ตอนที่ 2756 ข้ายกตนข่มท่านเช่นนี้แหละ
“จบสิ้นกันแล้ว…” มีผู้ที่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ เมื่อเห็นหัวของโจวจือฉิงหลุดจากบ่า
ในเวลานี้ ไม่ทราบว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่จ้องมองตากันและกัน เนื่องจากเหตุการณ์ในวันนี้อยู่เหนือความคาดคิดของทุกคนเหลือเกิน เรียกได้ว่าไม่ว่าใครก็คาดคิดไม่ถึงอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงว่าสำนักระดับสามอย่างนิกายหู้ซานจงจะชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เวลานี้ไม่เพียงแต่โจวจือฉิงที่ต้องเสียชีวิตไป แม้แต่หัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิงก็ตายอนาถอยู่ที่นี่ด้วย จุดจบลักษณะเช่นนี้มีใครเล่าจะนึกถึงได้
“นิกายหู้ซานจงจะผงาดขึ้นมาแล้วรึ?” มีผู้ที่ซุบซิบเบาๆ ขึ้นเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว
สำหรับความเห็นเช่นนี้ก็มียอดฝีมือของแคว้นเจ้าลัทธิบางส่วนมองตากันและกัน และระดับบรรพบุรุษได้กล่าวขึ้นมาว่า “การที่จะผงาดขึ้นมาได้ใช่จะใช้เวลาเพียงวันสองวัน”
กล่าวสำหรับระดับบรรพบุรุษบางคนแล้ว พวกเขาไม่ได้มีความมั่นใจในนิกายหู้ซานจงอะไรมากมายนัก จะอย่างไรเสีย สำนักสักแห่งหากคิดจะผงาดขึ้นมาใช่เป็นเรื่องที่ทำได้ภายในวันสองวัน จำเป็นต้องอาศัยการบริหารจัดการมายุคแล้วยุคเล่า ขณะเดียวกันก็ใช่ว่าอาศัยเพียงคนสองคนก็สามารถค้ำจุนสำนักสักแห่งขึ้นมาได้
การที่สำนักสักแห่งต้องการผงาดขึ้นมา ต้องการจะมีอำนาจทั่วหล้า จำเป็นต้องมีศิษย์ที่เป็นกำลังรบแข็งแกร่งเป็นจำนวนมาก หากมียอดฝีมือเพียงหนึ่งหรือสองคน เกรงว่าต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ก็ยากที่จะค้ำจุนให้แคว้นเจ้าลัทธิสักแห่งให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ จะอย่างไรเสียไม่ซีกย่อมยากที่จะค้ำจุนตึกเอาไว้ได้
“นิกายหู้ซานจงสามารถผงาดขึ้นมาได้หรือไม่นั้นยังพูดยาก แต่ว่า เวลานี้สำคัญที่สุดก็คือสามารถผ่านอุปสรรคตรงหน้านี้ได้หรือไม่ ถ้าหากทนไม่ไหว เกรงว่าจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว” มีผู้อาวุโสของตระกูลขุนนางโบราณกล่าวด้วยความเป็นธรรมยิ่งขึ้นมา
“คราวนี้ นับว่านิกายหู้ซานจงโอ้อวดมากเกินไป และมุทะลุไปบ้างเหมือนอดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว” ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของสำนักโบราณได้ประเมินพวกของหลี่ชิเย่เช่นนี้
วิธีพูดแบบนี้ก็ได้รัยการผงกหัวยอมรับจากผู้คนไม่น้อย นิกายหู้ซานจงในวันนี้ไม่เพียงล่วงเกินต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ยังล่วงเกินต่อแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ กล่าวได้ว่าเป็นศัตรูรวดเดียวกับสองแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดมากที่สุด เกรงว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารคงไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูทีเดียวพร้อมกันทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางและแคว้นโบราณยันต์แปดทิศกระมัง
ในสายตาของทุกคนมองว่า นิกายหู้ซานจงเป็นเพียงสำนักระดับสามเท่านั้นเอง ต่อให้ปรมาจารย์อย่างหลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่ว่า สามารถสู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางกับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้รึ? จะอย่างไรเสียแคว้นเจ้าลัทธิทั้งสองมียอดฝีมือมากมายดั่งดอกเห็ด ระดับเทพแท้จริง ชั้นอมตะมีจำนวนนับพันนับหมื่น
ทุกคนต่างมองว่า ต่อให้หลี่ชิเย่ที่เป็นปรมาจารย์ผู้นี้แข็งแกร่งมากกว่านี้ มีกำลังความสามารถมากกว่านี้ เกรงว่าก็คงสองหมัดยากจะเอาชนะสี่กรได้
“บางทีนิกายหู้ซานจงอาจจะตกต่ำมานานเกินไปแล้ว ต้องการให้รู้สึกว่าตนเองนั้นมีค่า หวังจะทำอะไรให้ผลออกมาเป็นที่น่าตื่นตะลึง เสียดาย มาคราวนี้พวกเขาหาเป้าหมายผิดเสียแล้ว ไม่ควรเปิดศึกพร้อมกันทีเดียวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางและแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ เกรงว่าอีกไม่นาน นิกายหู้ซานจงจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียวเสียแล้ว” มีระดับเทพแท้จริงที่มั่นใจในอนาคตของนิกายหู้ซานจง และส่ายหน้า
