ตอนที่ 2656 อ่างหินลึกลับ
ต้นกำเนิดสัจธรรมคือรากเง่าของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง ถ้าหากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งปราศจากกระทั่งต้นกำเนิดสัจธรรมแล้วล่ะก็ เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตา ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดจะต้องล่มสลายในชั่วข้ามคืน สิ่งมีชีวิตจะต้องตายไปทั้งหมด
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สำหรับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งแล้ว ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าต้นกำเนิดสัจธรรมอีกแล้ว กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิหนึ่งลัทธิใดก็ตาม ขอเพียงต้นกำเนิดสัจธรรมยังคงอยู่ เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ นั้นก็ยังคงเปี่ยมด้วยความน่าจะเป็นนับไม่ถ้วน เมื่อใดที่ต้นกำเนิดสัจธรรมเหือดแห้งหรือตายไป เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นๆ ก็ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องตาย และติดตามมาด้วยการล่มสลาย
การเสื่อมลงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่วหล้า และทั่วทั้งแดนลัทธิราชันก็รับรู้ถึงเรื่องนี้ แต่ว่า ที่น่าแปลกก็คือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเสื่อมลงแล้ว แต่มันยังคงรั้งอยู่ที่แดนลัทธิราชันได้
ด้วยเหตุนี้เองมีปฐมบรรพบุรุษเคยกล่าวเอาไว้ว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงอยู่ อีกทั้งต้นกำเนิดสัจธรรมไม่ได้อ่อนแอลง และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงสามารถรักษาให้คงอยู่ในแดนลัทธิราชันต่อไปได้
เรื่องแบบนี้พูดไปแล้วออกจะเป็นตรรกะอยู่บ้าง กระทั่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันไม่สอดคล้องกับสภาพของความเป็นจริง
สมควรทราบว่า ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง ระหว่างศิษย์ทั้งหมดของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิและสิ่งมีชีวิต กับต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิต่างประกอบขึ้นมาและเสริมส่งซึ่งกันและกัน กระทั่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
กล่าวสำหรับศิษย์คนหนึ่งของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแล้ว ในขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวกับ เคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่เขาฝึกปรือ การเกิดแรงบันดาลใจ ตระหนักและเข้าถึงพลังสัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นๆ ทำให้เขาสามารถได้รับการหล่อเลี้ยงจากผืนแผ่นดินทุกๆ ตารางนิ้วที่อยู่ด้านล่าง กระทั่งสามารถได้รับการบำรุงจากพลังต้นกำเนิดสัจธรรม
ขณะที่กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง สำหรับต้นกำเนิดสัจธรรมแล้ว จากการที่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิมีศิษย์ที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิก็จะมีความคึกคักมีชีวิตชีวามากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังสัจธรรมจากเหล่าศิษย์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ นี้ พลังลมปราณที่คึกคักมีชีวิตชีวา ก็จะย้อนกลับไปหล่อเลี้ยงระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ และบ่มฟักต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ นั้น
อาจกล่าวได้ว่า ระหว่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิกับผู้เป็นศิษย์ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ต่างหนุนส่งกันและกัน ถ้าหากต้นกำเนิดสัจธรรมคึกคักมีชีวิตชีวา ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็จะแข็งแกร่งตามไปด้วย ขณะที่ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอ่อนแอ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็จะเสื่อมลงตามไปด้วย
ผู้คนทั่วหล้าต่างก็รู้ว่า ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นได้ตกต่ำลงยุคแล้วยุคเล่า ในห้วงกาลเวลาที่ยาวนานที่ผ่านมา ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นมีจำนวนน้อยลงทุกวันๆ ยอดฝีมือที่ปรากฎขึ้นมาของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นอ่อนแอลงยุคแล้วยุคเล่า
เรียกได้ว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นทั้งหมดไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอีกต่อไป ตามหลักแล้ว ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นควรจะอ่อนแอมากกระทั่งแห้งเหือดไปแล้วจึงจะถูก
แต่ว่า มองไปที่อ่างหินในเวลานี้ มองเห็นต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงปรากฏประกายเซียนที่แวบวับ พลังสัจธรรมที่อยู่ภายในต้นกำเนิดสัจธรรมได้รวมตัวกันจนกลายเป็นน้ำแก่นสัจธรรม และน้ำแก่นสัจธรรมดังกล่าวมีความเข้มข้นจนแทบจะแยกไม่ออกแล้ว
ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือน้ำแก่นสัจธรรมดังกล่าวมีความแท้และเข้มข้นอย่างยิ่ง มีกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ เหมือนว่ามันได้ผ่านการตกผลึกมานานนับพันล้านปี ผ่านการหลอมกลั่นมานานนับพันล้านปีมาแล้ว มันได้กลับกลายเป็นน้ำแก่นสัจธรรมที่แท้และเข้มข้นมากที่สุดในโลก แม้เพียงน้ำแก่นสัจธรรมเพียงหยดเดียวเมื่อเจือจางแล้วก็สามารถทำให้แคว้นเจ้าลัทธิแค้วนหนึ่งได้รับประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุด
น้ำแก่นสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ หากหยดลงเมืองหมิงลั่วเฉิงเพียงหยดเดียว พลันทำให้ทั่วทั้งเมืองหมิงลั่วเฉิงมีพลังชีวิตที่คึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นทันที ทำให้ศิษย์ทั้งหมดของเมืองหมิงลั่วเฉิงเปี่ยมด้วยพลังชีวิต มีพลังสัจธรรมที่น่าเกรงขามอยู่ในครอบครอง
สายตาของหลี่ชิเย่ไม่ได้ตกอยู่ที่ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น สายตาของเขาตกไปอยู่ที่อ่างหินนั่น
กล่าวสำหรับผู้หนึ่งผู้ใดก็ตาม ขอเพียงมีความรู้อยู่บ้างล้วนแล้วแต่รู้ว่าต้นกำเนิดสัจธรรมหนึ่งๆ บ่งบอกถึงสิ่งใด และรู้ว่าถ้าหากได้ครอบครองต้นกำเนิดสัจธรรมบ่งบอกถึงสิ่งใด
กล่าวได้ว่า เมื่อบุคคลผู้หนึ่งได้ครอบครองต้นกำเนิดสัจธรรม เป็นการบ่งบอกว่าสามารถควบคุมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินั้นๆ
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้ให้ความสนใจในต้นกำเนิดสัจธรรมที่ยังคงมีพลังสัจธรรมที่น่าเกรงขาม ยังคงเปี่ยมด้วยพลังชีวิตนี้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งไม่ได้มองมันมากกว่าครั้งเดียว
สายตาของหลี่ชิเย่ตกไปอยู่บนอ่างหินนั่น กล่าวสำหรับเขาแล้ว อ่างหินใบนี้จึงเป็นของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ มีเพียงอ่างใบนี้เท่านั้นที่คู่ควรให้เขาได้ไปครอบครองมัน
ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นแดนลัทธิราชัน หรือแดนลัทธิเซียน ต้นกำเนิดสัจธรรมเฉกเช่นระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นมีอยู่มากมาย แต่ว่า อ่างหินที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีเพียงหนึ่งเดียวในหล้าเท่านั้น มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง
นัยน์ตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่จ้องมองดูอ่างหินนั้นอย่างไม่คลาดสายตา หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นี่แหละคือศิลาเซียนที่ชาวโลกพูดถึง”
อ่างหินที่อยู่ตรงหน้าก็คือศิลาเซียนที่ผู้คนบนโลกตามหา และเนื่องเพราะมีศิลาเซียนก้อนนี้นี่เอง จึงทำให้ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงไม่อ่อนแอหรือเหือดแห้งลง หลังจากผ่านไปเป็นพันล้านปี
“ตาเฒ่า ที่สมควรตามหาข้าก็ตามหาจนพบแล้ว” หลี่ชิเย่จ้องเขม็งไปที่อ่างหินใบนี้ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สมควรต้องพูดออกมาได้แล้วล่ะ”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่อดที่จะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “คนอย่างข้าไม่ชอบทำความดี ถ้าหากมีใครคิดจะเชิญข้าไปทำความดีล่ะก็ ค่าตอบแทนที่ข้าเรียกก็จะสูง สิ่งที่ข้าต้องการก็จะต้องสะเทือนเลื่อนลั่น เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วยังที่จะต้องจ่ายอย่างหนัก” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว รอยยิ้มของเขาดูเข้มเหลือเกิน
แน่นอน ในสายตาของหลี่ชิเย่มองว่า เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะสู้ราคาไม่ได้ อีกฝ่ายก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่สามารถสู้ราคาได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ราคานี้ใช่ว่าจะสามารถยอมรับกันได้ง่ายดาย ขอเพียงเขาหลี่ชิเย่เอ่ยปากเมื่อใด ย่อมทำให้อีกฝ่ายต้องจ่ายอย่างหนัก เกรงว่าจะต้องเจ็บปวดไปอีกนานแสนนานทีเดียว
“แดนสามเซียนนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และกล่าวว่า “แม้ว่าข้าไม่ใช่พระเจ้าที่ช่วยโลก และข้าก็ไม่ต้องการเป็นพระเจ้าผู้ช่วยโลก เพียงแต่มีคนจ้างให้เป็นพระเจ้าผู้ช่วยโลกสักครั้งหนึ่ง เช่นนั้น ทำไมจะไม่ทำเล่า ไว้ให้ข้าโขกเอาสักก้อนก็แล้วกัน” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เขาไม่เพียงเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งเท่านั้น แม้แต่ดวงตาทั้งสองก็ยังเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา
สิ่งที่เขาต้องการย่อมต้องสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นแล้วอีกฝ่ายจะมีท่าทางเช่นใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...