“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” หลิ่วชูฉิงจึงได้รู้ว่าตนเองนั้นคิดไปเองเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว อายจนต้องก้มหน้าลง
นาทีนี้หลิ่วชูฉิงก็คล้ายดั่งเป็นภรรยาที่เชื่อฟัง ก้มหน้าและหลับตาลง ทำจิตให้ไปรับรู้อย่างละเอียด เหมือนรับรู้อะไรได้บางอย่าง
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลิ่วชูฉิงลืมตาขึ้น กล่าวด้วยความตื่นตระหนกระคนกับความดีใจว่า “มันมีอยู่นะ คล้ายมีกลิ่นอายอะไรสักอย่างกำลังดังก้องอยู่อย่างนั้น แต่ก็จับไม่อยู่ เหมือนมีเสียงดังขึ้นมาอย่างนั้น เป็นเสียงที่สดใสไพเราะมาก”
“มีความรู้สึกแบบนี้ก็ถูกต้องแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่หัวเราะ พยักหน้าและกล่าวว่า “มิฉะนั้นล่ะก็ คาถาที่เจ้าฝึกมาก็เสียเปล่าแล้ว สมควรทราบว่า เวลานี้เจ้าได้ฝึกสองในเคล็ดวิชาจิ่วหมี่ทั้งเก้าอยู่”
“สองในเคล็ดวิชาจิ่วหมี่ทั้งเก้า” หลิ่วชูฉิงมีท่าทีตะลึงเป็นอันดับแรก เมื่อได้สติกลับมาแล้วร้องเสียงหลงดังขึ้นมาว่า “ท่านบอกว่า ท่านบอกว่า คาถาที่ท่านถ่ายทอดให้ข้าคือ คือ คือหนึ่งในเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่! ”
ในขณะที่ร้องเสียงหลงดังขึ้นมานั้น หลิ่วชูฉิงเองก็รีบเอามือป้องปากเอาไว้ เหลียวซ้ายแลขวาทีหนึ่งด้วยเกรงว่าจะมีคนอื่นได้ยิน โชคดีที่ข้างๆ ไม่มีใคร จึงทำให้นางหายใจด้วยความโล่งอก ถึงกับตบเบาๆ กับหน้าอกที่อวบอิ่มและดันเสื้อจนนูนสูงขึ้นมานั่น
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา มองดูท่าทางที่ดูระมัดระวังและน่ารักนั่น รู้สึกหลงรักขึ้นมาน้อยๆ ดีดเบาๆ ที่ดั้งจมูกน้อยๆ ที่โด่งทีหนึ่ง และกล่าวว่า “หากไม่ใช่หนึ่งในเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่ หรือเจ้าคิดว่าคืออะไร”
“เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้ไม่เหมาะสมกระมัง” หลิ่วชูฉิงถึงกับลังเลขึ้น จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความกังวล และกล่าวว่า “ท่าน ท่านถ่ายทอด ‘เคล็ดวิชาโต่วมี่’ และ ‘เคล็ดวิชาเจ่อมี่’ สองในเคล็ดวิชาจิ่วหมี่ทั้งเก้าให้กับข้าโดยพละการ เกรงว่านี่ นี่จะนำมาความยุ่งยากอย่างยิ่งให้กับท่าน ข้า ข้า ข้าจะฝึกมันไม่ได้นะ ข้ายังคงไม่ฝึกมันแล้ว” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับมีท่าทางที่ทุกข์ใจ
เคล็ดวิชาจิ่วมี่คือเคล็ดวิชาที่สุดยอดที่สุด แข็งแกร่งและลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่สุด เป็นพื้นฐานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมด ยิ่งกว่านั้นยังเป็นแกนหลักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ที่กระหายอยากจะได้เก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่ เคล็ดวิชาใดวิชาหนึ่งก็ได้
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น การที่สามารถฝึกเพิ่มอีกหนึ่งเคล็ดวิชา นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในโลก เป็นความโชคดีที่ไร้ขอบเขตจำกัด เกรงว่าคงทั้งตื่นตกใจและดีใจนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหลิ่วชูฉิงยังได้ฝึก ‘หลินมี่’ ที่เป็นหนึ่งในเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่ของหอหลินไห่เก๋อมาแล้ว นางยิ่งสามารถเข้าใจได้ว่าการได้ฝึกเพิ่มอีกหนึ่งเคล็ดวิชาบ่งบอกถึงสิ่งใดแล้ว
แต่ทว่า เวลานี้หลิ่วชูฉิงไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกตกใจระคนกับความดีใจที่ตนเองได้ฝึกเพิ่มอีกหนึ่งเคล็ดวิชา แต่เป็นกังวลแทนหลี่ชิเย่ขึ้นมา
