ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2556

สรุปบท ตอนที่ 2556 ใครคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 2556 ใครคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2556 ใครคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2556 ใครคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร
สุริยันจันทราและดวงดาวรวมตัวกัน ทางช้างเผือกล้อมรอบ ในเวลานี้เอง เห็นเพียงท่อนแขนขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น เป็นแขนขนาดยักษ์ที่ใหญ่โตจนไม่สามารถจินตนาการได้ ท่อนแขนลักษณะเช่นนี้ที่ทุบลงมา ดูเหมือนสามารถทุบเอาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดจนแหลกละเอียด

ทุกคนต่างอ้าปากกว้างขณะมองดูท่อนแขนท่อนนี้ที่บดบังท้องฟ้าเอาไว้ ด้วยท่อนแขนที่น่ากลัวเช่นนี้ทุบลงมาอย่าว่าแต่เป็นสำนักๆ หนึ่งเลย ไม่ต้องพูดถึงแคว้นๆ หนึ่ง ต่อให้เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมด ก็มีความเป็นไปได้ที่จะโดนทุบจนแหลกละเอียด

นาทีนี้ ภายในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่สั่นเทาทีหนึ่ง ภาพที่น่ากลัวเช่นนี้นี่เองทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรถึงถูกพวกของโต้วจ้านหวงเรียกว่าเป็นท่าไม้ตาย การโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถต้านรับเอาไว้ได้

ถ้าหากลงมือโจมตีด้วยลักษณะเช่นนี้ อย่าว่าแต่สังหารระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่งเลย เกรงว่าทำลายสำนักเจ้าลัทธิสำนักหนึ่งจนพังพินาศย่อยยับ ทำลายล้างแคว้นๆ หนึ่งก็เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดาย

ตูม…เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ท้องฟ้าแตกละเอียด ช่องว่างพลันละเอียดเป็นผุยผง เสมือนดั่งกระจกที่ถูกทำลายจนแตกละเอียด เศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อน

นาทีนี้เอง ท่อนแขนที่มีขนาดใหญ่โตปราศจากผู้เทียบเทียมได้ทุบเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างแรง หนึ่งหมัดที่ทุบเข้ามาอย่างแรงนั้น ภูเขาแลแม่น้ำสลด สรรพสิ่งอับแสง เกรงว่าหนึ่งหมัดที่ทุกเข้ามาไม่ว่าสิ่งใดก็ต้องหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว ภายใต้หนึ่งหมัดที่น่ากลัวเช่นนี้ หลี่ชิเย่เสมือนดั่งเป็นเม็ดฝุ่นเม็ดหนึ่งเท่านั้น

“ช่างน่ากลัวเหลือเกิน…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยหวาดผวา และอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงแหลมออกมา เมื่อมองเห็นหมัดที่มีขนาดยักษ์ปราศจากผู้เทียบเทียมทุบลงมา

หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาเมื่อต้องเผชิญกับการทุบลงมาของหนึ่งหมัดที่น่ากลัวเช่นนี้ เพียงหัวเราะทีหนึ่งและหนึ่งหมัดที่สวนออกไปตามอารมณ์

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งหมัดที่ทำลายพินาศย่อยยับ แม้ว่าหมัดนี้ของหลี่ชิเย่จะปล่อยออกไปตามอารมณ์ แต่ความน่ากลัวของพลังหมัดสุดจะจินตนาการได้ ขณะที่ปล่อยหมัดออกไป พลังหมัดพุ่งโจมตีฟ้าดิน เสมือนดั่งทำลายโลกทั้งโลกจนพังพินาศย่อยยับอย่างนั้น

“ไหวรึ?” ในเวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างกล่าวด้วยความสงสัย เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ปล่อยหมัดออกไป โดยไม่มีของวิเศษหรืออาวุธใดๆ

แม้จะกล่าวว่าหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่นั้นแกร่งอันธพาลปราศจากสิ่งใดเทียบเทียม แต่เมื่อเทียบกับหนึ่งหมัดขนาดยักษ์ที่ปราศจากผู้ต่อกรของร่างเงาปฐมบรรพบุรุษแล้ว มันเหมือนดั่งเป็นขาของยุงที่ถีบไปเบาๆ เท่านั้น ดูไปแล้วไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

เสียงปังดังสนั่นขึ้นมา จังหวะที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังสงสัยอยู่นั้น เสียงดังเสียงหนึ่งที่สะเทือนหวั่นไหวฟ้าดิน ภายใต้เสียงที่น่ากลัวปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่หูดับไปชั่วพริบตาเดียว หูทั้งสองข้างไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย

ท่ามกลางเสียงปังที่ดังสนั่น คลื่นปะทะที่น่ากลัวปราศจากสิ่งเทียบเทียมที่พุ่งกวาดออกไป ทำลายล้างรุนแรง เสมือนดั่งวันสิ้นโลกได้มาถึงอย่างนั้น ท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่พลันมืดคลิ้มลง คล้ายทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกทำลายจนพังพินาศย่อยยับไปแล้วอย่างนั้น และโลกทั้งโลกเหมือนตกอยู่ในความมืดนับแต่นี้เป็นต้นไป เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีวันฟื้นคืนได้อีกต่อไป

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ในที่สุดพายุฝนฟ้าคะนองก็ได้ผ่านไป แสงสว่างได้ส่องสว่างทุกพื้นที่อย่างเสมอภาค ขณะทุกคนทยอยกันมองไป เห็นบนท้องฟ้ามีฝุ่นผงที่ลอยล่อง ท่อนแขนขนาดยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของดวงดาวและทางช้างเผือกถึงกับถูกพลังกระแทกจนแหลกละเอียดไป แม้ว่าเงานั้นยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่ท่อนแขนขนาดยักษ์ได้หายไปแล้ว

“นี่…” ทุกคนต่างอ้าปากกว้างค้างอยู่ตรงนั้น เมื่อมองเห็นท่อนแขนที่เกิดจากการรวมตัวกันของดวงดาวทางช้างเผือกถูกต่อยจนแหลกละเอียดไป เวลานี้ถึงกับมองด้วยความงุนงง

หันไปมองที่หลี่ชิเย่ เห็นหลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย เสียงของเสื้อที่ดังพลับพลับยามต้องลม ยืนเอาเมือไพล่หลัง ท่าทางตามอารมณ์ยิ่งนัก เหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น

“ไม่ เป็นไปไม่ได้…” สิ่งนี้ทำให้พวกโต้วจ้านหวงมีสีหน้าที่หวาดผวา เมื่อเห็นไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย สีหน้าที่เดิมขาวซีดอยู่แล้วพลันดูซีดเผือดเข้าไปอีก

เดิมทีพวกเขาเข้าใจว่า ด้วยการโจมตีที่ดุเดือดและพาลยิ่งเช่นนี้ จะทำให้หลี่ชิเย่ต้องบาดเจ็บไม่มากก็น้อย แต่แล้ว หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่เป็นอะไรเลย เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น หนึ่งหมัดเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย แล้วจะไม่ให้สีหน้าพวกเขาต้องเปลี่ยนไปมากได้อย่างไร ไม่ให้พวกเขาต้องหวาดผวากับสิ่งนี้ได้อย่างไรเล่า

“นี่ นี่ นี่เกินไปแล้วนะ” ยอดฝีมือไม่กล้าเชื่อในสายตาของตน อดพึมพำขึ้นมาว่า “นี่ นี่ นี่คือพลังของปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย”

เวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้หวั่นไหว ถ้าหากไม่เป็นเพราะเห็นกับตาตนเองต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน ถ้าหากได้ฟังคนพูดว่า มีผู้ที่สามารถต่อต้านพลังของปฐมบรรพบุรุษได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะต้องส่ายหน้าด้วยความละอา คิดว่านี่เป็นการคุยโตโอ้อวดเท่านั้นเอง

แต่ว่า เรื่องจริงได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว พวกเขาได้เห็นกับตาตนเอง พวกเขาจะไม่เชื่อก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

“ยังมีอีกหรือไม่?” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า ท่าทางเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนว่าทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่ใส่ใจทั้งสิ้น

ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นร่างจำแลงของปฐมบรรพบุรุษยืนมือออกไป ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น นาทีนี้ มองเห็นอาวุธปฐมบรรพบุรุษที่อยู่ในมือของพวกโต้วจ้านหวงหลุดมือลอยออกไป

ในเวลานี้ พวกของโต้วจ้านหวงไม่สามารถควบคุมอาวุธปฐมบรรพบุรุษที่อยู่ในมือได้อีกแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่า พวกเขาได้ถูกถอดออกจากสิทธิ์การเป็นผู้ควบคุมอาวุธปฐมบรรพบุรุษไปแล้ว

เสียงปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง ผืนแผ่นดินทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่สั่นไหวโคลงเคลงทีหนึ่ง นาทีนี้ขาทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่ได้แตะพื้นแล้ว ภายใต้พลังสยบที่น่ากลัว เหมือนว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่กำลังจมลงอย่างนั้น

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งเป็นเสาต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่บนพื้น และคอยค้ำยันกับพลังสยบที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรของจานศักดิ์สิทธิ์

ภายในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่สั่นเทาเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ในเวลานี้ทุกคนไม่เพียงเป็นกังวลว่าหลี่ชิเย่จะรองรับกับพลังสยบที่น่ากลัวเช่นนี้ได้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็เป็นกังวลว่าผืนแผ่นดินสามารถรองรับกับพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ได้หรือไม่

ถ้าหากพลังสยบเช่นนี้โจมตีลงมา จะมีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไร มีภูเขาแม่น้ำจำนวนเท่าไรที่ต้องแตกละเอียดไปโดยพลัน และหายวับไปกับตาในชั่วพริบตา

มองเห็นหลี่ชิเย่ที่ถูกสยบลงมาอย่างช้าๆ พวกของโต้วจ้านหวงอดหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ นาทีนี้ทำให้พวกเขามองเห็นความหวังจะมากหรือน้อยก็ตาม บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีมาก

“เล่นไปครึ่งค่อนวันก็ได้แค่อาวุธบรรพบุรุษชุดหนึ่งที่รวบรวมมาไม่ครบเท่านั้นเอง” เมื่อขาทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่แตะพื้น หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเรียบเฉยขึ้นมา

“เอาเถอะ สมควรจบสิ้นกันได้แล้ว ท่าไม้ตายที่ว่าก็ช่างน่าเบื่อเสียเหลือเกินเหมือนกัน” พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไป ปรากฏพลังลมปราณที่พวยพุ่งขึ้นมาดั่งคลื่นยักษ์ ขณะที่พลังลมปราณถูกปล่อยทะลักออกมา สรรพสิ่งบนฟ้าดินต่างหมอบอยู่กับพื้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกสยบเอาไว้

เสียงปัง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ขณะทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา ทุกคนยังไม่ทันมองอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น มองเห็นเพียงจานศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวพลันถูกหลี่ชิเย่พลิกกลับ

ก่อนหน้านั้น จานศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ปราบหลี่ชิเย่จนต้องลดระดับลงมาทีละนิดๆ แต่ทว่า ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง จานศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ถึงกับถูกหลี่ชิเย่จับพลิกหงายจนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทุกคนต่างอ้าปากกว้างเมื่อมองเห็นภาพนี้ เนื่องจากภายใต้การปราบจากพลังที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม พวกเขาไร้ซึ่งพลังที่จะขัดขืนด้วยซ้ำ แต่ทว่า นาทีนี้เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับทำให้จานศักดิ์สิทธิ์ที่สยบเขาเอาไว้พลิกหงายอย่างง่ายดาย มันช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเหลือเกิน

……………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล