ตอนที่ 2855 คนบางคน
สีหน้าของตู้เหวินรุ่ยเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ถึงกับจ้องมองดูหลี่ชิเย่
“คำพูดนี้พูดสุ่มๆ ไม่ได้นะ” ท่าทางของตู้เหวินรุ่ยหนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “เรื่องนี้มีความสำคัญมาก ไหนเลยแค่ชื่อเสียงที่ดีงามชั่วชีวิต นี่เป็นการทำลายยุคสมัยๆ หนึ่งเลย…”
“ชื่อเสียงดีงามนับเป็นอะไรได้ อย่าว่าแต่ชื่อเสียงดีงามเลย ในสายตาของผู้ดำรงอยู่ในสถานะบางคน ต่อให้เป็นหนึ่งศตวรรษ แม้แต่สิ่งมีชีวิต กาลเวลาหนึ่งล้านล้านล้านล้านปีก็ไม่นับเป็นอะไรได้ มันเป็นเพียงสิ่งที่สามารถนำมาใช้ได้เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่มองดูตู้เหวินรุ่ย
หยุดนิดหนึ่ง ได้พูดเรียบเฉยขึ้นมาว่า “แค่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งเท่านั้น พูดอย่างไม่น่าฟัง มันก็แค่จานเรียกน้ำย่อยจานหนึ่งเท่านั้นเอง หากเปลี่ยนมุมมองคิดดู ที่เป็นตัวบำรุงจริงๆ คือแดนสามเซียนทั้งหมด!”
สีหน้าของตู้เหวินรุ่ยเปลี่ยนไปมากอีกครั้ง ท่าทางดูหนักแน่นจริงจังขึ้นมาทันที่ เวลานี้ถึงกับนิ่งเงียบ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงได้กล่าวหนักแน่นจริงจังว่า “เรื่อง เรื่องนี้เกรงว่านักศึกษาหลี่จะคิดมากไป”
“คิดมากไปแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงหัวเราะขึ้นมา กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ยังจำภาพขณะที่รูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษแตกละเอียดได้กระมัง ความมืดพุ่งขึ้นฟ้าอย่างรุนแรง เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ความมืดที่เปรียบเสมือนดั่งลำแสงมหาประลัยฉีกท้องฟ้าจนขาด ความมือเช่นนี้เจ้าคิดว่าเป็นความมืดที่ถูกปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้าปิดผนึกเอาไว้ในนั้นจริงๆ หรือ?”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ทำให้ภายในใจของตู้เหวินรุ่ยสะเทือนหวั่นไหวทีหนึ่ง ตอนนั้น ขณะหลี่ชิเย่หยิบเอากระบี่ล้างบาปไป และรูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษแตกละเอียด ความมืดพุ่งขึ้นท้องฟ้า ความมืดสายนั้นช่างทรงพลังอะไรเช่นนั้น ช่างน่าสยองขวัญเหลือเกิน
กล่าวได้ว่า ตอนนั้นในใจของเขาก็ได้บังเกิดเงาทมิฬขึ้นมา ซึ่งส่งผลให้ในใจลึกๆ ของเขาไม่สงบ เขามักรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น เหมือนว่ามันจะต้องมีภัยพิบัติแอบแฝงอยู่อย่างนั้น
“เจ้าคิดว่าความมืดลักษณะเช่นนี้เป็นของใครกันเล่า?” หลี่ชิเย่มองดูตู้เหวินรุ่ยทีหนึ่ง หัวเราะ และกล่าวเอ้อระเหยขึ้นว่า “เจ้าอาจจะปลอบใจตนเองว่า นี่จะต้องเป็นปราชญ์ไกลกันดารนำเอาพลังความมืดของมารร้ายตัวใดตัวหนึ่งมาปิดผนึกเอาไว้ในนี้ คราวนี้เป็นเพราะตราผนึกฉีกขาด ทำให้พลังความมืดนี้หลบหนีออกไป…”
“แน่นอนที่สุด นี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุด และเป็นความคิดที่ดีที่สุด ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือเป็นภาพเพ้อฝันของตนเอง เจ้าก็ยินดีที่จะคิดไปในแนวทางนี้ เพียงแต่เจ้าลองคลำหัวใจของตนแล้วถามตัวเองว่า นี่เป็นความจริงรึ? เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการได้จริงๆ รึ? บางทีสิ่งนี้อาจเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆ แต่ว่า ลองถามสัญชาตญาณของตนที่อยู่ส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจว่า อะไรคือเรื่องจริง! อะไรคือความจริง” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้เผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมา
คำพูดเช่นนี้ทำให้ตู้เหวินรุ่ยรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เขารั้งอยู่ที่สถาบันศึกษาล้างบาปนานถึงเพียงนี้ จึงรู้อะไรมากกว่าคนอื่นๆ รู้ถึงเบื้องหลังเกี่ยวกับความสว่างมากกว่าคนอื่นๆ
ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เลื่อมใสศรัทธานในความสว่าง กระทั่งมีคนที่ถึงขั้นเลื่อมใสศรัทธาแบบคนตาบอด แต่ว่า ตู้เหวินรุ่ยเองพยายามเตือนตนตลอดเวลา เรื่องบางเรื่องหาได้งดงามเหมือนดั่งที่จินตนาการเอาไว้ และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้รั้งอยู่ที่สถาบันศึกษาล้างบาปมาโดยตลอด
ดังนั้น คำพูดของหลี่ชิเย่จึงเสมือนหนึ่งได้เปิดเยื่อบางๆ ที่คลุมเอาไว้ออกมาทันที เป็นแผ่นเยื่อบางๆ ที่ปกคลุมความจริงเอาไว้ ขณะที่ตัวเขาได้รับรู้ถึงความจริงบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังลางๆ แล้ว
“เจ้าได้เข้าใกล้ความจริงมากแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูตู้เหวินรุ่ยที่นิ่งเงียบ ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “แค่เจ้าไม่กล้าหาญพอที่จะไปเผชิญหน้ากับความจริง เผชิญหน้ากับความจริงที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น! คืนร่างที่แท้จริงของปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งของเจ้า!”
“ดีหรือชั่วแค่ความคิดแวบเดียวเท่านั้น ทำความดีตลอดก็คือดี” สุดท้าย ตู้เหวินรุ่ยเอ่ยขึ้นช้าๆ
“คำพูดนี้พูดมีเหตุผล แต่ว่า เรื่องบางเรื่อง ยอมรับหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของเจ้าแล้ว” ท่าทางหลี่ชิเย่อย่างไรก็ได้ กล่าวไปตามอารมณ์ว่า “แต่ว่า ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ความจริงก็อยู่ตรงนั้น!”
ตู้เหวินรุ่ยถึงกับทอดถอนใจเบาๆ และอดที่จะจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร? หรือจะล้มหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ทำให้ความสว่างตกต่ำลงรึ?”
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้า และกล่าวว่า “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นศัตรูกับข้า ทำไมข้าจะต้องไปล้มมัน? ที่ทำให้ข้าต้องทำลายล้างก็แค่ผู้ที่ขวางทางข้าเท่านั้น! เจ้าคิดว่า เจ้าหรือหอจรัสศักดิ์สิทธิ์จะขวางทางข้าหรือไม่ล่ะ?”
ตู้เหวินรุ่ยนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้าย ส่ายหน้าและกล่าวว่า “หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ข้าแค่ถ่ายทอดวิชาและอธิบายแก้ข้อสงสัยเท่านั้น ไม่เก่งแย่งกับใคร”
“นั่นน่ะสิ หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็นหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ยังคงเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่มีรัศมีแสงส่องสว่างหมื่นจ้างในทัศนะของเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
“ถ้าเช่นนั้น ความหมายของนักศึกษาหลี่คือ…” ตู้เหวินรุ่ยถึงกับพึมพำขึ้นมา
“วางใจเถอะ ข้าไม่ได้คิดร้ายต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่กับปราชญ์ไกลกันดาร ปฐมบรรพบุรุษของเจ้าก็ไม่ได้มาร้าย อย่างน้อยที่สุดในฐานะที่เขาเป็นปราชญ์ไกลกันดาร ข้าไม่ได้มาร้าย” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ที่ข้ามาแค่ต้องการดูสักหน่อย แค่ดูเท่านั้นเอง ให้ข้าได้อาศัยความคิดที่เลวไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่งสักครั้งก็แล้วกัน”
“อีกอย่าง เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา เป็นคนถ่อยเสียบางก็ใช่จะเป็นเรื่องใหญ่อะไร” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมา
ตู้เหวินรุ่ยนิ่งเงียบนิดหนึ่ง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาอดที่จะกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า “ถ้าหาก ถ้าหาก ถ้าหากจริงๆ มันเป็นไปตามที่นักศึกษาหลี่คิดเอาไว้อย่างนั้นล่ะ…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ตู้เหวินรุ่ยก็ดูจะไม่มีความกล้าพอที่จะพูดต่อไป จะอย่างไรเสียหอจรัสศักดิ์สิทธิ์คือสถานที่ที่เขาถือกำเนิดและเติบโต เขาเกิดที่นี่ โตที่นี่ เขาเลื่อมใสศรัทธาในความสว่าง ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เขาไม่เคยหวั่นไหวมาก่อน แต่ว่า ถ้าหาก เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่พูดมาอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความจริงเล่า?
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว แม้แต่ตู้เหวินรุ่ยเองก็ไม่มีความมั่นใจ เหมือนเช่นที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้น เขามีความกล้าหาญพอที่จะไปเผชิญหน้ากับความจริงหรือไม่?
“วางใจเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ต่อให้ข้าเป็นคนโหดที่ไม่อาจให้อภัยได้ แต่ว่า ข้าก็ยังมีความพอดีอยู่ หาไม่แล้ว นาทีนี้ข้าคงไม่มายืนพูดไร้สาระกับเจ้า ทำไปตรงๆ ก็ได้ เจ้าคิดว่ามีสิ่งใดสามารถขัดขวางการก้าวย่างของข้าได้รึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...