ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2606

สรุปบท ตอนที่ 2606 เคอะเหมิง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 2606 เคอะเหมิง จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2606 เคอะเหมิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2606 เคอะเหมิง

“เคอะเหมิงทำเช่นนี้ออกจะเกินไปนิดหนึ่ง” มีระดับบรรพบุรุษอดที่จะส่ายหน้าเบาๆ

“กำลังความสามารถเห็นๆ กันอยู่ จะทำอะไรได้?” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิอีกคนกล่าวว่า “อย่ามองว่าฉางจินต้งที่ยกตนข่มท่าน แต่เกรงว่าคงไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเคอะเหมิง แม้ว่าเคอะเหมิงจะเป็นพันธมิตรที่จัดตั้งขึ้นมาโดยตาเฒ่าบางคน แต่เบื้องหลังนั้นเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอีกหลายสิบแห่ง”

“ก็ถูก สิ่งนี้ก็เพราะมีการดำรงอยู่ของสามผู้ยิ่งใหญ่ หากไม่มีสามผู้ยิ่งใหญ่คอยสยบเอาไว้ เกรงว่าเคอะเหมิงคงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินไปนานแล้ว” มีระดับบรรพบุรุษได้แต่ทอดถอนใจขึ้นมา และไม่อาจไม่ยอมรับในความแข็งแกร่งของเคอะเหมิง

เคอะเหมิงเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดของแดนลัทธิราชัน ความจริงแล้วแรกเริ่มก่อตั้งเป็นพันธมิตรนั้น มีคำขวัญที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและสง่าผ่าเผยมาก

แรกทีเดียวขณะที่มีการจัดตั้งเคอะเหมิงขึ้นมานั้น ได้ชื่อว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบีบคั้น และหรือถูกครอบครองแดนลัทธิราชันโดยระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ตระกูลหลี่ และตระกูลมู่ที่เป็นสามผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้น พวกเขาที่เป็นบรรดาเทพแท้จริงขั้นอมตะซึ่งมีอายุมากแล้วยินดีจับมือรวมตัวกันเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านมหาอำนาจ

ดังนั้น ภายใต้คำขวัญเช่นนี้ อาศัยลู่เคอะเวิงที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่ง และมีอายุมากที่สุดเป็นหัวหน้า จัดตั้งเป็นเคอะเหมิงขึ้นมา

ภายหลัง ได้มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเข้าร่วมกับเคอะเหมิงเป็นจำนวนมาก นอกเหนือจากผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างลู่เคอะเวิงแล้ว ยังมีผู้ที่ได้ฉายาว่าแขกสวรรค์มาเป็นรองผู้นำอีกห้าคน รองผู้นำทั้งห้าล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่สยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับสิบวัชระของฉางจินต้งแล้ว ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่ากันเท่าไร

แม้ว่าเคอะเหมิงจะเป็นเพียงพันธมิตรที่หลวมๆ เท่านั้น อีกทั้งสมาชิกของเคอะเหมิงล้วนแล้วแต่สมัครเข้าร่วมในฐานะส่วนบุคคล แต่ว่า เบื้องหลังของพวกเขามีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอยู่หลายสิบแห่ง โดยบรรดาระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิ หรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหล่านั้นทั้งสิ้น

กล่าวได้ว่า ธาตุแท้ภายในของเคอะเหมิงลึกล้ำอย่างยิ่ง พลังแฝงของพวกเขาเรียกได้ว่าไม่มีสิ้นสุด เมื่อมีเรื่องกับเคอะเหมิงคนหนึ่งก็เท่ากับว่าได้แหย่รังแตนเข้าให้

แม้จะกล่าวว่าหลายปีที่ผ่านมา ฉางจินต้งนั้นยกตนข่มท่านตลอดมา ยโสและใช้อำนาจบาตรใหญ่ แต่ทว่า ภาพรวมด้านกำลังทุกคนรู้สึกว่าเคอะเหมิงอยู่เหนือฉางจินต้ง

จะอย่างไรเสีย แม้ฉางจินต้งจะแข็งแกร่งมากไปกว่านี้ ก็ยังคงเป็นตัวแทนกำลังของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ขณะที่เบื้องหลังของเคอะเหมิงมันคือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิหลายสิบแห่ง พวกเขามีกำลังและทรัพยากรที่ฉางจินต้งไม่สามารถเทียบเคียงได้ในครอบครอง

ด้วยเหตุนี้เอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงไม่มีใครกล้าไปมีเรื่องกับเคอะเหมิง ยกเว้นสามผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ในใจของผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพเคอะเหมิงและออกห่างเข้าไว้

เวลานี้ การที่เคอะเหมิงต้องการนำเอาคนของเมืองหมิงลั่วเฉิงจำนวนหลายหมื่นคนมาบูชายันต์จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้ว่าภายในใจของผู้คนจะรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ของเคอะเหมิงจะเกินเลยไปมากทีเดียว แม้ว่ามีผู้ที่มีใจจะเอ่ยคำเพื่อผดุงความยุติธรรม แต่ทว่า เมื่อคำนึงถึงผู้ยิ่งใหญ่อย่างเคอะเหมิงแล้ว พวกเขาก็ได้แต่ละทิ้งสิ่งนี้ไป

