ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2700

ตอนที่ 2700 ดึกดำบรรพ์จนสืบค้นไม่ได้

เส้นทางดึกดำบรรพ์เป็นเส้นทางที่คงไว้ตั้งแต่ยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ยิ่ง ยุคดึกดำบรรพ์ยิ่งลักษณะเช่นนี้กระทั่งเรียกได้ว่าดึกดำบรรพ์จนไม่สามารถไล่ย้อนกลับไปได้

เนื่องเพราะมีเส้นทางดึกดำบรรพ์เหล่านี้นี่เอง จึงทำให้การสัญจรไปมาระหว่างแดนสามเซียนด้วยกันกลับกลายเป็นสะดวกสบายขึ้นมาบ้าง แน่นอน ความสะดวกสบายที่ว่าก็มีขีดจำกัดอยู่

จะอย่างไรเสีย หากต้องการอาศัยวิธีหักหาญเพื่อไปยังแดนใดแดนหนึ่งอีกสองแดนของแดนสามเซียนนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม และหรืออาศัยทรัพยากรจำนวนมหาศาลมาสนับสนุน มิฉะนั้นล่ะก็ ยอดฝีมือโดยทั่วไปจะไม่สามารถไปมาระหว่างกันกับอีกสองแดนได้อยู่แล้ว

ยกตัวอย่างจากแดนลัทธิพรรษเข้าสู่แดนลัทธิราชัน มีผู้ที่กล่าวเอาไว้ว่า จากแดนลัทธิพรรษหากคิดจะก้าวสู่แดนลัทธิราชัน โดยปรกติแล้วจะต้องเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นหนึ่งแสนชาติจึงจะมีสิทธิ์ ซึ่งระดับนี้ยังเป็นเพียงแค่เพิ่งจะได้ก้าวข้ามประตูเท่านั้น ส่วนเรื่องของความเสี่ยงนั้นไม่อาจทราบได้

ถ้าหากจากแดนลัทธิราชันเข้าสู่แดนลัทธิเซียน มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า จะต้องเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลจึงสามารถไปได้

ไม่ว่าจะเข้าสู่แดนลัทธิราชันจากแดนลัทธิพรรษ และหรือจากแดนลัทธิราชันเข้าสู่แดนลัทธิเซียน หากต้องการอาศัยการหักหาญเข้าไปล่ะก็ นอกเหนือจากต้องมีกำลังความสามารถอย่างเพียงพอในตนเองแล้ว ยังจำเป็นต้องมีทรัพยากรจำนวนมหาศาลมาช่วยเหลือเกื้อกูล

แน่นอนที่สุด หากเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะดั่งปฐมบรรพบุรุษก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ธรณีประตูที่เชื่อมไปยังแดนสามเซียนกลับกลายเป็นมีความสูงมาก กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน สำนักเจ้าลัทธิ กระทั่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิโดยทั่วไป โดยพื้นฐานแล้วคิดจะก้าวข้ามแดนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต่างได้แต่มองและทอดถอนใจออกมาเท่านั้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การก้าวข้ามแดนเป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด

แต่ทว่า การคงอยู่ของเส้นทางดึกดำบรรพ์เช่นนี้ กลับลดระดับการก้าวข้ามแดนลงมาได้ไม่น้อยทีเดียว แน่นอน ใช่ว่ามีเส้นทางดึกดำบรรพ์แล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถก้าวข้ามแดนไปได้

เพียงแต่ หลังจากมีเส้นทางดึกดำบรรพ์แล้ว ทำให้บรรดาเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในแดนลัทธิราชัน และหรือแดนลัทธิเซียนได้มีความหวังอันน้อยนิดขึ้นมา

จะอย่างไรเสีย ชั่วชีวิตของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะบางส่วนจะสุดอยู่เพียงเท่านี้ เรียกได้ว่า หากไม่สามารถก้าวไปถึงระดับที่สูงเพียงพอ โดยพื้นฐานแล้วชั่วชีวิตของพวกเขาจะไม่สามารถก้าวเข้าไปยังแดนลัทธิราชัน หรือแดนลัทธิเซียนไปเปิดหูเปิดตาได้เลย

หลังจากมีเส้นทางดึกดำบรรพ์แล้วทำให้สถานการณ์นี้มีการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยที่สุดบรรดาเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็ยังคงมีความหวังอยู่นิดหนึ่งที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรที่สูงมากกว่า

เนื่องจากมีเส้นทางดึกดำบรรพ์นี้เอง ทำให้มีการคาดเดาต่างๆ นานาเกี่ยวกับยุคสมัยดึกดำบรรพ์มากๆ และเส้นทางดึกดำบรรพ์ของผู้คนบนโลก

กระทั่งมีผู้ที่คิดว่า ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มากๆ นั้น ทั้งสามแดนของแดนสามเซียนนั้นเชื่อมติดต่อถึงกัน ขณะที่เส้นทางดึกดำบรรพ์ก็คือสะพานระหว่างแดนทั้งสาม กระทั่งมีผู้เข้าใจว่า ด้วยเหตุนี้เองในยุคนั้นการเชื่อมติดต่อถึงกันของสามแดนนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง

เพียงแต่ ภายหลังไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แดนสามเซียนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนเลื่อนลั่น เส้นทางเกิดพังทลายขึ้น ทำให้เส้นทางดึกดำบรรพ์ที่เชื่อมติดต่อถึงกันระหว่างสามแดนขาดไป สุดท้ายเหลือไว้เพียงเส้นทางดึกดำบรรพ์ไม่กี่สายที่ยังเหลืออยู่และสามารถใช้การได้

ขณะที่พวกเส้นทางดึกดำบรรพ์ที่หลงเหลืออยู่ล้วนแล้วแต่มีอันตรายอยู่ไม่น้อย ต่อให้เส้นทางดึกดำบรรพ์ไม่กี่เส้นทางที่ยังคงหลงเหลืออยู่มาได้แต่ก็ไม่สมบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นการเพิ่มความยากและอันตรายขึ้นมาไม่น้อยระหว่างการก้าวข้ามแดน

ในที่สุด หลี่ชิเย่กับราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็ได้มาถึงทางเข้าเส้นทางดึกดำบรรพ์สายหนึ่ง ที่ตรงนั้นคือแผ่นฟ้าที่แตกละเอียดซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ ทอดสายตามองออกไป ที่ตรงนั้นมีสุริยันจันทราและดวงดาวนับไม่ถ้วนที่ถูกยิงจนแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ทั่วทั้งโลกเสมือนดั่งถูกทำลายจนพินาศย่อยยับอย่างนั้น

ไม่ว่าใครก็ตามหากได้มองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็จะทราบว่า ที่ตรงนี้เคยเกิดศึกยิ่งใหญ่ที่ทำลายฟ้าดินขึ้น แม้ว่าจะไม่รู้ว่าสองฝ่ายที่ก่อศึกยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นผู้ใด แต่จากอานุภาพการทำลายที่พังพินาศย่อยยับแล้ว ทั้งสองฝ่ายล้วนแล้วแต่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งมากและน่ากลัวอย่างยิ่ง

ทางเข้าเส้นทางดึกดำบรรพ์ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง ภูเขาขนาดยักษ์ลูกนี้ลอยล่องอยู่ท่ามกลางทางช้างเผือก โดยภูเขาขนาดยักษ์ลูกนี้เคยถูกยิงจนแตกละเอียดไปเสี้ยวหนึ่ง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ภูเขายักษ์ยังคงมีขนาดที่ใหญ่ยักษ์มาก เสมือนดั่งเป็นดวงดาวขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้าอย่างนั้น

บนภูเขายักษ์มีบันไดหินที่แตกละเอียดหลงเหลืออยู่วกเวียนขึ้นไปดั่งเขาวงกต สุดท้ายบันได้หินที่แตกละเอียดและหลงเหลืออยู่ก็จะนำพาเข้าไปอยู่ภายในช่องเขาแคบๆ แห่งหนึ่ง เหมือนว่าหากลอดผ่านช่องเขาแคบๆ นี้ไปก็จะทะลุไปยังโลกอีกโลกหนึ่งได้

“อาศัยบันทึกต่างๆ ดูไปแล้ว ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มากๆ นั้น การคมนาคมระหว่างสามแดนนั้นมีความสะดวกสบายอย่างยิ่ง” ขณะที่ก้าวเดินอยู่บนบันได้หินที่แตกหักและยังหลงเหลืออยู่ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ดูจากขนาดของบันไดหินก็สามารถรู้ได้ว่า เกรงว่าการเชื่อมติดต่อถึงกันระหว่างสองแดนในครั้งนั้น จำนวนผู้คนที่เดินทางผ่านน่าจะมีจำนวนนับหมื่น เพียงแต่ภายหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ทำให้เส้นทางดึกดำบรรพ์ส่วนใหญ่บนโลกแตกละเอียดไป สุดท้ายแล้ว เส้นทางดึกดำบรรพ์จึงยังคงหลงเหลืออยู่ไม่กี่สาย และแตกหักเสียหายไม่สมบูรณ์”

“เรื่องนี้ไหนเลยจะไม่ใช่เรื่องดีเรื่องหนึ่ง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “เมื่อการติดต่อถึงกันถูกปิดกั้นสนิท ต่างฝ่ายต่างไปมาหาสู่กันไม่ได้ นั่นแหละสามารถทำให้ความแตกต่างได้สำแดงประสิทธิผลของมัน ทำให้เผ่าพันธุ์ต่างๆ เจริญรุ่งเรือง มิฉะนั้นล่ะก็จะทำให้เป็นใหญ่อยู่เพียงผู้เดียว กล่าวสำหรับการเจริญเติบโตของโลกทั้งโลกโดยภาพรวมแล้ว ไม่เห็นมันจะเป็นเรื่องดีอะไร”

“คำพูดนี้ก็มีเหตุผล” เมื่อราชันแท้จริงจิ่วหนิงได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่แล้วก็รู้สึกว่าใช่จะไร้เหตุผล

ถ้าหากว่าแดนใดๆ ในแดนสามเซียนล้วนแล้วแต่ไปมาหาสู่ได้อย่างสะดวกโยธินล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เป็นเจ้าของพื้นที่ในแต่ละแดนยังจะพัฒนาขึ้นได้รึ? เฉกเช่นแดนลัทธิราชันอย่างนั้น ถ้าหากปล่อยให้ทั้งสามแดนไปมาได้อย่างสะดวกล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีคำว่าสามผู้ยิ่งใหญ่อะไรนั่นแล้วล่ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล