ตอนที่ 2610 หนึ่งฝ่ามือตบกระเด็น
“คนไม่รู้จักคำว่าตาย!” แขกสวรรค์ชุดเขียวโกรธจัดจนต้องหัวเราะขึ้นมา แม้จะกล่าวว่าเขายินดีที่ได้เห็นหลี่ชิเย่เป็นศัตรูกับผู้คนทั่วหล้า แต่ทว่า ในฐานะที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ถูกเหยียดหยามเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าเขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน และเพลิงแห่งความโกรธเต็มอก
แขกสวรรค์ชุดเขียวร้องตวาดว่า “โง่เขลาและอวดดี เคอะเหมิงพวกเราเป็นคนแรกที่ไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า จะขจัดภัยให้กับแดนลัทธิราชัน คืนท้องฟ้าที่สดใสให้กับแดนลัทธิราชัน…”
เมื่อแขกสวรรค์ชุดเขียวพูดคำๆ นี้ออกมา ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอยากจะหัวเราะออกมา ได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมาเท่านั้นเอง
เมื่อครู่นี้เอง แขกสวรรค์ชุดเขียวยังจับเอาราษฎรที่ไม่มีความผิดมาบูชายันต์อยู่เลย การกระทำของเขาทำให้ภายในใจผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องแค้นเคืองถึงขีดสุด แม้ไม่ใช่มารร้ายแต่ก็ไม่ต่างสักเท่าไร
เวลานี้เขาถึงกับแปลงร่างได้โดยพลัน มาในฐานะของผู้คุ้มครอง เป็นฝ่ายธรรมของแดนลัทธิราชัน ถึงกับประกาศจะขจัดภัยให้กับแดนลัทธิราชัน คืนท้องฟ้าที่สดใสให้กับแดนลัทธิราชัน…
คำพูดเช่นนี้ฟังแล้วช่างน่าขันอะไรอย่างนั้น ช่างเป็นการเสียดสีอะไรอย่างนั้น มันก็คล้ายให้แมวเฝ้าปลาย่างอย่างนั้น
“เจ้าพูดคำพูดนี้แล้วไม่รู้สึกสะอิดสะเอียน ข้าคนฟังยังรู้สึกสะอิดสะเอียน” หลี่ชิเย่โบกมือตัดบทแขกสวรรค์ชุดเขียว และกล่าวว่า “เจ้าหุบปากไปเลย อย่าเป็นที่สะอิดสะเอียนและเย้ยหยันของผู้คนที่นี่เลย”
ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างชำเลืองมองดูแขกสวรรค์ชุดเขียว แม้จะกล่าวว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่สบอารมณ์หลี่ชิเย่อยู่ในใจ เมื่อถูกหลี่ชิเย่เหยียดหยามถึงเพียงนี้ พวกเขารู้สึกโกรธเคืองอยู่ในใจ แต่ว่า ท่าทีของแขกสวรรค์ชุดเขียวนั้นก็นับว่าเป็นที่สะอิดสะเอียนโดยแท้ ทำให้ไม่สามารถคล้อยตามอย่างไร้เหตุผลได้
“เจ้า…” แขกสวรรค์ชุดเขียวถูกหลี่ชิเย่ยั่วโมโหจนพูดไม่ออก โกรธเคืองจนตัวสั่น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาคงบุกไปตบปาก และกระทืบจนตาย แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับแข็งแกร่งกว่าเขาไม่รู้เท่าไร
“เคอะเหมิงอะไร แค่ขยะกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เอาเถอะ ข้าจะทำลายพวกเจ้าทั้งหมด” หลี่ชิเย่พูดออกมาตามอารมณ์ คำพูดที่ตามอารมณ์เช่นนี้ดูจะสบายๆ อะไรอย่างนี้แหละ
เหมือนว่าเขาสามารถสังหารเคอะเหมิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“วาจาสามหาวนัก ณ ใต้หล้าในวันนี้ ถึงกับกล้าพูดจาไม่รู้จักละอาย บอกว่าจะทำลายเคอะเหมิงของพวกเรา” จังหวะที่แขกสวรรค์ชุดเขียวโกรธจนพูดอะไรไม่ออก เสียงตวาดด้วยความโกรธเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เสียงตูมดั่งสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นภายในเมืองหมิงลั่วเฉิงปรากฎกลิ่นอายอมตะสี่สายพุ่งขึ้นมา ผู้เฒ่าสี่คนพลันพุ่งตัวขึ้นบนท้องฟ้าขึ้นมาและเหินฟ้าเข้ามา
ในพริบตาเดียวนั่นเอง กลิ่นอายเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เกรียงไกรไปทั่วหล้า เสมือนดั่งเป็นสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์ได้ฟื้นตื่นขึ้นมาสี่ตัวอย่างนั้น โดยเฉพาะขณะพวกเขาก้าวเข้ามาจากสี่ทิศนั้น ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง เสมือนดั่งได้สยบทุกทิศเอาไว้ ขณะที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามา เสมือนหนึ่งเป็นการเหยียบลงบนกลางใจของทุกๆ คน
ผู้คนจำนวนมากต่างสั่นเทาทีหนึ่ง ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น ภายใต้พลังสยบของเทพแท้จริงขั้นอมตะ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก และหายใจลึกๆ ไม่ได้
ผู้เฒ่าทั้งสี่พลันเหินฟ้ามาถึง พลังที่มากมายมหาศาลดั่งมหาสมุทร ดุเดือดรุนแรงหมื่นอาณาจักร มีท่าทีที่หมางเมินต่อใต้หล้า
ผู้เฒ่าทั้งสี่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป มีผู้เฒ่าที่หนวดเคราขาวโพลน มีผู้ที่บนหัวมีเขาทองคำงอกขึ้นมา…
“แขกสวรรค์เคราขาว แขกสวรรค์เขาทองคำ…” มีผู้ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าทั้งสี่
สี่ผู้เฒ่ามากันพร้อมหน้า บวกกับแขกสวรรค์ชุดเขียว ห้าแขกสวรรค์ของเคอะเหมิงมาด้วยตนเอง เรียกได้ว่ากระแส และอิทธิพลนั้นยิ่งใหญ่มาก
จะอย่างไรเสียแขกสวรรค์ทั้งห้าต่างก็เป็นรองหัวหน้าของเคอะเหมิง พวกเขามีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ต่างกัน ปรกติแล้วต่างก็เป็นใหญ่อยู่ด้านหนึ่ง ไม่ค่อยปรากฏตัวพร้อมกัน และน้อยครั้งที่จะรวมตัวในเวลาเดียวกัน
เวลานี้ แขกสวรรค์ทั้งห้าได้ปรากฏตัวพร้อมกันที่เมืองหมิงลั่วเฉิง ช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวจิตใจผู้เหลือเกิน สิ่งนี้เท่ากับเป็นตัวแทนปณิธานที่แรงกล้าของเคอะเหมิงอยู่แล้ว และแทนท่าทีที่มั่นคงของเคอะเหมิง
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า การมาของแขกสวรรค์ทั้งห้าเท่ากับบ่งบอกแล้วว่า เว้นแต่ลู่เคอะเวิงแล้ว เทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของเคอะเหมิงล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่แล้ว
แขกสวรรค์ทั้งห้ามากันพร้อมหน้า ย่อมบ่งบอกได้ว่ากำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเคอะเหมิงล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่แล้ว เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องประเมินตนเอง กับการร่วมมือกันของแขกสวรรค์ทั้งห้าแล้ว
“แขกสวรรค์ทั้งห้ามากันพร้อมหน้า” มีผู้เอ่ยเสียงแผ่วเบาขณะมองดูแขกสวรรค์ทั้งห้าว่า “หากอาศัยกำลังของตนเพียงคนเดียว ยกเว้นลู่เคอะเวิง ฮ่องเต้ไท่ชิง และกู่อี้เฟยแล้ว ไม่มีใครสามารถต้านการร่วมมือของแขกสวรรค์ทั้งห้าแล้วกระมัง
แขกสวรรค์ทั้งห้าต่างก็เป็นหนึ่งในเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคหนึ่งยุคใด พวกเขาเคยเกรียงไกรทั่วหล้า พวกเขาต่างมีกำลังความสามารถที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ถือกำเนิดในยุคสมัยเดียวกัน
“ถูกต้อง เล่าลือกันว่า แขกสวรรค์ทั้งห้าเคยร่วมมือและตัดสินชี้ขาดกับลู่เคอะเวิง แม้ว่าไม่มีผู้ใดรู้ถึงผลแพ้ชนะ แต่ผู้คนในยุคหลังกล่าวว่า ถ้าหากแขกสวรรค์ทั้งห้าร่วมมือกัน แล้วจะต้องรับมือเพียงลำพังคนเดียวล่ะก็ มีเพียงลู่เคอะเวิง ฮ่องเต้ไท่ชิง และกู่อี้เฟยเท่านั้นที่สยบพวกเขาได้ และด้วยเหตุนี้เอง แขกสวรรค์ทั้งห้าจึงยอมสยบทั้งกายและใจต่อลู่เคอะเวิงตลอดมา” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้หนึ่งกล่าวทอดถอนใจออกมา
“เป็นความจริงที่ลู่เคอะเวิงนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ อายุก็มากปูนนี้แล้ว ลมปราณเสือ่มลง ยังคงยืนอยู่จุดสูงสุดของแดนลัทธิราชัน เรียกได้ว่ามือเดียวไร้เทียมทาน” เมื่อเอ่ยถึง ‘ลูเคอะเวิง’ แล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างให้ความเคารพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...