เนื่องจากหากหลี่ชิเย่แอบนำเอาหนึ่งในสองในเคล็ดวิชาจิ่วหมี่ของราชวงศ์โต่วเซิ่นถ่ายทอดให้คนอื่นโดยพละการล่ะก็ เกรงว่าจะต้องได้รับการลงโทษจากราชวงศ์โต่วเซิ่น เกรงว่าต่อให้เขาเป็นถึงฮ่องเต้ก็ไม่สามารถนำเอาหนึ่งในเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่ถ่ายทอดให้บุคคลภายนอกโดยพละการ
ดังนั้น หลิ่วชูฉิงพลันรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ในใจของนางคิดว่าฝึกหรือไม่ฝึกเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่ก็ไม่สำคัญ เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของหลี่ชิเย่ ขอเพียงหลี่ชิเย่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของความปลอดภัย นางยินดีสละได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
“ทำไมจะถ่ายทอดให้เจ้าไม่ได้? ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าจะเป็นภรรยาตัวน้อยๆ ของข้ามิใช่รึ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าถ่ายทอดให้กับเจ้าก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
หลิ่วชูฉิงพลันมีใบหน้าที่แดงก่ำและรู้สึกแสบร้อนที่บริเวณกกหู แต่กลับรู้สึกหวานซึ้งในใจยิ่งนัก คำพูดคำหนึ่ง ‘ภรรยาตัวน้อยๆ’ ที่หลี่ชิเย่ใช้เรียกนางพลันทำให้นางหวานเข้าไปในกระดูก อ่อนไปทั้งตัว กล่าวสำหรับนางแล้ว นางดีใจอย่างที่สุดสำหรับคำเรียกขานเช่นนี้ ทำให้นางชอบ ทำให้นางหวานซึ้ง
“แต่ว่า สิ่งนี้ไม่สามารถถ่ายทอดให้โดยพละการนะ” เมื่อหลิ่วชูฉิงได้สติกลับมาได้เงยหน้าขึ้น และยังคงเป็นกังวลเหมือนเดิม
นางมีชาติกำเนิดมาจากหอหลินไห่เก๋อ ย่อมรู้ดีถึงกฎเกณฑ์ของสำนักเจ้าลัทธิตระกูลขุนนางโบราณ สุดยอดเคล็ดวิชาลับเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดให้แก่กันโดยพละการ ไม่ว่าใครก็ไม่มีการยกเว้น มิฉะนั้นล่ะก็ผลที่ตามมาจะสาหัสมาก
“แอบถ่ายทอดไม่แอบถ่ายทอดอะไรของเจ้า” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้า และกล่าวว่า “ทุกเรื่องราวบนโลกนี้ข้าหลี่ชิเย่ล้วนทำได้ทั้งนั้น ข้าบอกว่าอนุญาตก็คืออนุญาต ใครกล้าฝ่าฝืน อีกอย่าง ที่ข้าถ่ายทอดให้กับเจ้าก็ไม่ใช่ ‘เคล็ดวิชาโต่วมี่’ กับ ‘เคล็ดวิชาเจ่อมี่’ ที่เป็นเคล็ดวิชาทั้งสองของราชวงศ์โต่วเซิ่น
“ไม่ใช่ ‘เคล็ดวิชาโต่วมี่’ กับ ‘เคล็ดวิชาเจ่อมี่’ ทั้งสองเคล็ดวิชารึ? ” คำพูดนี้ทำเอาหลิ่วชูฉิงตะลึงนิดหนึ่ง ผู้คนใต้หล้าต่างก็รู้ว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นมี ‘เคล็ดวิชาโต่วมี่’ กับ ‘เคล็ดวิชาเจ่อมี่’ ที่เป็นสองในเคล็ดวิชาจิ่วหมี่ทั้งเก้าอยู่ในครอบครอง
“ที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้านั้นคือ ‘เคล็ดวิชาเฉียนมี่’ หนึ่งในเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและเอ่ยขึ้น
‘เคล็ดวิชาเฉียนมี่’ หลิ่วชูฉิงถึงกับเหม่อลอยไม่สามารถเรียกสติกลับมา และกล่าวว่า “เคล็ดวิชาเฉียนมี่ เคล็ดวิชาเฉียนมี่ไม่มีการสืบทอดต่อกันมามิใช่รึ? ”
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่ เท่าที่ผู้คนในยุคนี้ทราบมาคือแปดเคล็ดวิชาล้วนมีเจ้าของอยู่แล้ว มีเพียง ‘เคล็ดวิชาเฉียนมี่’ ที่เป็นหนึ่งในเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่เพียงหนึ่งเดียวที่ไม่มีการสืบทอดต่อกันมา กระทั่งปัจจุบัน ยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้หนึ่งผู้ใด หรือสำนักหนึ่งสำนักใดมี เคล็ดวิชาเฉียนมี่ อยู่ในความครอบครอบ
อีกทั้งนับตั้งแต่ ‘เคล็ดวิชาเฉียนมี่’ ขาดการสืบทอดต่อก็ไม่มีใครสามารถบรรลุ ‘เคล็ดวิชาเฉียนมี่’ จากแผ่นดินระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้อีกเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...