ตอนที่ 2740 มิตรหรือศัตรู
“อมิตาพุทธ…” สำหรับการย้อนถามกลับของผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียว หลวงจีนพนมมือและกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “อาตมาคือบรรพชิต มีจิตที่ให้การช่วยเหลือทั่วหล้า อาตมาจะโปรดเขาเอง”
“โปรดรึ?” ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวยิ้มนิดหนึ่ง แม้ว่าผ้าโปร่งบางสีเขียวจะปิดบังรูปโฉมของนาง มองไม่เห็นรอยยิ้มของนาง แต่ยามที่นางยิ้มทีหนึ่งนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่าเหมือนหมู่มวลบุปผาบานเบ่งอย่างนั้น
“คำว่าโปรดที่ว่าของศิษย์พี่หมายความว่าอะไรเล่า?” ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวกล่าวด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ต้องการให้เขาบวชอยู่ในพุทธศาสนาของท่านรึ? หรือว่าศิษย์พี่ต้องการสังหารเขา? และหรือศิษย์พี่ต้องการกักขังตัวเขาเอาไว้?”
คำพูดของผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวพลันทำให้พวกของเฉินเหวยเจิ้งตระหนกตกใจเป็นยิ่งนัก แววตาที่มองไปยังหลวงจีนผู้นี้พลันแตกต่างทันที พลันระแวดระวังในตัวของหลวงจีนรูปนี้ทันที
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ในขณะนี้ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งอดที่จะมองหลวงจีนรูปนี้เป็นศัตรูเสียแล้ว
“ศิษย์น้องกล่าวหนักไปแล้ว” หลวงจีนหลบตา พนมมือและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “บรรพชิตมีจิตเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง ไหนเลยกล้ากล่าววาจามุสา จะกระทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่โดยง่ายดายไม่ได้”
“คนที่ตายด้วยน้ำมือของศิษย์พี่มีจำนวนน้อยอย่างนั้นรึ?” ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวยิ้มเฉยเมย กล่าวท่าทีเรียบเฉยขึ้น
“สาธุ สาธุ” หลวงจีนพนมมือ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “พุทธองค์โปรดผู้มีวาสนา อาตมาเพียงรับตัวพวกเขาไปแดนสุขาวดีเท่านั้นเอง นี่คือการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง”
คำพูดของหลวงจีนพลันทำให้พวกของเฉินเหวยเจิ้งรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง คำพูดของหลวงจีนฟังดูเหมือนเป็นคำพระ เหมือนมีความเมตตากรุณายิ่งอย่างนั้น แต่ว่า เมื่อพินิจพิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ให้ความรู้สึกถึงทะเลเลือดที่ดั่งคลื่นยักษ์อย่างนั้น เหมือนว่าหลวงจีนเช่นเขาพลันสังหารผู้คนนับล้านก็คือการโปรดวิญญาณผู้ตายอย่างนั้น
“ความหมายที่ว่าส่งคนไปยังแดนสุขาวดีของท่านก็คือฆ่าคนๆ นั้นรึ?” ลู่ยั่วซีถึงกับมองดูหลวงจีนรูปนี้ด้วยความแปลกใจ
การกระทำเช่นนี้ทำเอาเฉินเหวยเจิ้งตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว รีบดึงตัวลู่ยั่วซีมาอยู่ข้างกาย เขารู้สึกหวาดกลัวว่าหลวงจีนรูปนี้จะลงมือกะทันหัน และสังหารลู่ยั่วซีเสียโดยพลัน
“สาธุ สาธุ” หลวงจีนรูปนี้พนมมือ และกล่าวด้วยท่าทีจริงจังและตรงไปตรงมาว่า “โปรดคนไปแดนสุขาวดีเป็นหน้าที่ของอาตมา คำพุทธกล่าวไว้ว่า วางดาบฆ่าคน บรรลุธรรมแห่งพุทธะ อาตมาช่วยให้พวกเขาได้หลุดพ้นเท่านั้นเอง ปล่อยวางกายมารบนโลกมนุษย์ปุถุชน ปล่อยวางกายเนื้อสู่แดนสุขาวดี บรรลุธรรมแห่งพุทธ”
“ที่แท้ก็คือฆ่าคนนะเนี่ย” ลู่ยั่วซีฟังรู้ถึงคำพูดของหลวงจีนแล้ว อาศัยคำพูดที่ง่ายที่สุดสรุปคำบอกเล่าที่ฟังดูเหมือนมีจิตเมตตากรุณาของหลวงจีน เรียกได้ว่าคำง่ายๆ แต่ความหมายครบถ้วนบริบูรณ์
“ศิษย์พี่ดำเนินวิถีทางของบรรพบุรุษผิดเพี้ยนไปแล้วล่ะ” ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวส่ายหน้า และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ท่านบรรพบุรุษหยั่งรู้ใต้หล้า คาดการณ์หมื่นยุค เพียงค้นหาหนทางช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายเท่านั้นเอง ศิษย์พี่ได้รับการยกย่องว่าใจพระ วิธีการที่แข็งกร้าวไม่เห็นจะสามารถช่วยเหลือใต้หล้าได้ ไม่เห็นจะสยบมารได้ รังแต่จะเพิ่มจิตที่ยึดติดของตนเองเท่านั้น”
“สาธุ สาธุ” หลวงจีนรูปนี้รู้สึกละอาย ส่ายหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ที่ศิษย์น้องพูดมานั้นใช่จะไร้เหตุผล เทียบกับความยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษ เทียบกับความสูงส่งของท่านแล้ว ศิษย์เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาตัวน้อยๆ คนหนึ่งเท่านั้น เพียงทุ่มเทให้กับโลกหล้าด้วยกำลังอันน้อยนิดที่มีอยู่เท่านั้น”
“ข้าฟังจากผู้อาวุโสมาว่า” ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ครั้งนั้นขณะที่ศิษย์พี่เข้าคารวะต่อพท่านบรรพบุรุษ ท่านบรรพบุรุษชื่นชมตัวท่านมากทีเดียว เสียดาย จิตที่ยึดติดของศิษย์พี่มีมากเกินไป ไม่เห็นว่าจะสามารถโปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกันได้”
“สาธุ ศิษย์ละอายต่อบรรพบุรุษ” หลวงจีนรูปนี้พนมมือ ท่าทางดูรับฟังคำสอนสั่งยิ่งนัก
ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวไม่พูดอื่นใดอีกต่อไป สายตาตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้ากับเขามีวาสนาต่อกัน ข้ากับเขามีกัมมปัจจัยต่อกัน ข้าต้องการพาตัวเขาไป ขอศิษย์พี่อย่าได้ขัดขวาง”
“อมิตาพุทธ สาธุ สาธุ” หลวงจีนรูปนี้พนมมือและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เกรงว่าต้องให้ศิษย์น้องผิดหวังเสียแล้ว ประสกกับอาตมาก็มีวาสนาต่อกัน อาตมาต้องการผูกบุญวาสนา โปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน ช่วยเหลืออาณาประชาราษฎร์กับประสก”
ย่อมไม่ต้องสงสัย หลวงจีนรูปนี้ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
พวกของหลี่เจี้ยนคุนถึงกับจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียว จากนั้นก็มองดูหลวงจีนรูปนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของคนทั้งสอง รู้สึกว่าพวกเขาที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องนับว่าเป็นคู่ที่แปลกประหลาดมากยิ่งนัก
ฟังดูจากการพูดคุยของพวกเขาแล้ว พวกเขาเหมือนว่าจะมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะต่างสำนักกัน การพูดคุยของพวกเขาดูเกรงใจกันมาก คล้ายต่างฝ่ายต่างก็ให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ว่า ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน
“เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าศิษย์พี่ต้องการแย่งชิงกับข้าให้ได้แล้ว” ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวเอ่ยขึ้นช้าๆ
“สาธุ สาธุ” หลวงจีนผู้นี้พนมมือ และกล่าวด้วยท่าทีจริงจังและตรงไปตรงมาว่า “อาตมามีวาสนากับประสก วาสนาดังกล่าวนี้ลึกซึ้งยิ่งนัก ดังนั้น ขอศิษย์น้องได้โปรดเห็นใจ”
ในเวลานี้ พวกเขาทั้งสองยังคงพูดจาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แต่ว่า พวกของเฉินเหวยเจิ้งเชื่อว่า ขอเพียงพูดไม่เข้าหู พวกเขาก็จะต้องลงมือกันอย่างแน่นอน
“ศิษย์พี่ เขาคือกัมมปัจจัยของข้า ที่ข้าเข้าสู่โลกกีย์มนุษย์ก็เพราะเขา หากไม่ผูกกัมมปัจจัยนี้ข้าจะไม่กลับสำนักอยู่แล้ว” คำพูดของผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวก็หนักแน่นมั่นคงยิ่ง และกล่าวว่า “ดังนั้น ขอศิษย์พี่โปรดเห็นใจ ศิษย์พี่ท่านถอยสักก้าวเป็นไร?”
“อมิตาพุทธ” หลวงจีนรูปนี้พนมมือ และกล่าวว่า “อาตมาก็คิดจะช่วยเหลือศิษย์น้องอีกแรงหนึ่ง แต่ประสกเกี่ยวพันกับอาณาประชาราษฎร์ เกรงว่าอาตมาไม่อาจาช่วยเหลือได้”
“พูดแบบนี้ ระหว่างข้ากับศิษย์พี่คงต้องต่อสู้กันแล้วล่ะ” ดวงตาทั้งสองของผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวเพ่งตรงไปข้างหน้า แววตานั้นเจิดจรัสยิ่งนัก เสมือนดั่งหมู่ดวงดาวที่รวมตัวกันอย่างนั้น ดูแสบตาอย่างยิ่ง
“การต่อสู้ระหว่างข้ากับศิษย์พี่ หากผู้ใดพ่ายแพ้ก็ให้ถอนตัวออกไป? ศิษย์พี่คิดเห็นเช่นใด?” ท่าทีของผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวมั่นคง แลแข็งกร้าวยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...