ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2758

สรุปบท ตอนที่ 2758 ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปตอน ตอนที่ 2758 ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง – จากเรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2758 ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง ของนิยายActionเรื่องดัง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2758 ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง

หลังจากไปจากลานประลองแล้ว หลี่ชิเย่ไม่ได้กลับไปที่ด้านหน้ากำแพงโบราณอีกเลย แต่ไปพักอาศัยอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งภายในเมืองโบราณ โดยเหมาเป็นบ้านที่มีลานบ้านเป็นเอกเทศ

แน่นอนที่สุด หากเปลี่ยนเป็นเมื่อครั้งอดีต นิกายหู้ซานจงของพวกเขามีอสังหาริมทรัพย์และจวนอยู่เป็นจำนวนมาก กระทั่งมีที่พักชั่วคราวในทุกๆ เมืองโบราณ ในครั้งนั้น ศิษย์นิกายหู้ซานจงที่มายังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาไม่จำเป็นต้องพักอาศัยโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว

เพียงแต่ในเวลานี้ ทางนิกายหู้ซานจงได้ขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาจนหมดสิ้นไปนานแล้ว และหากให้เฉินเหวยเจิ้งเป็นคนจัดการล่ะก็ หาโรงเตี๊ยมเล็กๆ สักแห่งสำหรับหลบลมหลบฝนพักอาศัยก็พอแล้ว จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับเฉินเหวยเจิ้งแล้ว สามารถประหยัดได้ก็ประหยัดสักนิด

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เข้าพักในโรงเตี๊ยมแล้ว มองดูพวกกัวเจียหุ้ยทีหนึ่ง จัดการโยนศิลาแกร่งให้พวกเขาถุงหนึ่ง สั่งการไปว่า “ออกไปดูโลกภายนอกเถอะ ถือเป็นรางวัลสำหรับความพยายามของพวกเจ้า”

พวกกัวเจียหุ้ยเปิดถุงจักรวาลออกดู พลันทำให้งงงันไปหมด มองเห็นศิลาแกร่งที่บรรจุอยู่ภายในถุงจักรวาลนั้นส่งประกายวูบวาบ แม้ว่าในอดีตพวกเขาไม่เคยได้เห็นศิลาแกร่งที่มากมาย และระดับสูงขนาดนี้มาก่อน ก็รู้ว่าศิลาแกร่งที่มีอยู่เต็มถุงนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด

ในเวลานี้ พวกของกัวเจียหุ้ยต่างยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น มองดูศิลาแกร่งที่บรรจุอยู่เต็มถุงแล้วไม่ทราบว่าควรจะทำเช่นใด เนื่องจากชั่วชีวิตของพวกเขาไม่เคยได้เห็นศิลาแกร่งจำนวนมากมายเช่นนี้มาก่อน

“ยังไม่รีบขอบคุณท่านปรมาจารย์” เมื่อเฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมาแล้วจ้องเขม็งพวกเขาทีหนึ่ง เขาเองก็ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ภายในใจ ความจริงแล้ว เจ้านิกายอย่างเขาก็ไม่เคยพบเห็นศิลาแกร่งจำนวนมากมายเช่นนี้มาก่อน ศิลาแกร่งระดับเช่นนี้นิกายหู้ซานจงของพวกเขาก็มีอยู่ไม่เท่าไร

เวลานี้พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือ แค่เงินปลีกย่อยสำหรับให้ผู้เยาว์นำไปใช้จ่ายก็น่าตกใจขนาดนี้ ปรมาจารย์ย่อมเป็นปรมาจารย์ ความมือเติบของเขาเป็นสิ่งที่ผู้เยาว์ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว

พวกกัวเจียหุ้ยเมื่อได้สติกลับมา คารวะต่อหลี่ชิเย่คารวะแล้วคารวะอีกด้วยความดีอกดีใจ แม้ว่าเทียบกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาแล้ว พวกเขานับว่าเป็นผู้มีฐานะผู้หนึ่ง แต่ว่า หากเปรียบเทียบกับศิษย์ของแคว้นเจ้าลัทธิแล้ว พวกเขาคือเจ้าหนูที่เรียกว่ายากจนไม่รู้จะยากจนอย่างไรแล้ว

เวลานี้หลี่ชิเย่ถือโอกาสโยนเงินปลีกสำหรับใช้จ่ายมากมายถึงเพียงนี้ แล้วจะไม่ให้พวกเขาดีใจได้อย่างไรกันเล่า พวกเขามีของที่ถูกใจจำนวนไม่น้อยต้องการจะซื้อตั้งแต่แรกเข้ามาในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาแล้ว เพียงแต่มีเงินอยู่จำกัดไม่สามารถซื้อได้ ในที่สุดเวลานี้ก็มีเงินที่สามารถซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการได้แล้ว