เพื่อบุคคลภายนอกที่หาใช่ญาติมิตรแล้วล่วงเกินต่อเคอะเหมิง เป็นศัตรูก็เคอะเหมิง มันคือการกระทำที่ไม่ชาญฉลาดเอาเสียเลย

วันรุ่งขึ้น ได้ยินเสียงดังเอี๊ยดดด เอี๊ยดดด เอี๊ยดดดดังขึ้น ในเวลานี้ประตูเมืองที่ถูกปิดได้เปิดออกอย่างช้าๆ

“เคอะเหมิงจะทำพิธีบูชายันต์แล้ว” ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยทยอยกันเดินทางออกนอกเมื่อได้เห็นสภาพเช่นนี้ ต้องการดูว่าเคอะเหมิงจะทำเช่นใดกันแน่

ครั้นผู้คนจำนวนมากออกไปถึงนอกเมืองแล้ว มองเห็นเคอะเหมิงได้ก่อเป็นประรัมพิธีสูงขึ้นมาที่นอกเมือง สร้างเป็นรางรับเลือดสำหรับให้เลือดให้ได้ไหลไปยังที่ต่างๆ ย่อมไม่ต้องสงสัย พวกเขาต้องการปล่อยเลือดสดๆ ไหลออกไปเพื่อล่อผีดิบให้ปรากฏตัวออกมา

ภายในระยะเวลาอันสั้น ด้านนอกของเมืองได้มีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่ตรงนั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาจากภายนอกจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันมารวมตัวกันที่นี่ บ้างยืนอยู่บนกำแพงเมืองที่สูง มองดูภาพเหตุการณ์นี้จากระยะห่างไกล

ในเวลานี้ เคอะเหมิงได้คุมตัวออกมาหลายสิบคน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชาวพื้นเมืองของเมืองหมิงลั่วเฉิง ในเวลานี้ ราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงหลายสิบคนจำนวนนี้มีทั้งประชาชนธรรมดาและผู้บำเพ็ญตน พวกเขาทั้งหมดถูกพันธนาการเอาไว้ไม่สามารถกระดิกตัวได้อยู่แล้ว

ยอดฝีมือของเคอะเหมิงได้คุมตัวพวกเขามาถึงบริเวณรางรับเลือด เพชฌฆาตได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว สามารถเงื้อดาบลงทัณฑ์ได้ในทุกเวลา

“จะเริ่มแล้ว” มีผู้อดที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมาไม่ได้ เมื่อมองเห็นราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงหลายสิบคนถูกคุมตัวเข้ามา

“นี่มันออกจะเกินเลยไปแล้ว จะไม่นำภัยพิบัติสู่ประชาชนธรรมดา” ยอดฝีมือสำนักเจ้าลัทธิที่ได้เห็นภาพนี้แล้วถึงกับส่ายหน้า ไม่สู้จะพอใจนัก

ในโลกของผู้บำเพ็ญตน แม้ว่าจะไม่มีกฎข้อใดระบุว่าห้ามลงมือต่อประชาชนธรรมดา แต่ทว่า การไม่ลงมือต่อประชาชนธรรมดามักเป็นเรื่องที่เห็นพ้องต้องกันในโลกของผู้บำเพ็ญตนอยู่เสมอๆ

โดยปรกติแล้ว การสังหารประชาชนสักคนสองคนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ แต่หากว่าการนำประชาชนธรรมดาจำนวนหลายหมื่นคนมาบูชายันต์ มันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มากเรื่องหนึ่ง

แม้ว่าจะมีการต่อสู้ระหว่างสำนักเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อย และหรือการต่อสู้ระหว่างระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิด้วยกัน นั่นมันเป็นเรื่องระหว่างผู้บำเพ็ญตนด้วยกัน น้อยครั้งนักที่จะนำเอาราษฎรที่อาศัยอยู่ในแคว้นของทั้งสองฝ่ายมาเป็นเป้าหมาย แม้ว่าสำนักเจ้าลัทธิ และหรือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทำลายศัตรูของตนไป ทำลายล้างสำนักหรือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นไป อย่างมากก็มุ่งเข่นฆ่าสังหารศิษย์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นๆ สำหรับราษฎรทั่วไปแล้ว น้อยคนนักที่จะไปสนใจ ด้วยเหตุนี้เองตลอดเวลาที่ผ่านมา สงครามระหว่างผู้บำเพ็ญตนด้วยกันก็จะไม่จงใจนำภัยพิบัติไปสู่ราษฎร อย่างมากก็คือทำการเข่นฆ่าต่อศิษย์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิดังกล่าว สำหรับราษฎรทั่วไปแล้ว น้อยคนนักที่จะไปสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้อยคนนักที่จะนำไฟสงครามลามไปถึงตัวของพวกเขาเหล่านั้น

