ตอนที่ 2728 ปรมาจารย์
คนผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้โผล่ขึ้นมากะทันหัน อีกทั้งยังบอกว่าตนเองนั้นคือศิษย์ของนิกายหู้ซานจง ยิ่งกว่านั้นเอ่ยปากพลันต้องการดูแลนิกายหู้ซานจงต่อจากพวกเขา ในเวลานี้พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ในเวลานี้ บรรดาผู้คุมกฎ ผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด
กล่าวสำหรับนิกายหู้ซานจงของพวกเขาแล้ว ถ้าหากเป็นความจริงที่นิกายหู้ซานจงของพวกเขามีศิษย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ล่ะก็ แน่นอน พวกเขาย่อมดีใจเป็นที่สุด พวกเขาย่อมรู้สึกตื่นเต้นคึกคักเป็นที่สุด มันบ่งบอกว่าการฟื้นฟูนิกายหู้ซานจงของพวกเขามีความหวังขึ้นมาแล้ว
ปัญหาก็คือ หลี่ชิเย่หาใช่ศิษย์ของนิกายหู้ซานจงอย่างแท้จริง เขาเป็นเพียงบุคคลผู้หนึ่งที่โผล่ขึ้นมากะทันหันเท่านั้น พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่
ลองนึกภาพดู บุคคลลักษณะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นที่นิกายหู้ซานจงของพวกเขา กระทั่งต้องการกุมอำนาจปกครองนิกายหู้ซานจงของพวกเขา แล้วจะให้พวกเขาที่เป็นผู้อาวุโสและผู้คุมกฎวางใจได้อย่างไรกันเล่า?
“เหอะ เหอะ เหอะ…” เฉินเหวยเจิ้งหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง รีบพยักหน้าและก้มโค้งต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส เรื่องนี้ เรื่องนี้ท่านดูสิ นิกายหู้ซานจงของพวก พวกเราเป็นเพียงอารามที่เก่าซอมซ่อหลังหนึ่งเท่านั้น เป็นเพียงแอ่งน้ำเล็กๆ เท่านั้น ท่านผู้อาวุโสท่านคือเซียนแท้จริง คือมังกรแท้จริงที่อยู่บนฟากฟ้า…”
“ทำไม กลัวข้าจะแย่งตำแหน่งชิงอำนาจอย่างนั้นรึ? กลัวว่าไม่สามารถรักษาตำแหน่งเจ้านิกายของตนเองอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่จ้องมองเฉินเหวยเจิ้งทีหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่หมายความเช่นนี้” เฉินเหวยเจิ้งรีบส่ายหน้าและพูดอย่างเป็นงานเป็นการว่า “ใช่ว่าข้านั้นยึดติดอยู่กับตำแหน่ง หากมีผู้ที่มีความสามารถมากกว่า ข้าย่อมสมควรสละตำแหน่งให้กับผู้ที่มีความสามารถกว่าทันที เหอะ เหอะ เหอะเพียงแต่ ท่านผู้อาวุโส พวก พวก พวกเราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับท่านผู้อาวุโส พวก พวกเราก็เพิ่งจะได้พบปะกับท่านผู้อาวุโส…”
คำพูดนี้ของเฉินเหวยเจิ้งก็ไม่นับว่าเป็นคำพูดที่ฝืนใจตนเอง ตัวเขาเองคิดอยากจะทำให้นิกายหู้ซานจงเจริญรุ่งเรืองอยู่เสมอ เพียงแต่ไร้ซึ่งหนทางเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเขา หรือบรรดาผู้คุมกฎ ผู้อาวุโสทั้งหมดของนิกายหู้ซานจง ล้วนแล้วแต่มีกำลังความสามารถที่จำกัด
กำลังความสามารถของตัวเขาเองนับว่าแข็งแกร่งมากที่สุดในนิกายหู้ซานจงแล้ว ก็เป็นเพียงระดับเทพแท้จริงคนหนึ่งเท่านั้น ด้วยกำลังความสามรถเช่นนี้ เมื่ออยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารแล้ว ไม่นับเป็นอะไรได้อยู่แล้ว
ขณะที่มองไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ การแสดงออกของศิษย์ภายในสำนักก็มีขีดจำกัด คิดจะแซงล้ำหน้ารุ่นอาวุโสอย่างพวกเขาเกรงว่าจะมีความยากลำบากอยู่บ้าง จะอย่างไรเสีย นิกายหู้ซานจงของพวกเขาได้เสื่อมลงอย่างแท้จริงแล้ว
ต่อให้ปรากฎสุดยอดอัจฉริยะบุคคลขึ้นในแผ่นดินที่อยู่ภายใต้การปกครองของนิกายหู้ซานจง เกรงว่าพวกเขาก็คงไม่ต้องการเข้าร่วมกับนิกายหู้ซานจง ล้วนแล้วแต่ ถูกสำนักเจ้าลัทธิอื่นๆ ที่แข็งแกร่งกว่ากวาดเอาไป เป็นต้นว่าแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ
ถ้าหากว่านิกายหู้ซานจงสามารถปรากฏบุคคลที่มีความสามารถมากกว่า แข็งแกร่งกว่ามาปกครองดูแลนิกายหู้ซานจง สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับนิกายหู้ซานจง เฉินเหวยเจิ้งในฐานะเจ้าสำนักย่อมยินดีที่จะสละตำแหน่งให้อยู่แล้ว
แต่ว่า นิกายหู้ซานจงของพวกเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับบุคคลภายนอกอย่างหลี่ชิเย่เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากจะยกนิกายหู้ซานจงให้เขาปกครองดูแล มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาหวังผลอะไรกับนิกายหู้ซานจงเล่า
“โง่เขลา เบาปัญญา” หลี่ชิเย่มองเฉินเหวยเจิ้งด้วยท่าทีเย็นชา และกล่าวว่า “อารามซอมซ่อเล็กๆ ของพวกเจ้ามีสิ่งใดคู่ควรให้ข้าไปหวังผลอะไรได้? ก็แค่กองขยะกองหนึ่งเท่านั้น! วันนี้ข้ามานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพื่อช่วยสั่งสอนพวกไร้สมองไม่เอาไหนอย่างพวกเจ้าแทนผู้เฒ่าอมตะ พวกเจ้าที่เป็นเพียงลูกหลานที่เสมือนดั่งสวะกลุ่มหนึ่ง!”
เวลานี้ ได้ทำให้พวกของเฉินเหวยเจิ้งปราศจากอารมณ์เดือดดาลโดยสิ้นเชิงไปแล้ว พวกเขายังจะใช้อารมณ์อะไรได้อีก กับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะอาศัยเพียงแค่นิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถปราบพวกเขาทุกคนจนอยู่หมัดเล่า? สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าความถือดี ความเด่นล้ำ เมื่ออยู่ตรงหน้าของเขาแล้วไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
“พูดแบบนี้ ท่านผู้อาวุโสคือปรมาจารย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารพวกเรา คือปรัชญาเมธีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารพวกเรา…” เฉินเหวยเจิ้งในฐานะเจ้านิกายมีปฏิภาณไหวพริบดี รีบกล่าวต่อหลี่ชิเย่
“ถามทำไมให้มากความ” หลี่ชิเย่มองหน้าเขาแวบหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชา และกล่าวว่า “สิ่งที่ไม่ควรถามก็จงหุบปากเสีย”
หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองด้วยแววตาที่เย็นชามากเท่านั้น พลันทำให้เฉินเหวยเจิ้งถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง พริบตาเดียวที่แววตาเย็นชาเรียบเฉยของหลี่ชิเย่มองมานั้น เฉินเหวยเจิ้งรู้สึกว่าตนเองนั้นเสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น ขณะที่หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือสัตว์ขนาดยักษ์ในยุคดึกดำบรรพ์อย่างนั้น
อย่าว่าแต่ตัวเขาเลย ต่อให้เป็นนิกายหู้ซานจงทั้งหมด เมื่อต้องไปอยู่ในปากของสัตว์ร้ายยุคดึกดำบรรพ์นี้แล้ว เกรงว่าจะไม่พอกระทั่งอุดขี้ฟันด้วยซ้ำ พลันทำให้เฉินเหวยเจิ้งถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่กล้าส่งเสียงออกมาอีก
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองดูพวกเขาอีกสักครั้ง มือขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไป ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ช่องว่างกระเพื่อม ระบบป้องกันปรากฏขึ้นมาเป็นชั้นๆ อานุภาพราชันแท้จริง กลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษพลันโชยมาปะทะใบหน้า
จังหวะที่มือขนาดใหญ่หลี่ชิเย่ยื่นออกไปนั้น ถึงกับเปิดช่องว่างออกมาทันที ไม่มีช่วงห่างใดๆ ระหว่างช่องว่าง มือขนาดใหญ่พลันยื่นเข้าไปในหอเก็บคัมภีร์ของนิกายหู้ซานจงทันที และคว้าเอาเคล็ดวิชาลับออกมาจากหอเก็บคัมภีร์สองเล่ม
ภาพเช่นนี้พลันทำให้เฉินเหวยเจิ้งและบรรดาผู้คุมกฎ ผู้อาวุโสมองจนอ้าปากตาค้างพูดอะไรไม่ออก นี่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...