“ฮึอย่าได้ดีใจเร็วเกินไปนัก” ขณะที่พวกของกัวเจียหุ้ยดีอกดีใจยิ่ง เตรียมตัวออกไปซื้อของอย่างเต็มที่ เฉินเหวยเจิ้งได้จ้องเขม็งพวกเขาทีหนึ่ง สั่งการไปว่า “ถึงจะมีเงินก็ให้ประหยัดใช้จ่ายสักหน่อย วันหน้ายังมีที่ที่ให้พวกเจ้าต้องใช้จ่ายเงินอีกมาก”

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม พวกของหลี่เจี้ยนคุนรีบจดจำคำพูดของเฉินเหวยเจิ้งเอาไว้แล้วยิ้มแต้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

มองดูพวกหลี่เจี้ยนคุนที่วิ่งจู๊ดออกไป เฉินเหวยเจิ้งอดที่จะยิ้มๆ ภายในใจไม่รู้ว่ารู้สึกอิจฉาเพียงใด วัยเยาว์ก็ดีอย่างนี้ ไร้ความกังวล

แม้จะกล่าวว่าตัวเขาในฐานะเจ้านิกายไม่ได้มีความสามารถมากมายนัก แต่ว่า เขาแบกรับภารกิจของนิกายเอาไว้ทั้งหมด ตั้งอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตรายมากตลอดเวลาที่ผานมา ตัวสั่นงันงก ไม่กล้าหละหลวมแม้แต่น้อย

หลี่ชิเย่สังหารหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิง และเทพกระบี่ฉีฟงได้สร้างแรงกระเพื่อมขึ้นมาในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาไม่น้อยทีเดียว แม้ว่าหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิง และเทพกระบี่ฉีฟงไม่นับเป็นยอดฝีมือระดับบนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร และไม่นับเป็นยอดฝีมือในหล้า แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับมาจากนิกายหู้ซานจง

นิกายหู้ซานจงในปัจจุบันเป็นเพียงสำนักระดับสามเล็กๆ เท่านั้นเอง ขณะที่หลี่ชิเย่ในฐานะปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงกลับสังหารยอดฝีมือรวดเดียวถึงสองคน นับว่าสร้างความตระหนกแก่ผู้คนอย่างยิ่ง ที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องหวั่นไหวยิ่งกว่าก็คือ สำนักขนาดเล็กอย่างนิกายหู้ซานจงถึงกับล่วงเกินแคว้นฉีฟง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศที่เป็นสำนักใหญ่รวดเดียวทั้งสามสำนัก

สมควรทราบว่า ทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศล้วนแล้วแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แม้ว่าแคว้นฉีฟงจะไม่ได้แข็งแกร่งมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แต่ก็มีกำลังความสามารถที่เข้มแข็งยิ่งนัก

แต่ เวลานี้นิกายหู้ซานจงที่อ่อนแอกลับล่วงเกินต่อสำนักเจ้าลัทธิในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารรวดเดียวถึงสามแห่ง ทั้งยังมีท่าทีที่มั่นใจอย่างยิ่ง ซึ่งทำให้ภายในใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน และสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารรู้สึกแปลกใจ

นิกายหู้ซานจงที่เป็นเพียงสำนักระดับสามมีความมั่นใจอะไรกันแน่ในการเป็นศัตรูกับสามสำนักเจ้าลัทธิเล่า หรือพวกเขาไม่กลัวสามสำนักเจ้าลัทธิจะทำลายล้างนิกายหู้ซานจงรึ? กระทั่งผู้คนจำนวนมากมองว่า การที่สำนักเจ้าลัทธิทั้งสามจะทำลายล้างนิกายหู้ซานจงที่เป็นเพียงสำนักระดับสามนั้น เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร กระทั่งเรียกได้ว่าง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

เวลานี้ ท่ามกลางผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกแปลกใจว่านิกายหู้ซานจงมีความมั่นใจอะไรที่จะต่อต้านกับสามสำนักเจ้าลทธิกันแน่ ก็ได้มีผู้คนจำนวนมากรู้สึกแปลกใจใจฐานะของหลี่ชิเย่ผู้เป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงผู้นี้ สำนักระดับสามแห่งหนึ่งพลันมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งโผล่ขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ และในอดีตไม่เคยได้ยินมาก่อน และกระทั่งปราศจากชื่อเสียงมาก่อน นับว่าแปลกเหลือเกิน

มียอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับครุ่นคิดอย่างเต็มที่ว่าสามารถจับหลี่ชิเย่ไปเทียบเคียงกับปรัชญาเมธีที่แข็งแกร่ง และหรือบรรพบุรุษของนิกายหู้ซานจงว่าตรงกันหรือไม่ แต่ว่า ไม่ว่าพวกเขาจะครุ่นคิดอย่างหนักจนหมดปัญญา ก็ไม่สามารถคิดได้ว่านิกายหู้ซานจงเคยให้กำเนิดบุคคลเช่นนี้มาก่อน

ฮึ…วันที่สองหลังจากที่หลี่ชิเย่ได้สังหารเทพกระบี่ฉีฟง และหัวหน้าพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ธงเพลิงไป ภายในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาปรากฏเสียงฮึน่าเกรงขามขึ้น คนผู้หนึ่งได้เดินทางมาที่เมืองโบราณแห่งนี้

“ต้องดูว่าเป็นราชันแท้จริงแบบไหน เป็นราชันแท้จริงรากหญ้า หรือราชันแท้จริงจากสำนักเจ้าลัทธิ” เทพแท้จริงขันอมตะกล่าวท่าทีจริงจังว่า “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้ฝึกปรือสุดยอดเคล็ดวิชาที่ปฐมบรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ มีสุดยอดอาวุธที่ไร้เทียมทานในครอบครอง ธาตุแท้ภายในที่หนาแน่นหาใช่ราชันแท้จริงที่มีชาติกำเนิดทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว…”

“…ถ้าหากราชันแท้จริงระดับล่างทั่วไปคิดจะเทียบเคียงกับธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง เกรงว่าคงไม่ง่ายนัก แม้ว่าสุดยอดสัจธรรมจะมีข้อได้เปรียบมากกว่านี้ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้”

บางที ผู้ที่ได้ฟังคำเช่นนี้แล้วอาจคิดว่าไม่เป็นเช่นนั้น และหรือรู้สึกไม่สบายในใจ แต่ความจริงแล้วมันเป็นเช่นนี้จริงๆ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางที่มีชาติกำเนิดมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมีความได้เปรียบจากการได้รับเงื่อนไขและสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นพิเศษ

สมควรทราบว่า ในครั้งนั้นขณะที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ปรมาจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเคยขอให้ผู้เฒ่าอมตะประทานชื่อให้ และผู้เฒ่าอมตะได้ประทานชื่อว่า “ดินแดนภาคกลาง” มาให้ ซึ่งสามารถมองออกว่าขณะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเริ่มก่อตั้งก็ได้รับความรักจากผู้เฒ่าอมตะอยู่มากเหมือนกัน แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับวิหารอมตะและนิกายหู้ซานจง แต่เป็นความจริงที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็ได้รับความชื่นชอบจากผู้เฒ่าอมตะจริงๆ

ด้วยเหตุนี้จึงมีการเล่าลือกันว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางได้สืบทอดเคล็ดวิชาและของวิเศษจำนวนไม่น้อยของผู้เฒ่าอมตะ ซึ่งเคล็ดวิชาและของวิเศษเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับการสืบทอดต่อมายุคแล้วยุคเล่า และมีการสั่งสมธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางคืออัจฉริยะบุคคลของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมาตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับความชื่นชอบจากผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาที่ทรงพลังมากที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง มีอาวุธที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมในครอบครอง โดยเฉพาะหลังจากที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเกี่ยวดองสมรสกับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางยิ่งได้รับการชื่นชมจากสำนักเจ้าลัทธิทั้งสอง

การที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางได้รับความชื่นชมจากสองสำนักเจ้าลัทธิเช่นนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าธาตุแท้ภายในของนางจะลึกล้ำเช่นใดแล้ว ของวิเศษ อาวุธ กระทั่งเคล็ดวิชาที่นางฝึกปรือ เคล็ดวิชาลับที่นางครอบครอง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว

กระทั่งกล่าวได้ว่า ราชันแท้จริงระดับล่างที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักที่ค่อนข้างอ่อนด้อย ล้วนแล้วแต่ไม่เห็นว่าจะเทียบกับนางได้

“ผู้ใดสังหารสาวใช้ข้า สมควรตาย!” เสียงที่ไม่แสดงความโกรธแต่เปี่ยมด้วยอำนาจของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาที่เพิ่งมาถึงเมืองโบราณดังก้องอยู่บนท้องฟ้าของเมืองโบราณ กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เดินทางมารับโทษด้วยตนเอง เดินทางมาจัดการตัวเอง บางทีสำนักอาจได้รับการอภัย มิฉะนั้น ฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร ทำลายสิบสำนัก!”

คำพูดของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางแข็งกร้าวไร้ความปรานี ทำให้ผู้คนที่ได้ยิน รู้สึกเหมือนเลือดสดๆ ที่ไหลรินอย่างหนึ่ง

……………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล