ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2725

ตอนที่ 2725 กลับมาแล้ว

สะพานศักดิ์สิทธิ์ได้ทอดข้ามทะเลแห่งความรู้ไปในพริบตาเดียว ด้วยท่าทีที่ช่วยให้สรรพสิ่งมีชีวิตก้าวข้ามทะเลทุกข์ของความเป็นความตายไปยังดินแดนนิพพาน ทำให้ภายในใจของผู้เฒ่าถึงกับหวั่นไหว นาทีนี้เขามีความรู้สึกเหมือนขจัดสิ้นข้อฉงนสงสัยและเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง พริบตาเดียวนั้นเอง ทำให้เขามองเห็นความหวังในการทำลายอุปสรรค

เครื่องพันธนาการที่รบกวนใจเขามาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วนนั้น แต่ว่า นาทีนี้หลี่ชิเย่กลับอาศัยวิธีการเดียวที่สะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้เขาเสมือนดั่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน

ความรู้สึกเช่นนี้นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับผู้เฒ่ามากเหลือเกิน ในด้านสัจธรรมของผู้เฒ่าอมตะนั้น ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเซียนมาร ยังจะมีใครสามารถบรรลุได้ลึกซึ้งยอดเยี่ยมมากไปกว่าเขาได้เล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังจะมีใครเชี่ยวชาญด้านทำจิตให้เที่ยงไม่ฟุ้งซ่าน และทำให้จิตใจสงบมากไปกว่าเขาอีก

แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่อาศัยเพียงวิธีเดียวก็ทำลายความคิดที่ไร้สาระภายในใจของเขา ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ในด้านสัจธรรมนั้นหลี่ชิเย่ไม่เพียงบ่มฟักและสร้างสรรค์ได้เหนือกว่าเขามากทีเดียว ขณะเดียวกันด้านการเข้าใจถึงสุดยอดสัจธรรมสูงสุดของผู้เฒ่าอมตะนั้นก็อยู่เหนือกว่าเขามากทีเดียว

สิ่งนี้กล่าวสำหรับผู้คนบนโลกแล้วมันคือเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ ในความคิดของผู้คนในหล้า ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเซียนมาร กระทั่งทั่วแดนลัทธิเซียนก็ยากจะมีผู้ล้ำหน้ากว่าเขาได้แล้ว เวลานี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มที่ธรรมดาๆ ตรงหน้าผู้นี้ได้แซงล้ำหน้าเขาไปแล้ว

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะทางสว่าง…” ผู้เฒ่ารีบก้มลงกราบอย่างลึกซึ้งต่อหลี่ชิเย่ เมื่อได้สติกลับมาจากความหวั่นไหว

แต่ว่า หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้หลับตาลงแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหว เหมือนว่าได้เข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง กัวเจียหุ้ยไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เริ่มต้นแบกหลี่ชิเย่ลงเขาอย่างเงียบๆ

ผู้เฒ่าได้แสดงคารวะแล้วคารวะอีกต่อเงาหลังของหลี่ชิเย่ มองส่งเงาหลังของหลี่ชิเย่ที่ห่างออกไปกระทั่งหายลับไป

ผู้เฒ่าได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และกลับไปยังมุมนั้นในถ้ำเซียนมารอีกครั้ง เมื่อกัวเจียหุ้ยได้แบกหลี่ชิเย่ไปไกลแล้ว นั่งลงอย่างรวดเร็วเข้าสู่สมาธิฌานปล่อยจิตล่องลอยในชั่วพริบตา เหมือนกลายเป็นรูปปั้นแกะสลักรูปหนึ่งอย่างนั้น

ในเวลานี้ ถ้ำเซียนมารได้กลับคืนสู่ความเงียบสงบเหมือนในอดีต เหมือนว่ามันไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยเป็นนิรันดร์ และเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น

ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนฤดูหนาวผ่านไป ต้นไม้ที่อยู่ด้านล่างของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แตกกิ่งอ่อนและแตกหน่อแล้ว สิงสาราสัตว์และสัตว์ปีกที่จำศีลต่างทยอยกันออกจากถ้ำมาหาอาหารกันแล้ว

ณ บริเวณเชิงเขาภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีบ้านไม้หลังหนึ่งที่ปลูกอยู่ตรงนั้น จ้าวจื้อถิงได้อาศัยอยู่กับธรรมชาติบำเพ็ญเพียรที่นี่ ช่วงเวลาที่ผ่านมานางก้าวหน้าได้รวดเร็วมาก โดยเฉพาะการบรรลุบำเพ็ญเพียรภายใต้สภาพจิตใจที่สงบนิ่งเป็นพิเศษ ยิ่งบรรลุผลได้ในทันที

จ้าวจื้อถิงแลดูเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่างที่สมาธิตั้งมั่นดูมีท่าทางของความเป็นผู้ใหญ่อย่างหนึ่งที่ตลบอบอวล ภาพรวมปรากฏกลิ่นอายที่ผ่านการตกผลึกแล้ว

เหมือนเช่นทุกๆ วันที่ผ่านมา ทุกเช้าวันใหม่จ้าวจื้อถิงก็จะมามองไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์จากระยะไกล โดยสายตาจะมองไล่ไปตามเส้นทางหินขึ้นไป รอคอยการปรากฏตัวของกัวเจียหุ้ย

