ตอนที่ 2638 บ้าระห่ำพาลหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร
“ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง?” ดวงตาของราชันแท้จริงต้วนยวี่ปรากฏแววความโกรธ กวาดสายตามองไป และตกอยู่บนตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้ากำลังจะคิดบัญชีเก่ากับตระกูลมู่อยู่พอดี! ตระกูลมู่แอบส่งตัวมู่เส้าเฉินลงแดนล่าง เรื่องนี้หากข้าไม่ได้คิดบัญชีกับตระกูลมู่ ข้าจะไม่ยอมเลิกรา!”
ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนดูน่าเกรงขาม พลันส่งประกายกระบี่วูบวาบน่ากลัวออกมา ยามที่ประกายกระบี่ร้อนแรงยิ่งสามารถมองออกได้ว่า ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้เผยปณิธานการฆ่าออกมา และสามารถมองออกได้ถึงเพลิงแห่งความโกรธที่ลุกโชนอยู่ภายในใจของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน
เรื่องนี้จะไปโทษราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่มีเพลิงแห่งความโกรธลุกโชนขึ้นมาก็ไม่ถูก ครั้งนั้นราชันแท้จริงต้วนยวี่อาละวาดที่ตระกูลมู่ บีบบังคับให้ตระกูลมู่ของพวกเขาต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นของล้ำค่าจำนวนมาก สุดท้ายรับปากว่าจะทำการลงโทษมู่เส้าเฉิน จึงทำให้ราชันแท้จริงต้วนยวี่ยกทัพกลับไป
เรื่องเช่นนี้แม้ตระกูลมู่จะเก็บเป็นความลับไม่เปิดเผยกับบุคคลภายนอกตลอดมา แต่ทว่า กล่าวสำหรับตระกูลมู่ของพวกเขาแล้วนับเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง ทุกครั้งที่มีการเอ่ยถึงเรื่องนี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ไม่สามารถสะกดเพลิงแห่งความโกรธที่อยู่ในใจนี้เอาไว้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น มู่เส้าเฉินคือน้องชายแท้ๆ ของเขา แม้ว่าน้องชายแท้ๆ ของเขาจะทำไม่ถูก แต่ การกระทำของราชันแท้จริงต้วนยวี่นับว่าข่มเหงกันมากเกินไป อีกทั้งเป็นเพราะการบีบบังคับของราชันแท้จริงต้วนยวี่นี้เอง ทำให้ตระกูลมู่จำเป็นต้องแอบส่งตัวมู่เส้าเฉินลงไปยังแดนล่าง สุดท้าย กลับกลายเป็นว่าต้องตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่
กล่าวได้ว่า การตายอย่างอนาถของมู่เส้าเฉินที่เป็นน้องชายของเขา ต้นเหตุก็มาจากราชันแท้จริงต้วนยวี่นั่นเอง
การอาละวาดอย่างหนักที่ตระกูลมู่ในครั้งนั้น บีบบังคับให้ตระกูลมู่ต้องก้มหัวให้ ภายหลังยังทำให้มู่เส้าเฉินต้องตาย กล่าวได้ว่าความแค้นระหว่างตระกูลมู่กับราชันแท้จริงต้วนยวี่นั้นยิ่งใหญ่มาก
แม้จะกล่าวว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนในฐานะที่เป็นราชันแท้จริง ยังคงสามารถรักษาท่วงท่าที่สง่างามที่พึงมีของราชันแท้จริงคนหนึ่งเอาไว้ได้ แต่ เมื่อดวงตาทั้งสองของเขาดูน่าเกรงขามขึ้นมา ก็ไม่ได้รักษาปณิธานการฆ่าที่อยู่ในดวงตาทั้งสองเอาไว้แม้แต่น้อย กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ราชันแท้จริงต้วนยวี่ หลังจากวันนี้ไป บุญคุณความแค้นระหว่างเจ้ากับข้าสองตระกูลจะได้สะสางกันเสียที เจ้าเป็นฝ่ายนัดเวลาและสถานที่มาก็แล้วกัน ข้ามู่เจี้ยนยินดีสนองทุกเมื่อ!”
ในฐานะที่ตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเป็นราชันแท้จริงของตระกูลมู่ เขาจะต้องเรียกคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลมู่ของตนเอง มิฉะนั้นล่ะก็ ตระกูลมู่ของพวกเขายากจะโงหัวขึ้นมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ของตระกูลมู่ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้
“ไหนเลยต้องเลือกวันเลือกสถานที่ วันนี้เลยก็ได้” ราชันแท้จริงต้วนยวี่นับว่าพาลและเด็ดขาดตรงไปตรงมา กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เจ้าเป็นราชันแท้จริงห้าลัคนา ข้าราชันแท้จริงหกลัคนา วันนี้จะสังหารเจ้าก็แล้วกัน ไม่จำเป็นต้องเลือกวันเวลาอื่นใด หากเปลี่ยนเป็นวันเวลาอื่น ข้ายกทัพกวาดล้างตระกูลมู่ให้ราบ”
พาลแข็งกร้าวและดุดัน นับว่าราชันแท้จริงต้วนยวี่เป็นราชันหญิงที่ดุร้ายอย่างแท้จริงคนหนึ่ง พลันที่อ้าปากพูดออกมาก็แฝงกลิ่นคาวเลือด การสังหารที่เด็ดขาด กลิ่นอายที่ชอบใช้ความรุ่นแรงสายนั้นไม่เหมือนเป็นการเปล่งออกมาจากหญิงสาวคนหนึ่ง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องกัดลิ้นเอาไว้ด้วยความตกใจและพูดอะไรไม่ออก และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จ้องตากันและกัน
“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องสู้กันจนได้” มียอดฝีมือพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา เมื่อได้ยินการนัดดวลกันระหว่างราชันแท้จริงต้วนยวี่กับราชันแท้จริงมู่เจี้ยน
ทั้งราชันแท้จริงต้วนยวี่ และราชันแท้จริงมู่เจี้ยนต่างก็เป็นราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิราชันในปัจจุบัน และเป็นราชันแท้จริงที่มีโอกาสได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษได้มากที่สุดของแดนลัทธิราชัน กล่าวได้ว่า ระหว่างพวกเขาต่างก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเสมอมา ระหว่างพวกเขาจะอย่างไรเสียก็ต้องสู้กันในที่สุด
มีเพียงผู้ที่เป็นฝ่ายชนะเท่านั้น จึงสามารถก้าวเดินหน้าต่อไป เพื่อครอบครองตำแหน่งปฐมบรรพบุรุษ
“ไม่เสียทีที่เป็นราชันแท้จริงต้วนยวี่ การพูดการจาก็จะใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเปลี่ยน” ผู้ที่เคยเห็นราชันแท้จริงต้วนยวี่มาก่อน เวลานี้ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง
แต่ก็มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่อดที่จะกัดลิ้นด้วยความตกใจและพูดอะไรไม่ออก รู้สึกใจหายใจคว่ำ และกล่าวว่า “ราชันแท้จริงต้วนยวี่ถึงกับเป็นถึงราชันแท้จริงขั้นหกลักคนาแล้ว ยอดเยี่ยมมากเลย เปรียบกับห้าลัคนาของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนแล้ว เหนือกว่าไม่น้อยทีเดียว”
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่อดที่จะมองไปยังราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกับราชันแท้จริงต้วนยวี่ไม่ได้ ขณะที่คนโหดอันดับหนึ่งถูกทุกคนลืมไปในเวลานี้
