ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2631

สรุปบท ตอนที่ 2631 บนโลกมีแต่มดปลวกทั้งนั้น: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 2631 บนโลกมีแต่มดปลวกทั้งนั้น จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2631 บนโลกมีแต่มดปลวกทั้งนั้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2631 บนโลกมีแต่มดปลวกทั้งนั้น

หม้อสามขาวิเศษสี่ใบส่งประกายเลือดวูบวาบ โดยที่ประกายเลือดดังกล่าวได้แผ่กลิ่นอายเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลออกมา ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายเช่นนี้ ก็ต้องบังเกิดความเคารพยำเกรงขึ้นในใจ การรับรู้ถึงกลิ่นอายเช่นนี้ เสมือนหนึ่งรับรู้ได้ว่ามีผู้ได้รับความเคารพสูงสุดคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าอย่างนั้น ทำให้ต้องเงยหน้ามอง คนที่ทักษะอ่อนกระทั่งบังเกิดอารมณ์ต้องการกราบไหว้

จี๊ด จี๊ด จี๊ดในเวลานี้ เห็นเพียงเลือดแก่นจที่อยู่ภายในหม้อสามขาโบราณทั้งสี่ได้พวยพุ่งออกมโดยพลัน และไปเกาะติดอยู่บนร่างกายของเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คน

ท่ามกลางเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดนั้น เหมือนว่าเลือดแก่นได้หลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในร่างของเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คน และรวมกับเลือดแก่นที่เป็นของสี่เทพแท้จริงขั้นอมตะเองโดยสิ้นเชิง

หลังจากที่เลือดแก่นได้หลอมรวมเข้ากับเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่อย่างสิ้นเชิงแล้ว ทันใดนั้นเอง เสียงตูมดังสนั่น กลิ่นอายที่น่กลัวพลันพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง

ในเวลานี้ลมปราณของเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง พวยพุ่งอานุภาพที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุด โดยที่อานุภาพนี้ได้เกินกว่าพลังของตัวพวกเขาเองแต่เดิม ท่ามกลางกลิ่นอายอมตะของพวกเขาได้หลอมรวมกับพลังตลอดกาล

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น เห็นเพียงเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่มีพลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลเป็นนิรันดร์ อยู่เหนือเก้าขั้นฟ้า ในเวลานี้เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่เสมือนดั่งได้กลับกลายเป็นมนุษย์สี่คน ยามที่ดวงตาทั้งสองของพวกเขาลืมตาขึ้นมา ฟ้าดินล้วนแล้วแต่สลดและอับแสง เสมือนดั่งมีดวงอาทิตย์แปดดวงอยู่บนท้องฟ้าอย่างนั้น พลันส่องฟ้าดินจนสว่างไสว แม้แต่ดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็สูญเสียสีสันไป

ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ในเวลานี้เอง มองเห็นเพียงรอบๆ กายของเทพแท้จริงขั้นอมตะปรากฎกฎเกณฑ์แต่ละสายลอยขึ้น และสิ่งนี้หาใช่กฎเกณฑ์ของพวกเขาเอง แต่เป็นกฎเกณฑ์แต่ละสายของเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่ทิ้งตัวลงมารอบกายของพวกเขา เหมือนดั่งน้ำตกสวรรค์ที่ลงมากจากท้องฟ้า

ขณะที่กฎเกณฑ์ที่ไม่มีสิ้นสุดทิ้งตัวลงมานั้น เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่พลันพวยพุ่งอานุภาพเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล ท่ามกลางเสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง อานุภาพเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลเกรียงไกรทั่วฟ้าดิน สยบเหล่าชั้นฟ้า

“เทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องหวาดผวาจนหน้าถอดสี เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกใจหายใจคว่ำ ภายในใจถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง

ในเวลานี้เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่เหมือนได้กลายเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลไปแล้ว เสมือนดั่งเป็นร่างจำแลงของนักพรตไป๋ยื่ออย่างนั้น ทุกๆ การเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่มีท่าทีที่ตำหนิติเตียนฟ้าดิน มีอานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า

เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวเช่นนี้แผ่กระจายจากตัวของเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกใจหายใจคว่ำ เวลานี้ ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน

เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดแต่ละเสียงที่ดังขึ้น นาทีนี้ มองเห็นเพียงเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ที่ก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาล้วนแล้วแต่หลอมละลายไป สัจธรรมฟ้าดินเมื่ออยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาแล้วกลับกลายเป็นเลือนลางอย่างยิ่ง เหมือนว่าสัจธรรมทั่วฟ้าดินล้วนแล้วแต่หลอมละลายไปภายใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา

“นี่เป็นพลังอะไร?” นาทีนี่มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยรู้สึกได้ว่าพลังสัจธรรมของตนกำลังไหลออก สิ่งนี้คล้ายดั่งเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ที่พลันหลอมละลายสัจธรรมทั่วหล้าไป ขณะที่พลังสัจธรรมของทุกคนเสมือนดั่งน้ำที่ล้นจากเขื่อน ไหลออกมาโดยไม่อยู่ในความควบคุม

สิ่งนี้ได้สร้างความตระหนกยิ่งให้กับทุกคน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยทยอยกันถอยหลังออกไป

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ มองเห็นเหนือศีรษะของเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่คล้ายดั่งได้เปิดช่องว่างออกมาช่องหนึ่งอย่างนั้น ต่างคนต่างมีดวงตะวันดวงหนึ่งที่ลอยขึ้นมาช้าๆ

อย่างไรก็ตามดวงตะวันแต่ละดวงของพวกเขาทั้งสี่ล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน ดวงหนึ่งมีสีเขียวทะเลสาบ ดวงหนึ่งเป็นสีแดง อีกดวงเป็นสีทอง ยังมีอีกดวงเป็นสีเหลืองเข้ม

“นี่เป็นการหยิบยืมอภินิหารของนักพรตไป๋ยื่อมาใช้” มีระดับบรรพบุรุษที่มองเห็นความนัยถึงกับตระหนกอยู่ในใจเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า และกล่าวว่า “เลือดแก่นของนักพรตไป๋ยื่อมีการหลอมกลั่นเคล็ดวิชาที่สุดยอดของเขาเอาไว้ เมื่อเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ได้หลอมรวมกับลือดแก่นของนักพรตไป๋ยื่อ จึงทำให้สามารถสำแดงสุดยอดอภินิหารของนักพรตไป๋ยื่อได้”

“ท่าน ล่วงเกินแล้ว” ในเวลานี้เอง เทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา

เสียงตูมดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเพียงดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะของเทพแท้จริงขั้นอมตะทั้งสี่ได้ระเบิดเปลวไฟที่ร้อนแรงที่ดั่งคลื่นยักษ์ขึ้นมา และเปลวไฟที่น่ากลัวพลันปกคลุมฟ้าดินจนจมมิด

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นเสียงนี้ เห็นเพียงเปลวไฟที่ร้อนแรงดั่งคลื่นยักษ์ได้ปิดกั้นฟ้าดินจนสนิท และเข้าปกคลุมหลี่ชิเย่จนจมมิดไปทันที มองเห็นหลี่ชิเย่ถูกเปลวไพที่ร้อนแรงดั่งคลื่นยักษ์ห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนา

ในขณะที่เปลวไฟร้อนแรงได้เข้าปกคลุมหลี่ชิเย่นั้น ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่ดังขึ้น บริเวณที่หลี่ชิเย่อยู่นั้น พลังสัจธรรมทั้งหมดถูกเผาไหม้จนสิ้นกลายเป็นผง เหมือนว่าฟ้าดินพลันสูญเสียพลังไปทั้งหมด ทำให้ผู้คนตกอยู่ในโลกที่กันดาลอย่างยิ่ง

ตูม…เสียงดังสนั่น จังหวะที่เปลวไฟร้อนแรงเผาไหม้พลังสัจธรรมอยู่นั้น ขอเพียงลมปราณของหลี่ชิเย่มีการเคลื่อนไหว ก็จะถูกเปลวไฟร้อนแรงที่น่ากลัวอย่างยิ่งเผาไหม้ไป

ดังนั้น เมื่อเคล็ดวิชาแขนงนี้ถูกสำแดงออกมาแล้ว ศัตรูมักจะมีแต่ตายสถานเดียวเสมอๆ ไม่สามารถต้านทานกับวิธี ‘เผาไหม้สัจธรรม’ และแก้ ‘เผาไหม้สัจธรรม’ เช่นนี้ไม่ได้

“บรรพบุรุษของข้ามีอภินิหารสูงสุด ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า ลำพังอาศัยเจ้าที่เป็นเพียงผู้เยาว์ก็กล้าท้าทายอานุภาพสูงสุดของท่าน ฮึ วันนี้จะให้เจ้าตายอย่างไร้ที่ฝัง” หลูเหว่ยจวินดูจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม หัวเราะเยาะทีหนึ่ง ก้มมองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีหยิ่งทะนง

ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ นักพรตไป๋ยื่อนับว่าน่ากลัวจริงๆ

“นี่มันก็เป็นเพียงอาศัยพลังกระทบพลังที่เป็นวิธีเก่าๆ เท่านั้น ก็แค่ก้าวหน้าขึ้นนิดหนึ่ง ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมากมาย”ในเวลานี้ แม้ว่าจะถูกไฟเผาไหม้อย่างรุนแรง หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีเรียบเฉยสบายอกสบายใจ

“เอาเถอะ เช่นนั้นก็มาดูกันว่าจะเป็นไฟเผาไหม้น้ำมัน หรือน้ำมันดับไฟ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย พริบตาเดียวนั่นเอง สายตาของเขาเพ่งไปข้างหน้า

ตูม…เสียงดังสนั่น พริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ได้ปล่อยพลังลมปราณออกมา

ในพริบตาเดียวนั้นเอง ทั่วทั้งแผ่นดินคล้ายดั่งแตกสลายอย่างนั้น จังหวะที่พลังลมปราณของหลี่ชิเย่ถูกปลดปล่อยออกมา ทั่วทั้งโลกเสมือนดั่งถูกยิงจนละเอียดอย่างนั้น

ลมปราณของหลี่ชิเย่คล้ายดั่งถูกเก็บเอาว้าบนโลกธาตุที่กว้างขวางใหญ่โตยิ่งกว่าโลกทั้งโลกอีก เมื่อโลกเช่นนี้ถูกเปิดออกพลังลมปราณที่ไม่มีสิ้นสุดพลันพุ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

ดังนั้น เมื่อลมปราณของหลี่ชิเย่ถูกปลดปล่อยออกมา พลังลมปราณที่น่ากลัวใช่เพียงแค่ท่วมปกคลุมโลกทั้งโลกเท่านั้น มันคือการดันเอาโลกทั้งโลกจนระเบิดอย่างนั้น

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น เสมือนดั่งน้ำหลากที่อาละวาดไปทั่วทั้งโลก ทั่วทั้งโลกที่อยู่ภายใต้ลมปราณที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม เสมือนหนึ่งเป็นเรือน้อยลำเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัด

………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล