว่ามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งมาก
ส่วนฮ่องแต้องค์ใหม่จะมีจุดจบเช่นใดนั้นน้อยคนนักที่รู้สึกสงสาร ยิ่งไปกว่านั้นก็จะไม่มีการออกหน้าหรือเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับฮ่องแต้องค์ใหม่อีกด้วย กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว ฮ่องแต้องค์ใหม่เป็นเพียงผู้ไร้ญาติขาดมิตรหมดที่พึ่งคนหนึ่งเท่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่คือพาตัวเองให้ออกห่างเสีย ใครบ้างล่ะที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนเช่นนี้เล่า?
ในเวลานี้ เจิงยี่ปิงได้สั่งการออกไป ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในชุดทะมักทะแมงสิบกว่าคนพลันล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ ดวงตาทั้งสองของเขาล้วนแล้วแต่เผยแววตาที่เข้มและน่าเกรงขามออกมา
ชายฉกรรจ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เคยอยู่ในกองทัพมาก่อน หาใช่ประเภทรับมือได้ง่ายดายอย่างแน่นอน ขอเพียงเจิงยี่ปิงมีคำสั่งลงมา พวกเขาจะลงมือโดยไร้ซึ่งความปราณีแน่นอน ล้วนแล้วแต่เป็นพวกจิตใจโหดเหี้ยมทั้งสิ้น
“ฝ่าบาท จะให้พวกข้าน้อยลงมือหรือว่าฝ่าบาทจะทำลายมือเท้าเองล่ะ? ” หนึ่งในชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพูดและหัวเราะน่าครั่นคร้ามขึ้นมา
ในขณะที่บรรยากาศเหตุการณ์กำลังตึงเครียด และทุกคนต่างอดที่จะกลั้นลมหายใจมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั้น
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังฟืดดด ฟืดดด ฟืดดดดังขึ้นเป็นระลอก พลันส่งเสียงรบกวนสร้างความตระหนกให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด เจิงยี่ปิงและชายฉกรรจ์กว่าสิบคนของเขาพลันหันหลังกลับไป
มองเห็นเพียงข้างภูเขามีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ตรงนั้น บริเวณเอวมีมีดตัดฟืนเหน็บอยู่ ข้างเท้ามีไม้ฟืนอยู่หาบหนึ่ง กำลังนั่งดูดกล้องยาสูบเสียงดังฟืดดด ฟืดดดท่าทางดูสบายใจอย่างยิ่ง
ทุกคนต่างไม่ทันสังเกตเห็นว่าผู้เฒ่าผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อไร เหมือนว่าเขานั่งสูบยาสูบที่นั่นมาโดยตลอดอย่างนั้น ดุจดั่งไม่มีใครได้มองเห็นการดำรงอยู่ของเขาอย่างนั้น
ครั้นทุกคนต่างมองไปที่ผู้เฒ่าผู้นี้ ผู้เฒ่าได้พ่นควันออกมาเป็นวง เคาะกล้องยาสูบทีหนึ่งและหัวเราะเจื่อนๆ กล่าวว่า “ขออภัย ตาเฒ่าเดินหลงเข้ามา พวกเจ้าดำเนินการต่อไปเถอะ”
ทุกคนต่างไม่รู้ว่าผู้เฒ่าผู้นี้เป็นใคร ผู้คนจำนวนมากเพียงจ้องมองกันและกันทีหนึ่ง
ลงมือ…ในเวลานี้เจิงยี่ปิงก็ไม่มีทางเลือก ยิ่งไปกว่านี้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลิกล้มกลางคันเพียงแค่นี้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาจึงออกคำสั่งกับชายฉกรรจ์สิบกว่าคนนั่น
“ฝ่าบาท อย่าโทษพวกเราโหดเหี้ยมอมหิต สิ่งนี้โทษข้าไม่ได้ บอกได้แต่เพียงเจ้ามีตาแต่ไร้แวว” หนึ่งในชายฉกรรจ์สิบกว่าคนได้หัวเราะน่าครั่นคร้ามขึ้นมา
นาทีนี้ชายฉกรรจ์สี่คนจากชายฉกรรจ์สิบกว่าคนได้มองตากันและกัน คำรามเสียงดังขึ้น ลงมือ…ขาดคำได้ลงมือพร้อมกัน
ชายฉกรรจ์สี่คนพลันยื่นมือเข้าไปคว้าตัวหลี่ชิเย่ทันที พวกเขาแยกกันคว้าแขนและขาของหลี่ชิเย่ ทุกคนจะจับแขนขาคนละข้าง คิดจะหิ้วตัวหลี่ชิเย่ยกขึ้นมา
ทั้งสี่คนคว้าจับเอาแขนขาของหลี่ชิเย่พร้อมกัน แบบนี้ไหนเลยต้องการหักแขนขาของหลี่ชิเย่ ต้องการจับตัวหลี่ชิเย่ดุจดั่งห้าอาชาแยกร่างชัดๆ
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นประกายเยือกเย็นสีขาวแวบขึ้นมา และได้ยินเสียงปุ ปุ ปุดังขึ้น เพียงชั่วพริบตาเดียวประกายสีเลือดแตกกระจาย
ทุกคนยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏแขนสี่ข้างตกลงบนพื้น เลือดสดๆ พุ่งทะลักย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงไปโดยพลัน
“อ้ายหย๋านั่นมีดตัดฟืนของข้า…ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาแต่อย่างใด ได้ยินเสียงของผู้เฒ่าตัดฟืนร้องเสียงดังขึ้นมา มือของเขาได้แตะกุมไปที่บริเวณเอวของตนอย่างแรง แต่ มีดตัดฟืนของเขาได้หายไปแล้ว
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เห็นเพียงมีดตัดฟืนที่ลอยขึ้นไปบนอากาศ พริบตาเดียวนั่นเองก็จัดการตัดเอาแขนของชายฉกรรจ์ที่เข้ามาจับตัวหลี่ชิเย่จนขาด แขนของชายฉกรรจ์ทั้งสี่ล้วนแล้วแต่ถูกตัดเสมอไหล่ลงไป มีดตัดฟืนแวววับคมกริบ ขณะที่ฟันเอาแขนขาดติดมือมานั้นก็คล้ายดั่งเป็นการสับลงไปบนเต้าหู้อย่างนั้น
อ๊ากกก…ชายฉกรรจ์เพิ่งจะมีปฏิกิริยาขึ้นหลังจากที่แขนตกลงบนพื้น และเลือดสดๆ พุ่งกระจายอย่างรุนแรง พบว่าแขนของตนถูกฟันจนขาดไปแล้ว ต่างร้องเสียงน่าเวทนาออกมา พวกเขาได้กลายเป็นชายฉกรรจ์ไร้แขนโดยพลันไปแล้ว
ในเวลานี้เอง มองเห็นมีดตัดฟืนลอยตัวสูงอยู่กลางอากาศ โดยมีเลือดสดๆ ที่ไหลหยดลงมาตามตัวมีดเล่มนั้น ไม่มีใครถือมีดตัดฟืนเล่มนี้เอาไว้ เหมือนว่ามันบังเกิดปาฏิหาริย์อย่างนั้น จัดการฟันแขนของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนจนขาด
อ้ายหย๋านั่นมันเครื่องมือหากินของข้า รีบกลับมาเร็ว” เวลานี้ผู้เฒ่าตัดฟืนร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยอาการร้อนรน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...