แม้ว่าผ่านไปวันแล้ววันเล่า กัวเจียหุ้ยไม่เคยปรากฏตัวตลอดมา เสมือนดั่งหายเข้ากลีบเมฆ ปราศจากซึ่งข่าวคราวใดๆ

แต่ว่า จ้าวจื้อถิงจะมารอคอยอยู่ที่ตรงนี้ทุกวัน และมองไปรอบๆ ทุกวัน มองดูเส้นทางที่คดเคี้ยวเล็กๆ เส้นนี้ รอคอยการลับมาของกัวเจียหุ้ย

แม้ว่ากัวเจียหุ้ยไม่เคยได้กลับมาโดยตลอด แต่ว่านางมั่นใจว่ากัวเจียหุ้ยจะต้องกลับมาแน่นอน มีหลี่ชิเย่อยู่ด้วยจะไม่เกิดเรื่องกับกัวเจียหุ้ยอย่างแน่นอน ดังนั้น ภายในใจของนางจึงมั่นคงยิ่งนัก

สิ่งนี้หาใช่นางมั่นใจในตัวของกัวเจียหุ้ย เป็นเพราะนางมั่นใจใจตัวหลี่ชิเย่ยิ่งกว่า แม้ว่าหลี่ชิเย่จะอยู่ระหว่างการหลับไหลก็จะไม่ปล่อยให้กัวเจียหุ้ยเกิดอุบัติเหตุใดๆ ขึ้นมาอยู่แล้ว

มาวันนี้ จ้าวจื้อถิงเหมือนดั่งวันที่ผ่านมามองไปยังเส้นทางคดเคี้ยวเล็กๆ นั่น นางไม่ได้คาดหวังใดๆ อยู่แล้ว แต่ว่า นาทีนี้เอง ณ สุดทางของเส้นทางคดเคี้ยวเล็กๆ ปรากฏร่างเงาที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกตา โดยร่างเงาดังกล่าวก้าวลงมาตามเส้นทางคดเคี้ยวอย่างช้าๆ

แรกทีเดียว จ้าวจื้อถิงยังเข้าใจว่าตนเองนั้นตาลาย จึงขยี้ตาตามสัญชาตญาณและมองขึ้นไปอีกครั้ง คนที่อยู่บนเส้นทางหินได้ก้าวเดินใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

เป็นพวกเขา…ภายในใจของจ้าวจื้อถิงถึงกับหวั่นไหว และตะลึงงันทันที

แม้ว่าจ้าวจื้อถิงจะเชื่อโดยตลอดมาว่า กัวเจียหุ้ยกับหลี่ชิเย่จะต้องกลับมาแน่นอน พวกเขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ว่า เมื่อกัวเจียหุ้ยกับหลี่ชิเย่กลับมาอย่างปลอดภัยจริงๆ ได้สร้างความหวั่นไหวให้กับจิตใจของนางอย่างแท้จริง กล่าวสำหรับนางแล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่ตกใจระคนกับความดีใจอย่างยิ่งเหลือเกิน

“ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว…” เมื่อจ้าวจื้อถิงได้สติกลับมาจากความตกใจระคนกับความดีใจ กัวเจียหุ้ยที่แบกหลี่ชิเย่มาได้ห่างจากนางใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

ภายใต้ความดีใจอย่างที่สุด จ้าวจื้อถิงถึงกับกางแขนวิ่งเข้าไป และสวมกอดพวกเขาแน่นในทันที ดีใจจนร้องไห้ออกมา และกล่าวด้วยความตกใจระคนกับความดีใจว่า “ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว ในที่สุดก็กลับมาแล้ว”

“ศิษย์พี่…” กัวเจียหุ้ยเองก็รู้สึกซาบซึ้งใจ อดที่จะสวมกอดจ้าวจื้อถิงจนแน่นไม่ได้

ทุกข์ทรมานมาตลอดทาง ผ่านความยากลำเค็ญมาตลอดทาง เมื่อกลับลงมาถึงเชิงเขาแล้ว จ้าวจื้อถิงยังคงนึกถึงห่วงใยพวกเขาอยู่ ยังคงรอคอยพวกเขาอยู่ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงลืมพวกเขาไปนานแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นจ้าวจื้อถิง หรือกัวเจียหุ้ยล้วนแล้วแต่หางตาเปียกแฉะโดยไม่รู้ตัว

“เอาล่ะ จัดการชำระกายาให้เรียบร้อย เหม็นอย่าบอกใครเชียว” จังหวะที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างจ้าวจื้อถิงและกัวเจียหุ้ยกำลังสวมกอดกันอย่างลึกซึ้ง เสียงที่เย็นชาเรียบเฉยดังขึ้น พลันทำให้ทั้งคู่ตกใจตื่นทันที

กัวเจียหุ้ย และจ้าวจื้อถิงทั้งสองที่ถูกทำให้ตกใจตื่นจึงได้แยกออกจากัน จ้าวจื้อถิงถึงกับจ้องมองไปยังหลี่ชิเย่ ขณะที่เวลานี้หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่หลับใหล ไม่ได้ให้ความสนใจพวกนาง

กัวเจียหุ้ยเพียงส่ายหน้าให้กับจ้าวจื้อถิง เนื่องจากการกระทำของคุณชายพวกนางเป็นสิ่งที่พวกนางไม่สามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว และหาใช่สิ่งที่พวกนางสามารถศึกษาได้อย่างละเอียดได้อยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล