ตอนที่ 2641 ความชั่วร้ายปรากฎ
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากพลันรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมากะทันหัน เมื่อมองเห็นเขากวางที่แตกออกเป็นกิ่งก้านสาขาบนหัวของลู่เคอะเวิง ถึงกับขนลุกขนพองขึ้นมาทั้งตัว
ท่าทางของลู่เคอะเวิงที่เหมือนผู้เฒ่าที่มีสีหน้าดีดูไปแล้วมีความเมตตาอ่อนโยนอย่างยิ่ง เสมือนหนึ่งเป็นผู้สูงส่งที่สำเร็จมรรคผล และตลอดเวลาที่ผ่านมาลู่เคอะเวิงนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้คนทั่วหล้าต่างก็รู้ว่าเขาคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ทั้งยังเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่มีชีวิตยืนยาวมากที่สุด
กล่าวได้ว่า ในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่าลู่เคอะเวิงเป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งคนหนึ่ง จะมีใครคาดคิดว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูมีเมตตาอ่อนโยนนั้น เบื้องหลังถึงกับซ่อนเรื่องราวที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและความสกปรกเอาไว้มากมาย
“มิน่าเล่าเคอะเหมิงของพวกเขาถึงได้นำเอาชีวิตคนจำนวนหลายล้านชีวิตมาบูชายันต์ทำเป็นอาวุธต้องห้าม กล่าวสำหรับเขาแล้วเรื่องแบบนี้เรียกได้ว่ามีความชำนาญเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าคงไม่ได้กระทำการเช่นนี้เป็นครั้งแรกแล้ว” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งและพึมพำขึ้นมา
ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณหัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “อายุขัยของคนเรามีขีดจำกัด แม้แต่ผู้บำเพ็ญตนก็เป็นเช่นนี้ ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็เป็นเช่นนี้ แหะ ถ้าหากบุคคลคนหนึ่ง หรือผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ถึงขั้นเหนือความคาดคิด สามารถเกินกว่าขีดสูงสุดได้ล่ะก็ แหะ แน่นอนที่สุดเบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องมีความลับที่ผู้อื่นไม่รู้ และจะต้องมีวิธีการที่สุดโต่งแน่นอน”
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยทยอยกันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของระดับบรรพบุรุษผู้นี้ และรู้สึกว่ามีเหตุผล แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ ถ้าหากมีชีวิตอยู่ไปได้เรื่อยๆ เกรงว่าช้าหรือเร็วสักวันหนึ่งก็ต้องตาย
เว้นแต่จะทำการผนึกร่างของตนเอาไว้ตลอดไป อย่างไรก็ตาม ลู่เคอะเวิงหาใช้ประเภทที่ผนึกร่างของตนแบบนั้นอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเขาเคยผนึกร่างของตนมาก่อน ทั้งยังไม่ใช่กระทำการเช่นนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่า เฉกเช่นตัวเขาที่ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่เสมอๆ การกัดกร่อนด้านอายุขัยของเขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่ว่า ลู่เคอะเวิงยังคงมีชีวิตอยู่ได้นานถึงเพียงนี้ กลายเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่มีชีวิตอยู่ได้ยาวนานที่สุดของแดนลัทธิราชัน ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเบื้องหลังของเขาต้องมีวิธีการที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
เวลานี้ หนึ่งกระบี่ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนชี้ฟ้า ผู้เฝ้าดูต้นไม้เหยียบฟ้าปิดกั้นพสุธา สี่พุทธาที่มีกลองใหญ่อวดโฉม ขณะที่ลู่เคอะเวิงมีเขากวางบนหัว เหมือนมีท่าทีที่จะสังหารต่อหลี่ชิเย่
เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนทั้งสี่คนก็ได้กำหนดสถานการณ์ที่พร้อมจะเปิดการโจมตีต่อหลี่ชิเย่ไว้แล้ว
ย่อมไม่ต้องสงสัย ภายในระยะเวลาอันสั้น พวกเขาทั้งสี่คนได้บรรลุสัญญาลับที่รับรู้กันภายใน พวกเขาที่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เมื่อใดที่เชื่อมถึงกันได้แล้ว ภายในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถบรรลุสัญญาลับได้นั้น หาใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่อย่างใด
ราชันแท้จริงต้วนยวี่ ที่อยู่ข้างๆ มองตาไม่กะพริบกับภาพนี้ ต้องการดูว่าหลี่ชิเย่จะทำลายสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่เช่นนี้อย่างไร หากเปลี่ยนเป็นนางที่ต้องต่อกรหนึ่งต่อสี่ ต่อให้นางที่แข็งกร้าวและพาลมากกว่านี้ก็จนด้วยเกล้า
“ดูท่าพวกเจ้าได้คิดเอาไวเรียบร้อยแล้วว่าจะร่วมมือกันอย่างไรแล้ว” หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าพวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนทั้งสี่คนจะกำหนดสถานการณ์เอาไว้แล้ว ท่าทางดูจะเรียบเฉยและสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง
“พวกเราขอรับการชี้แนะจากกระบวนท่าอันสูงส่งจากคุณท่าน” การพูดจาของลู่เคอะเวิงดูสุภาพยิ่งนัก น้ำเสียงคำพูดเหมือนไม่ได้มีความโกรธแต่อย่างใด เหมือนว่าเขาก็คือผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ผู้คนจำนวนมากมักถูกการแสดงออกของเขาทำให้ลุ่มหลงได้ง่ายๆ อยู่เสมอๆ
“ดี ข้าจัดการสังหารพวกเจ้าทั้งหมด” หลี่ชิเย่หัวเราะเรียบเฉยทีหนึ่ง และยิ้มกล่าวว่า “วินาทีก่อนที่พวกเจ้าจะตาย น่าจะได้เห็นกระบวนท่าอันสูงส่งของข้า”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ถึงกับทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก ขบวนการร่วมมือกันของพวกลู่เคอะเวิงสี่คนนับว่าเป็นกระบวนทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิราชันแล้ว เรียกได้ว่า ในแดนลัทธิราชันคงมีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถต้านกับกระบวนทัพเช่นนี้ได้ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดอย่างเอ้อระเหยว่าจะสังหารพวกเขาทั้งหมด ช่างเป็นความมั่นใจอะไรอย่างนั้น
พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ไม่เพียงทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ยืนดูอยู่ในระยะห่างไกลต้องหายใจไม่ออก แม้แต่พวกของลู่เคอะเวิงสี่คนก็หายใจไม่ออกเช่นกัน
ตูม…นาทีนี้เอง เสียงดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง ฟ้าดินสั่นไหวไปมา ดินและหินปลิวกระจาย
“เริ่มแล้ว…” พลันที่เสียงดังสนั่นทำลายความเงียบสงัดอย่างกะทันหันนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจว่าศึกใหญ่จะระเบิดขึ้นแล้ว ทุกคนต่างจ้องมองไปยังบริเวณสมรภูมิรบ
“ไม่ถูก เสียงไม่ได้มาจากที่นี่ มันมาจากใต้ดิน” แต่เมื่อทุกคนจ้องมองไป ไม่ว่าจะเป็นหลี่ชิเย่หรือจะเป็นพวกของลู่เคอะเวิงทั้งสี่คนล้วนแล้วแต่ยังไม่ทันได้ลงมือ นาทีนี้ทุกคนจึงพบว่าหาใช่พวกของหลี่ชิเย่ที่เริ่มลงมือกันแล้ว
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาอีกครั้ง พื้นดินสั่นไหวทีหนึ่ง มาคราวนี้ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้นมองเห็นเพียงดินที่ปลิวกระจายขึ้นมา ท่ามกลางเสียงตูมเสียงนี้ที่ดังขึ้น ทันใดนั้นใต้พื้นดินปรากฎหนวดขนาดยักษ์ที่ยื่นออกมาพรวดพราด
หนวดยักษ์ที่ยื่นออกมาจากใต้พื้นดินกะทันหันเสมือนดั่งเป็นหนวดของปลาหมึกอย่างนั้น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เหมือนหนวดปลาหมึก โดยที่หนวดดังกล่าวนี้มีสีดำดั่งหมึก คล้ายเป็นหนวดชั่วร้ายที่ยื่นมาจากใต้พื้นดินส่วนที่ลึกที่สุดอย่างนั้น
หนวดเส้นนี้มีขนาดหนาใหญ่ยิ่งนัก โดยที่ขนาดของมันใหญ่เท่าๆ กันจานเจียรอย่างนั้น การที่มันมุดออกมาจากใต้พื้นดินอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน
อ๊ากกก…ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น หนวดที่มุดออกมาจากใต้พื้นดินพลันยื่นเข้าไนเมืองหมิงลั่วเฉิง ตวัดทีหนึ่งก็จัดการจับเอาคนเป็นๆ ขึ้นมาคนหนึ่งในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...