นาทีนี้ ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มมีความรู้สึกที่เฝ้ารอคอยขึ้นมาไม่มากก็น้อย ราชันแท้จริงต้วนยวี่กับราชันแท้จริงมู่เจี้ยนถูกผู้คนในหล้ามองว่าเป็นคู่ต่อสู้ตลอดมา ทุกคนต่างต้องการได้เห็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองตลอดเวลาที่ผ่านมา นี่จะเป็นศึกการต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแดนลัทธิราชัน
“มากกว่าหนึ่งลัคนาไม่ได้แทนทุกสิ่งทุกอย่าง” ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเย็นชา แววตายังคงเปี่ยมด้วยปณิธานการฆ่าที่เข้มข้น แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าราชันแท้จริงต้วนยวี่มีลัคนามากกว่าเขาอยู่หนึ่ง ยังคงเปี่ยมด้วยปณิธานการฆ่าเหมือนเดิม
สมควรทราบว่า เมื่อก้าวถึงระดับราชันแท้จริงแล้ว การมีลัคนาเพิ่มขึ้นหนึ่งห้องก็จะเป็นระดับชั้นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กระทั่งสามารถกล่าวได้ในระดับหนึ่งว่าสามารถบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้
“มากกว่าหนึ่งลัคนาก็เพียงพอแล้ว” ราชันแท้จริงต้วนยวี่เปี่ยมด้วยความพาล และกล่าวว่า “แม้แต่ลัคนาก็ไม่เท่าคนอื่น ย่อมไม่ต้องพูดถึงวิชานอกลัทธิเต๋าอะไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเพิ่มเติมส่งเสริมด้วยพลังจากภายนอกอะไรนั่น ล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถน้อยนิดเท่านั้นเอง สิ่งที่ตระกูลมู่ของเจ้ามี ตระกูลหลี่ข้าก็มีเช่นกัน เทียบธาตุแท้ภายในเจ้ามีความได้เปรียบตรงไหน แค่ห้าลัคนา สังหารเจ้าอยู่แล้ว!”
คำพูดเช่นนี้ของราชันแท้จริงต้วนยวี่นับว่าเปี่ยมด้วยความพาล ยกตนข่มท่าน เสมือนดั่งเป็นจอมอันธพาลแห่งยุค ในเวลานี้มักจะลืมไปแล้วว่าความจริงแล้วนางเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น ในขณะนี้ ในสายตาของทุกคนนางก็คือราชันแท้จริงคนหนึ่ง ราชันแท้จริงที่เปี่ยมด้วยความพาล จากนั้น ทุกคนจึงจะนึกไปถึงว่านางคือราชันหญิงคนหนึ่ง
“ยังไม่ได้มีการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ใครจะเป็นฝ่ายชนะยังสรุปกันเร็วเกินไป” ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกล่าวเสียงเย็นชา แววตาดูเย็นยะเยือก ย่อมไม่ต้องสงสัย แม้ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนรู้แล้วว่าราชันแท้จริงต้วนยวี่มีลัคนามากกว่าตนหนึ่งลัคนา แต่เขายังคงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะสู้
“ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมีวิธีการอะไรกันแน่ และหรือมีของวิเศษที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างนั้นรึ?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างกระซิบในใจ เมื่อเห็นว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนยังคงมีความมั่นใจตนเองขนาดนั้น
ในเวลานี้ ลู่เคอะเวิงไม่ได้เป็นผมขาวดั่งกระเรียน หน้าเด็กคนเมื่อครู่ที่ดูเป็นผู้เฒ่าที่อ่อนโยนมีเมตตาคนนั้นอีกแล้ว เวลานี้ลู่เคอะเวิงไม่เพียงใช้อำนาจบาตรใหญ่และดุดันเท่านั้น บนตัวของเขาได้แผ่กลิ่นอายที่เข่นฆ่าเลือดเย็นทารุณโหดร้ายและกระหายเลือดออกมา
สมควรทราบว่า ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนใดก็ตาม สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดจะไม่มีคนดีสักคน ไม่มีสักคนที่ชื่อว่าเป็นคนดีอ่อนโยนมีเมตตาสักคน ผู้ที่สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดได้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสองมือเต็มไปด้วยเลือดทั้งสิ้น
ดังนั้น จะปล่อยให้ภาพที่ผมขาวดั่งกระเรียน หน้าเด็กอ่อนโยนมีเมตตาของลู่เคอะเวิงซึ่งเกิดขึ้นในใจทำให้สับสนลุ่มหลงไม่ได้ ในฐานะที่เป็นถึงเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวเขาเองก็คือผู้ที่เข่นฆ่าเลือดเย็นไร้ความปราณี และกระหายเลือดอย่างยิ่ง
คำพูดของลู่เคอะเวิงก็พาลและโหดเหี้ยม แน่นอน ในฐานะที่เป็นระดับเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งและเก่าแก่โบราณที่สุดของแดนลัทธิราชัน เขามีศักยภาพเช่นนี้จริงๆ และมีสิทธิ์ที่จะพูดเช่นนี้จริง
“ดี” ราชันแท้จริงต้วนยวี่ก็เปี่ยมด้วยความพาล และกล่าวว่า “ข้าอยากจะท้าสู้กับผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดสักครั้งนานแล้ว แม้ว่าข้าจะสู้บรรพบุรุษกู่ของพวกเราไม่ได้ แต่ กับเจ้า ลู่เคอะเวิง ข้ากลับมีความมั่นใจอยู่ห้าส่วน ชนะพ่ายแพ้ห้าสิบห้าสิบ กล้าสู้กันสักครั้งหรือไม่!”
คำตอบที่พาลเช่นนี้ของราชันแท้จริงต้วนยวี่ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกคนต่างเคยได้ยินความพาลและแข็งกร้าวดุดันของราชันแท้จริงต้วนยวี่ ไม่นึกเลยว่าจะพาลได้ถึงระดับนี้ นี่คือการสู้ฟ้าสู้ดินสู้โลกธาตุ ไม่เคยกลัวใคร
ในเวลานี้เอง ทุกคนรู้สึกได้ในทันใดว่า ราชันแท้จริงต้วนยวี่ กับคนโหดอันดับหนึ่งเหมือนจริงๆ พวกเขาต่างก็เป็นคนประเภทเดียวกัน
“ดุดันอย่างเหลือเฟือ” ได้ฟังคำท้าสู้ของราชันแท้จริงต้วนยวี่ที่มีต่อลู่เคอะเวิง ทั้งที่มีโอกาสแพ้ชนะห้าสิบห้าสิบ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องกัดลิ้นพูดอะไรไม่ออกลับๆ นับว่าราชันแท้จริงต้วนยวี่ดุดันจนไม่รู้จะเปรียบเปรยอย่างไรโดยแท้จริง
“ราชันหญิง สงบอารมณ์ สงบอารมณ์เอาไว้” เมื่อผู้เฝ้าดูต้นไม้เห็นราชันแท้จริงต้วนยวี่ท้าสู้ลู่เคอะเวิงด้วยความพาลและแข็งกร้าว จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย
ถ้าหากว่าลู่เคอะเวิงถูกราชันแท้จริงต้วนยวี่รั้งเอาไว้ล่ะก็ พวกเขาก็จะหมดโอกาสโดยสิ้นเชิง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การขาดลู่เคอะเวิงไปคนหนึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับขบวนของพวกเขา
“ยวี่เจิน เจ้าถอยไปอยู่ข้างๆ ก่อนเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “จัดการกับตั๊กแตนไม่กี่ตัวเท่านั้น ใช้เวลานานสักเท่าไรเชียว เจ้าไปยืนอยู่ข้างๆ ก่อน รอให้ข้าจัดการกับพวกเขาให้สิ้น กลับไปในเมืองจะเลี้ยงเจ้าสักจอก”
………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...