จะอย่างไรเสียง สิ่งนี้เป็นเรื่องของโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ศึกสงครามระหว่างผู้บำเพ็ญตนไม่ได้ข้องเกี่ยวกับราษฎรทั่วไปอย่างสิ้นเชิง และเนื่องเพราะเหตุนี้นี่เอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา สงครามระหว่างผู้บำเพ็ญตนด้วยกันก็จะไม่จงใจไปทำให้ราษฎรต้องได้รับความหายนะ

การปรากฏตัวของแขกสวรรค์ชุดเขียวได้ทำให้ภาพรวมสถานการณ์ดูเงียบสงบมากทีเดียว เคยมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน บางส่วนที่ต้องการผดุงความยุติธรรม และเคยส่งเสียงสนับสนุนระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้ เวลานี้ต่างก็นิ่งเงียบ เนื่องจากแขกสวรรค์ชุดเขียวมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก

“พี่หวินเฮ่อ เรื่องนี้ท่านกล่าวหนักไปแล้ว” แขกสวรรค์ชุดเขียวส่ายหน้า และกล่าวว่า “พี่หวินเฮ่อก็สามารถดูออก ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นใกล้จะล่มสลายแล้ว พวกเขากำลังมีภัยพิบัติมาถึงตัว สุดท้ายแล้วก็ยากจะหนีความตายไปได้พ้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องตาย… อยู่แล้ว พวกเราก็แค่ช่วยให้พวกเขาได้ตายเร็วขึ้นเท่านั้นเอง เป็นการทำให้พวกเขาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีความเจ็บปวด”

“พูดเสียน่าฟัง” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา และกล่าวว่า “ล่มสลายหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเอง แต่หาใช่อย่างที่ท่านเอาผู้อื่นมาบูชายันต์แล้ว ยังทำทีเป็นการโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์อย่างนั้น”

“พี่หวินเฮ่อ เรื่องผิดหรือถูกทางโลกข้าเองก็ไม่ต้องการเถียงกับท่าน” แขกสวรรค์ชุดเขียวหมดความอดทนที่จะโต้เถียงและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องนี้ ข้ากับพี่ๆ อีกสี่ท่านได้ร่วมปรึกษากันและมีมติเป็นที่สุดออกมาแล้ว พี่ๆ ทั้งสี่ท่านของข้าล้วนแล้วแต่อยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิง ถ้าหากพี่หวินเฮ่อมีคำพูดอะไรต้องการจะบอกสามารถไปพูดคุยกันได้ เหล่าพี่ๆ ทั้งหลายต้องให้การรับรองพี่หวินเฮ่ออย่างอบอุ่นแน่นอน”

พลันที่แขกสวรรค์ชุดเขียวพูดเช่นนี้ออกมา คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ และพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ห้าแขกสวรรค์ล้วนมากันแล้ว ลู่เคอะเวิงมาแล้วยัง?”

ทุกคนต่างต่างนึกไม่ถึงว่า ห้าแขกสวรรค์ล้วนแล้วแต่มาแล้ว และทุกคนยังไม่ทราบว่าห้าแขกสวรรค์อยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิงนี่เอง

แม้คำพูดของแขกสวรรค์ชุดเขียวจะฟังดูมีความเกรงใจ แต่ว่าการข่มขู่นั้นชัดเจนมาก ถ้าหากระดับบรรพบุรุษผู้นี้คิดจะผดุงความเป็นธรรมก็ให้ไปคุยกับแขกสวรรค์อื่นๆ อีกสี่คนก็แล้วกัน

แม้ว่าระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้จะแข็งแกร่ง แต่ว่า ถ้าหากจะให้ไปเป็นศัตรูกับแขกสวรรค์อีกสี่คนล่ะก็ เป็นความจริงที่เขายังไม่มีศักยภาพเช่นนี้

ความจริงแล้ว ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันผู้ที่สามารถต่อต้านสี่แขกสวรรค์ได้อย่างแท้จริงนั้นเกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีแขกสวรรค์ชุดเขียวอยู่อีกคน

“ดี นับว่าพวกท่านแน่” ระดับบรรพบุรุษกระทืบเท้าทีหนึ่ง และกล่าวว่า “วันนี้ข้ายอมให้ แต่ อย่าลืมไปว่าการที่พวกท่านทำเช่นนี้ จะต้องได้รับกรรมสนอง เป็นการฝืนเจตนารมณ์สวรรค์!”

“เจตนารมณ์สวรรค์?” แขกสวรรค์ชุดเขียวถึงกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมาและกล่าวว่า “เจตนารมณ์สวรรค์อะไร? บนโลกมีเจตนารมณ์สวรรค์ด้วยรึ? ไม่เคยมีเจตนารมณ์สวรรค์อยู่แล้ว มีแต่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เจตนารมณ์สวรรค์ที่ว่า มันก็เป็นเพียงการพูดปลอบใจตนเองของผู้อ่อนแอเท่านั้น ต่อให้พวกเราทำการบูชายันต์อยู่ที่ตรงนี้ มีเจตนารมณ์สวรรค์แล้วจะทำอะไรข้าได้รึ?”

ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้จนปัญญา และมีสีหน้าที่ดูไม่จืด หันหลังจากไปทันที

……………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล