“พูดมั่นใจเกินไปแล้ว” ราชันแท้จริงปาเจิ้นตวาดเสียงทุ้มต่ำ เสียงดั่งฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ มาเป็นลูกๆ สั่นสะเทือนทั่วหล้า อานุภาพสะกดจิตใจผู้คน ยามที่เขายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น คล้ายดั่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ให้ความรู้สึกผู้คนจนหายใจไม่ออก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มที่ส่งประกายเยือกเย็นแวบวับ ยิ่งจะส่งผลให้ผู้คนอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ ยามที่ประกายเยือกเย็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มส่งประกายวูบวาบนั้น ประกายทุกสายคล้ายดั่งทิ่มแทงเนื้อขูดกระดูกอย่างนั้น ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดด้วยความผิดหวัง
แม้ยังไม่ทันลงมือด้วยกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่ม ก็ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงการฆ่าฟันที่น่ากลัว กระทั่งเกิดเป็นภาพมายาขึ้นภายในใจ พริบตาเดียวนั่นเอง เสมือนดั่งกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มได้จ่ออยู่ที่ลำคอของตน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็สามารถตัดเอาศีรษะของตนลงมาได้
“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและอย่างไรก็ได้ กล่าวด้วยท่าทีตามอมรมณ์ว่า “ข้ารอดูค่ายกลโบราณจูเซียนของเจ้าอยู่ จะดูว่าค่ายกลโบราณจูเซียนของเจ้าบรรลุมาได้กี่ส่วนแล้ว”
ฮึ… ราชันแท้จริงปาเจิ้นส่งเสียงฮึเย็นชา ดวงตาทั้งสองดูน่าเกรงขาม พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงคำรามกระบี่ดังตึงขึ้นมาเสียงหนึ่ง กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามออกมาพร้อมกัน
ทุกคนต่างก็เคยได้ยินเสียงคำรามของกระบี่มาก่อน แต่ เมื่อกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามขึ้นพร้อมกันนั้น ทุกคนถึงกับรู้สึกหวาดผวาจนขนลุกซู่ขึ้นมา เนื่องจากเสียงคำรามกระบี่ดังกล่าวหาใช่ส่งเข้าประสาทหู แต่ส่งตรงเข้าไปในจิตใจของผู้คน กระทั่งเสมือนหนึ่งเป็นเสียงคำรามของกระบี่ที่ดังขึ้นมาจากจิตใจของผู้คนอย่างนั้น
ทันทีที่เสียงคำรามของกระบี่ลักษณะเช่นนี้ดังขึ้นภายในใจ เสมือนหนึ่งเป็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มกำลังทิ่มแทงหัวใจของตนเองอย่างนั้น หัวใจทั้งดวงถูกทิ่มแทงจนเย็นวาบ ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องถอยหลังออกไป ขนลุกซู่ขึ้นมาทั่วตัว
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ช่องว่างกระเพื่อมทีหนึ่ง เหมือนถูกตัดให้แยกออกอย่างนั้น มองเห็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มหมุนวนอยู่รอบๆ กายของราชันแท้จริงปาเจิ้น
ขณะที่กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มหมุนไปรอบๆ ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่นั้น ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเองก็ปรากฎเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นเหมือนทะลักออกมาเป็นอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนออกมาทั่วทั้งตัว
ในชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง ร่างกายของราชันแท้จริงปาเจิ้นก็คล้ายเป็นช่องว่างที่เก็บรวบรวมอักขระยันต์นับไม่ถ้วนที่มีอยู่ในโลกอย่างนั้น ในเวลานี้ อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนได้ทะลักออกมาจากภายในร่างกายของเขา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเสมือนหนึ่งถูกอักขระยันต์ที่มากมายมหาศาลไม่มีสิ้นสุดท่วมจนจมมิด อีกทั้งอักขระยันต์ที่ทะลักออกมาจากตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้นมีความเก่าแก่ลึกซึ้งยอดเยี่ยม ทุกๆ ตัวอักขระยันต์ล้วนแล้วแต่แบกรับพลังที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ ดังนั้น ยามที่อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมานั้น เสมือนดั่งเป็นทะลักออกมาทั้งโลก มหาศาลไร้ขอบเขต
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามพร้อมกัน พริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่โบราณทั้งสามเล่มเสมือนดั่งได้เปิดโลกธาตุที่มีมาแต่อดีตขึ้นมา พวยพุ่งประกายที่เจิดจ้าขึ้นมาทันที ฉับพลันนั้นได้พันธนาการอักขระโบราณที่ทะลักออกมาจากร่างกายของราชันแท้จริงปาเจิ้นในทันที
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อประกายกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มที่พวยพุ่งออกมาและพันธนาการอักขระยันต์เอาไว้แล้วนั้น พลันได้กลายเป็นค่ายกลขนาดยักษ์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา
เพียงพริบตาเดียว สุดยอดค่ายกลแห่งยุคได้หลอมรวมเอาหลี่ชิเย่เข้าไปอยู่ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุค หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งอยู่ในโลกธาตุที่มีมาแต่อดีตท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุคลักษณะเช่นนี้
ณ ที่ตรงนี้ สุริยันจันทราลอยล่อง เหล่าเซียนอยู่ในท่าครุ่นคิด ฟ้าดินเสมือนดั่งเลือดเซียนกำลังไหลริน ทำให้สามารถสูดดมได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางกลิ่นอายการฆ่าฟันที่น่ากลัว ไม่เพียงทำให้ต้องตัวสั่นดั่งลูกนก กระทั่งทำให้มีความรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่ง
ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุคนี้สามารถได้ยินเสียงฉึก ฉึก ฉึก เป็นเสียงฆ่าฟัน บีบคอสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายในค่ายกล กลิ่นอายการฆ่าฟันที่น่ากลัวสามารถบีบคอฆ่าผู้ที่ดูอ่อนแอสักนิดให้กลายเป็นหมอกเลือดในพริบตาเดียว
สิ่งนี้ช่างเป็นเรื่องราวที่น่ากลัวเพียงใด ลำพังแค่ภายใต้กลิ่นอายการฆ่าฟันก็สามารถบีบคอฆ่าคนให้กลายเป็นหมอกเลือดได้ ด้วยอานุภาพเช่นนี้เรียกได้ว่าปราศจากผู้เทียบเทียม
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ชั่วพริบตาเดียวระหว่างที่ค่ายกลจูเซียนปรากฎเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานั้น พลังลมปราณทั่วร่างของราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นปฏิปักษ์กันกับทางช้างเผือก พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างของเขาดูเจิดจ้าไปทั้งร่าง
ตูม ตูม ตูมในเวลาเดียวกันนี้ แคว้นว่านเจิ้นที่อยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้าก็พลันเกิดการปะทุขึ้นของประกายที่ไม่มีสิ้นสุด เมื่อประกายทั้งหมดของแคว้นว่านเจิ้นล้วนแล้วแต่ทะลักออกมานั้น ได้ยินเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์แต่ละเสียงที่ดังขึ้น
พริบตาเดียวนั่นเอง แคว้นว่านเจิ้นที่เป็นศูนย์กลาง ลำแสงนับไม่ถ้วนตรงไปยังทุกๆ ที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ในพริบตาเดียวนี้เอง เสมือนดั่งพลังที่ไม่มีสิ้นสุดถูกดึงออกมา ไม่เพียงแค่พลังของแคว้นว่านเจิ้น ยังรวมถึงพลังสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อีกด้วย
เสียงตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้มองเห็นพลังของแคว้นว่านเจิ้น และพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่รวมตัวกันเป็นสายๆ หนึ่ง กลายเป็นลำแสงมหาประลัยที่ยิงเข้าไปยังราชันแท้จริงปาเจิ้น
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ลำแสงมหาประลัยที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรพลันยิงถูกร่างของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น ลัคนาของราชันแท้จริงปาเจิ้นปรากฏขึ้น และเปิดออก จัดการดูดซับเอาพลังลำแสงมหาประลัยที่ยิงโจมตีเข้ามาเอาไว้ทั้งหมด
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้าดิน หลังจากที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ดูดกลืนเอาพลังที่น่าเกรงขามปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ไปแล้ว ร่างกายของเขาพวยพุ่งเป็นเปลวแสงที่ดั่งคลื่นยักษ์ขึ้นมา เสมือนดั่งได้พลิกเอาล้านล้านโลกธาตุขึ้นมาอย่างนั้น
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นเสมือนดั่งได้กลับกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ใดเทียม ร่างทั้งร่างส่งเปลวแสงที่สูงหนึ่งล้านล้านล้านจ้างออกมาวูบวาบ นาทีนี้ตัวเขาราวไม่ใช่มนุษย์โลกอีกต่อไป เหมือนเป็นผู้ที่ลงมาจากแคว้นๆ หนึ่งบนสวรรค์อย่างนั้น ถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาลอยู่ในมือ ตัดสินความจอมมารตลอดกาล
ในเวลานี้เอง พลังต่อสู้ของราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่รู้ว่าได้เพิ่มขึ้นกี่เท่าตัว ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเขาเปี่ยมด้วยพลังที่ทำลายฟ้าดินจนพินาศย่อยยับได้อยู่ในครอบครอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...