เทพกระบี่ฉีฟงถึงกับส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา เมื่อเห็นหลี่ชิเย่สังหารพวกของหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิงไป เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีจุดจบเช่นนี้ ภายในใจของเขารู้สึกไม่พอใจ หลังจากส่งเสียงฮึเย็นชาแล้วก็หันหลังหมายจากไปทันที
“เวลานี้เจ้ายังคิดจะหนีรึ?” จังหวะที่เทพกระบี่ฉีฟงคิดจะหันหลังไปจาก หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ขึ้นมา
“เจ้าหมายความว่าอะไร?” เทพกระบี่ฉีฟงหันขวับกลับมา และมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ในเวลานี้เขาอดที่จะหวั่นเกรงต่อหลี่ชิเย่เป็นอันมากทีเดียว
ในขณะนี้ ภายในใจของเทพกระบี่ฉีฟงหวั่นเกรงต่อหลี่ชิเย่มากทีเดียว แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งมากเมื่อเปรียบเทียบกับพวกของกัวเจียหุ้ยที่เป็นเหล่าผู้เยาว์ กระทั่งดูจะแข็งแกร่งยิ่งเมื่อเทียบกับโจวจือฉิง จะอย่างไรเสียเขาก็คือระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง
แต่ว่า เมื่อเปรียบกับหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิงแล้ว เขาไม่ได้แข็งแกร่งกว่ากันสักเท่าไร อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิงเมื่อตกอยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้วก็คล้ายดั่งเป็นลูกไก่ตัวหนึ่งถูกบีบจนกลายเป็นหมอกเลือดไปเช่นกัน
ลองนึกภาพดู ตัวเขาที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์เช่นเดียวกัน สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ได้รึ? ทุกคนต่างคาดเดาว่า กำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ไม่ได้ต่ำกว่าระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะแล้ว
เป็นความจริงที่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะจะเป็นที่หวั่นเกรงสำหรับเทพกระบี่ฉีฟงอยู่แล้ว แม้ว่าแคว้นฉีฟงพวกเขาก็มีเทพแท้จริงขั้นอมตะ แต่ว่าเทพแท้จริงขั้นนี้จะไม่ปรากฏตัวออกมาง่ายดาย
ในเวลานี้ เทพกระบี่ฉีฟงก็รู้ว่าตนเองนั้นหาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ จึงบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจต่อหลี่ชิเย่ แต่ว่า ชั่วดีอย่างไรเขาก็คือบุคคลระดับผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นที่แข็งแกร่ง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ต่อหน้าหลี่ชิเย่
“ไม่มีอะไร แค่ต้องการเอาชีวิตสุนัขของเจ้าไว้ที่นี่เท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง
“เจ้า…” เทพกระบี่ฉีฟงถูกคำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ตกใจจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียว ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้มองหลี่ชิเย่อยู่ในสายตา แต่ว่าเวลานี้เขารู้สึกหวาดกลัวต่อหลี่ชิเย่จริงๆ
“สหาย เกินไปแล้ว ข้ากับเจ้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน” เทพกระบี่ฉีฟงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน และมีจำนวนมากที่จ้องมองตากันและกัน เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ถึงกับหาเรื่องกับเทพกระบี่ฉีฟง
“เป็นความจริงที่เจ้ากับข้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า ข้าเห็นเจ้าแล้วไม่ชอบหน้า ดังนั้นคิดจะสังหารเจ้าเสีย”
เหตุผลลักษณะเช่นนี้พลันทำให้ผู้คนจำนวนมากงงงัน แค่มองดูเทพกระบี่ฉีฟงแล้วไม่ชอบหน้าก็คิดจะสังหารเขา การกระทำเช่นนี้ออกจะใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไปแล้วกระมัง
“เจ้าหมอนี่บ้าบิ่นเกินไปแล้ว กลัวนิกายหู้ซานจงของพวกเขายังสร้างศัตรูไม่พออีกรึ?” มีผู้ที่อดซุบซิบด้วยความกังขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...