ท่ามกลางค่ายกลกระบี่ขนาดใหญ่ยิ่ง เต็มไปด้วยการเข่นฆ่า กระบี่ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ผุดขึ้นมา หลังจากที่ถูกกวาดล้างโดยกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งไปแล้ว ดวงดาวบนท้องฟ้าก็เสมือนดั่งกลายเป็นฝุ่นผงที่ปลิวกระจายหายไป
ขณะที่กระบี่ยักษ์ลักษณะเช่นนี้ปรากฏขึ้นมานั้น กลิ่นอายของการเข่นฆ่าตลบอบอวลระหว่างฟ้าดิน เหมือนว่าสรรพสิ่งมีชีวิตที่อยู่ท่ามกลางค่ายกลกระบี่นี้ก็ต้องถูกสังหารไปในพริบตา ทั้งยังเป็นการบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือดไม่มีเหลือแม้แต่ซาก
‘ค่ายกลกระบี่เทียนหยวน’ ในเวลานี้เอง ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณที่มองดูเขาจิ่วเหลียนซานกลับกลายเป็นค่ายกลกระบี่แล้ว อดที่จะพึมพำขึ้นมาว่า “นี่คือค่ายกลกระบี่ที่ทรงพลังมากที่สุด เป็นหนึ่งในสามสุดยอดค่ายกลของแคว้นว่านเจิ้น”
ในเวลานี้ ทุกคนที่มองเห็นทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ถูกค่ายกลกระบี่ที่มีขนาดยักษ์อย่างยิ่งครอบคลุมเอาไว้ทั้งหมดอยู่ในนั้น จึงได้เข้าใจว่าเพราะอะไรก่อนหน้านั้นราชันแท้จริงปาเจิ้นจึงได้ให้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมหาศาลพุ่งลงมาจากฟ้าและปักอยู่บนเขาจิ่วเหลียนซานทั้งหมด เพื่อต้องการวางสุดยอดค่ายกลกระบี่ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองนี้เอาไว้บนเขาจิ่วเหลียนซาน
ในเวลานี้ ทุกคนอดที่จะกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่ได้ แคว้นว่านเจิ้นได้รับการยกย่องว่ามีค่ายกลที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง มาวันนี้ราชันแท้จริงปาเจิ้น ได้ทุ่มเทกำลังใจกำลังสมองมากมายเช่นนี้ วางสุดยอดค่ายกลกระบี่ในหล้าเอาไว้ ไม่รู้ว่าเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่
เสียงตึง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเองราชันแท้จริงปาเจิ้นก้าวเท้าเข้ามาและหยุดอยู่ที่เขาหงฮวงซาน สายตาที่เยือกเย็นของเขากวาดตามองผ่านไป และสายตาของเขาตกอยู่บนตัวของปิงฉือหานยวี่เป็นอันดับแรก ปิงฉือหานยวี่ในเวลานี้ยืนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่เงียบๆ
จากนั้น สายตาของราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ ขณะที่สายตาของเขาตกอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่นั้น ได้เบ่งบานเป็นประกายกระบี่ที่เจิดจ้าอย่างยิ่ง เสมือนหนึ่งโลกๆ หนึ่งระเบิดขึ้น เปี่ยมด้วยกลิ่นอายน่าเกรงขามที่ปราศจากผู้ต่อกร
เมื่อศัตรูเวียนมาพบกันย่อมรู้สึกโกรธ เพียงแต่ ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงเป็นราชันแท้จริง ยังมีจิตใจที่กว้างขวาง ในเวลานี้ไม่ได้เอะอะโวยวายด้วยความโกรธ
“หลี่ชิเย่…” ในเวลานี้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นเรียกชื่อหลี่ชิเย่ออกมาตรงๆ เสียงของเขาแกร่งประดุจเหล็กและหิน เสมือนดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ออกจากฝัก ทุกๆ คำล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยการฆ่าฟันที่รุนแรง
การพบกันระหว่างผู้เป็นเจ้าด้วยกัน ในพริบตาเดียวนี้เองทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ต่างอดที่จะจ้องเขม็งไปยังภาพตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการพลาดสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดไป
ในเวลานี้ ฟ้าดินมีเพียงเสียงของลมหายใจอย่างนั้น เหมือนว่าแม้แต่เข็มเงินตกพื้นสักเล่มก็สามารถได้ยิน
ทุกคนต่างจ้องมองดูหลี่ชิเย่ กับราชันแท้จริงปาเจิ้นอย่างไม่กะพริบตา กล่าวได้ว่า นี่เป็นการพบกันระหว่างผู้เป็นเจ้าด้วยกันเป็นครั้งที่สองระหว่างหลี่ชิเย่กับราชันแท้จริงปาเจิ้น
การพบกันครั้งแรก ราชันแท้จริงปาเจิ้นนำพากำลังพันธมิตรจากหกกองทัพ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ และแคว้นว่านเจิ้นตีวังหลวงจนแตก นำทัพเข้าประชิด
ในขณะนั้น ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นเพียงฮ่องเต้โง่เขลาที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมคนหนึ่งเท่านั้น อ่อนแอจนไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
เรียกได้ว่า เวลานั้นสามารถคาดการณ์ได้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นได้อย่างสิ้นเชิง ผู้คนเอาใจออกห่าง ฮ่องเต้องค์ใหม่ถูกราชันแท้จริงปาเจิ้นขับไล่ออกจากบัลลังก์ ต้องหลบหนีไปเสมือนหนึ่งหมดที่พึ่งไร้ญาติขาดมิตร
สำหรับราชันแท้จริงปาเจิ้นในขณะนั้นเรียกได้ว่ามีจิตใจฮึกเหิม มีชื่อเสียงโด่งดังมากปราศจากผู้เทียบเทียม กระทั่งมีทีท่าว่าจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้แทน
แต่ทว่า การพบกันระหว่างผู้เป็นเจ้าด้วยกันอีกครั้งในวันนี้ ทุกอย่างได้กลับกลายเป็นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า ทุกสิ่งบนโลกล้วนแล้วแต่มดปลวกทั้งสิ้น แม้แต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นเองยังต้องตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรู
สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกยิ่งกว่าก็คือ องค์หญิงหานยวี่ คู่หมั้นของราชันแท้จริงปาเจิ้นตกอยู่ในมือของฮ่องเต้องค์ใหม่!
ท่าทางของหลี่ชิเย่ดูเอ้อระเหยสำหรับการเรียกชื่อตรงๆ ของราชันแท้จริงปาเจิ้น วางถ้วยน้ำชาในมือลง ทำท่าหาวทีหนึ่ง ท่าทางเหมือนเซ็งมาก และกล่าวว่า “เจ้าใช้เวลาเตรียมตัวนานมาก น่าเบื่อจริง”
พลันที่คำพูดลักษณะเช่นนี้ถูกพูดออกมา ทำให้ผู้คนถึงกับหายใจไม่ออก ราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้นเรียกได้ว่าสรรพวิชารวมอยู่บนตัว มีลักษณะท่าทางที่ปราศจากผู้ต่อกรอยู่ในความครอบครอง แต่ว่า ด้วยลักษณะท่าทางเช่นนี้ในสายตาของฮ่องเต้องค์ใหม่มองว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว
แม้ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นในขณะนี้จะบังคับและควบคุมพลังอันน่าเกรงขามของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงมีท่าทีอย่างไรก็ได้ ยังคงมีท่าทางเหมือนเป็นเรื่องที่เซ็งมาก ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้มองราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่ในสายตาเลย
สภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ของราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ยังไม่อยู่ในสายตาของฮ่องเต้องค์ใหม่ เช่นนั้นแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีความแข็งแกร่งเช่นใด มีความน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่อดที่จะอึดอัดจนหายใจไม่ออก
ราชันแท้จริงปาเจิ้นเองก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธ ท่าทางของเขาหนักแน่นจริงจัง สายตาดูไม่เป็นมิตร กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “วันนี้ ข้ามาเพื่อรับตัวองค์หญิงหานยวี่!” พลันที่พูดขาดคำ ดวงตาทั้งสองของเขาได้พวยพุ่งประกายที่เจิดจ้าออกมาเหมือนสามารถผ่าโลกทั้งโลกได้
ลักษณะท่าทางเช่นนี้ของราชันแท้จริงปาเจิ้น บ่งบอกถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาดของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ความกล้าหาญน่ายกย่องชมเชย มีน้ำใจ” หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่มีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง โบกมือเบาๆ ทำท่าหาวทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้ามีความสามารถที่จะเอาตัวนางไปจากมือข้าได้หรือไม่ เจ้าต้องถามนางเสียก่อนว่านางยินดีที่จะไปกับเจ้าหรือไม่”
ท่าทางของหลี่ชิเย่ไม่ได้เห็นราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่ในสายตาเลย ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกไม่เป็นธรรมต่อราชันแท้จริงปาเจิ้น รู้สึกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่อวดดีมากเหลือเกิน ลำพองเหลือเกิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...