สรุปตอน ตอนที่ 3031 ลมปีศาจทรายดำ – จากเรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 3031 ลมปีศาจทรายดำ ของนิยายActionเรื่องดัง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 3031 ลมปีศาจทรายดำ
“หนีเร็ว…” ในเวลานี้ ไม่ทราบว่ามียอดฝีมือจำนวนเท่าไรที่พยายามก้าวเท้าโกยอ้าวอย่างไม่คิดชีวิต ในเวลานี้ทุกคนต่างหลบเข้าไปอยู่ในศาลเจ้า
“เร็ว ข้างหน้ามีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง!” เวลานี้มีผู้มองเห็นว่าข้างหน้ามีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง จึงได้อาศัยกำลังอย่างสุดแรงเกิดที่มี ด้วยความเร็วสูงสุดหนีเข้าไปภายในศาลเจ้า
ในขั้นตอนการหนีอย่างไม่คิดชีวิตนั้น ก็ปรากฎเสียงน่าเวทนาอ๊ากกก อ๊ากกก อ๊ากกกดังขึ้นเป็นระลอก ยอดฝีมือ และหรือผู้ที่มีกำลังความสามารถไม่แข็งแกร่งมากพอจำนวนไม่น้อยที่วิ่งหนีเข้าไปในศาลเจ้าไม่ทัน ยอดฝีมือที่ไม่สามารถต้านกับความมืดที่ประหลาดเช่นนี้ได้ พลันถูกเทะจนเกลี้ยงไม่มีเหลือ เหลือไว้เพียงโครงกระดูกสีขาวเท่านั้น
ฟิวว…พริบตาเดียวกับเสียงลมปีศาจที่พัดเข้ามา ความมืดได้ปกคลุมอย่างมืดฟ้ามัวดิน และยังโหมสาดซัดเคลื่อนที่ไปหาพวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวง พลันท่วมปกคลุมพวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงจนจมมิด
ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั้นเอง ราชันแท้จริงเซิ่นซวงพลันบานเบ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมาทั่วตัว ในพริบตาเดียวนั่นเอง รัศมีแสงได้ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ทั่วตัวของนางเสมือนดั่งถูกระฆังแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมเอาไว้อย่างนั้น
ภายใต้เสียงลมปีศาจที่พัดมาดังฟิวว ความมืดพลันจัดการท่วมราชันแท้จริงเซิ่นซวงจนจมมิด และพลันทำให้ได้ยินเสียงดังช่าา ช่าา ช่าาขึ้นทันที
หลังจากที่ความมืดจัดการท่วมราชันแท้จริงเซิ่นซวงจนจมมิดไปแล้ว พลันปรากฏสิ่งที่เป็นความมืดนับไม่ถ้วนปกคลุมอยู่รอบๆ ของนาง
สิ่งที่เป็นความมืดแตกต่างกับความมืดทั้งหมดที่นางเคยพบเจอมา ความมืดที่นางเคยพบในอดีต ไม่ก็คือในลักษณะของไอหมอก ลักษณะของเปลวเพลิงเป็นต้น แต่ว่ามาคราวนี้ความมืดที่ได้ท่วมตัวนางจนจมมิดถึงกับเสมือนดั่งเป็นเม็ดทรายอย่างนั้น เหมือนเป็นเม็ดทรายสีดำนับไม่ถ้วนที่โจมตีเข้ามา คล้ายเป็นพายุทรายที่สามารถกลบคนจนจมมิดในทันที
ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คือ สิ่งที่เป็นความมืดและเหมือนดั่งเม็ดทรายสีดำนี้ เหมือนว่าพวกมันมีฟัน มีปากด้วย สามารถได้ยินเสียงคร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกที่เล็กมากดังขึ้น เหมือนว่าเม็ดทรายสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเคี้ยวทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชีวิตอย่างบ้าคลั่งอย่างนั้น
ดังนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง เม็ดทรายสีดำที่ท่วมตัวของราชันแท้จริงเซิ่นซวงจนจมมิดเหมือนกำลังกัดกินตัวของราชันแท้จริงเซิ่นซวงอย่างบ้าคลั่งอยู่
แม้ว่าเม็ดทรายสีดำนับไม่ถ้วนจะถูกแสงสว่างของราชันแท้จริงเซิ่นซวงต้านเอาไว้ แต่ว่า ภายใต้เสียงช่าา ช่าา ช่าานั้น มีแสงสว่างจำนวนไม่น้อยถูกกัดกินจนขาด คล้ายยอดอ่อนของรวงข้าวแต่ละยอดที่ถูกตั๊กแตนกัดจนขาดอย่างนั้น
แสงสว่างแต่ละสายก็คล้ายดั่งแสงรัศมีที่ถูกบีบจนดับลงอย่างนั้น แต่ทว่า ราชันแท้จริงเซิ่นซวงคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนา ต่อให้ถูกทรายสีดำกัดกินแสงสว่างอย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น แสงสว่างทั่วตัวของนางขยายตัวอย่างรุนแรง เหมือนต้องการระเบิดโดยพลันอย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง แสงสว่างที่ไม่สิ้นสุดพุ่งโจมตีออกมา
ได้ยินเสียงปุที่ดังขึ้นเสียงหนึ่ง แสงสว่างนับไม่ถ้วนพลันพุ่งขยายตัวออกมา แสงสว่างแต่ละสายขนาดเล็กยิ่งพลันแทงทะลุเม็ดทรายสีดำแต่ละเม็ด
จากการที่เม็ดทรายสีดำนับไม่ถ้วนถูกแสงสว่างแทงทะลุ พวกมันได้ถูกทำให้บริสุทธิ์ไปในพริบตาเดียว ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่ดังขึ้น เห็นเพียงเม็ดทรายสีดำถูกทำให้บริสุทธิ์จนกลายเป็นควันดำไปโดยพลัน
แต่ว่า จากการที่ลมปีศาจพัดโหมกระหน่ำดังฟิวว ฟิวว ฟิวว และทรายสีดำที่พัดสาดซัดเข้ามาเหมือนพายุทรายที่น่ากลัว และไม่มีสิ้นสุดอย่างนั้น เข้าปกคลุมอย่างมืดฟ้ามัวดินในทันที
เหมือนว่าไม่ว่าราชันแท้จริงเซิ่นซวงจะทำการทำเม็ดทรายดำให้บริสุทธิ์ไปเท่าไรก็ตาม ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพายุทรายลักษณะเช่นนี้ มันไม่มีสิ้นสุดจนกว่ามันจะหยุด มิฉะนั้นแล้วมันก็จะพุ่งโจมตีเข้ามาตลอดเวลา
“บรรพบุรุษเลว มีกลิ่นอายปีศาจ” กระบือดำขนาดใหญ่เป็นผู้ที่ไร้น้ำใจที่สุด ร้องเสียงประหลาดขึ้นมาคำหนึ่งแล้วโกยอ้าวไปทันที วิ่งหนีเข้าไปยังศาลเจ้าที่ห่างไกลออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
ความเร็วของกระบือดำขนาดใหญ่น่าตกใจเพียงใด พลันก็สลัดทิ้งทรายสีดำที่มาแบบมืดฟ้ามัวดิน และพุ่งตัวเข้าไปในศาลเจ้าทันที
เมื่อราชันแท้จริงเซิ่นซวงเห็นผู้อาวุโสเช่นกระบือดำขนาดใหญ่ยังไม่สนเรื่องหน้าตาวิ่งหนีเขาไปในศาลเจ้าโดยพลัน นางจะไปอวดดียืนหยัดต่อไปเพื่ออะไรเล่า? ดังนั้น พลันที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงเห็นกระบือดำขนาดใหญ่วิ่งหนีเข้าไปในศาลเจ้า นางจึงไม่พูดมากความ วิ่งตามติดเข้าไปในศาลเจ้าทันที
ขณะที่พวกเขาวิ่งเข้าไปในศาลเจ้านั้น ภายในศาลเจ้ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เบียดเสียดกันอยู่ก่อนแล้ว
ภายในศาลเจ้าไม่เพียงมีแต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เพิ่งจะหนีเข้ามาเท่านั้น ยังมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่มีประสบการณ์กับพื้นที่แห่งนี้แล้ว พวกเขาได้หลบเข้ามายังศาลเจ้ามานานขณะที่ลมปีศาจยังไม่ทันได้ปรากฎตัวขึ้น เพื่อรอคอยการมาถึงของลมปีศาจ
ฟิวว ฟิวว ฟิวว…ลมปีศาจโหมพัดไม่หยุด ทรายดำที่โหมสาดซัดพลันปกคลุมศาลเจ้าทั้งหลังจนจมมิด แต่ว่า พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลก แม้ศาลเจ้าจะไม่ได้มีประตูไม้อะไรที่คอยกั้นขวาง ประตูเปิดกว้างเต็มที่ แต่ทว่าไม่ว่าทรายสีดำจะโหมสาดซัดอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถบุกเข้าไปในศาลเจ้าได้
ในเวลานี้ ตัวศาลเจ้าได้เปล่งแสงมันวาวบางๆ ขึ้นมา แสงมันวาวลักษณะเช่นนี้ดึกดำบรรพยิ่งนัก เหมือนว่ามีผู้ที่ทำการปลุกเสกพลังศักดิ์สิทธิ์สูงสุดกับศาลเจ้าลักษณะเช่นนี้ตั้งแต่ยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งมาแล้ว ทำการต้านความมืดทุกอย่างเอาไว้ภายนอก
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น เหมือนมีมดจำนวนหมื่นพันที่กำลังกัดกินอยู่ เสียงเช่นนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ที่ได้ยิน แต่ว่า ทรายสีดำไม่สามารถบุกเข้าไปในศาลเจ้า
ทรายสีดำได้ปกคลุมปิดกั้นประตูศาลเจ้าเอาไว้ เมื่อความมืดทั้งหมดได้เบียดรวมตัวกันนั้น เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ทรายสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนเหมือนได้กลับกลายเป็นปากขนาดยักษ์พยายามกัดกินอย่างสุดกำลัง เสียดาย พวกมันกลับไม่สามารรุกล้ำเข้าไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว ไม่สามารถบุกเข้าไปในศาลเจ้าได้อยู่แล้ว
เป็นที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงของผู้คน เมื่อมองเห็นเม็ดทรายสีดำทั้งหมดที่เหมือนเป็นปากกัดกินอยู่อย่างนั้น เพียงแต่ว่า ไม่มีเม็ดทรายสีดำที่สามารถบุกเข้าไปในศาลเจ้าได้แม้เพียงเม็ดเดียว ซึ่งทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ภายในศาลเจ้าหายใจด้วยความโล่งอก
ทุกคนที่อยู่ภายในศาลเจ้าต่างรู้สึกโล่งอกไปที เมื่อเห็นเม็ดทรายสีดำถูกต้านเอาไว้นอกศาลเจ้า เมื่อบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้สติกลับมาแล้ว ต่างทยอยกันแสดงคารวะสูงสุดต่อราชันแท้จริงเซิ่นซวง
แรกทีเดียว นางติดตามกระบือดำขนาดใหญ่หนีเข้ามาในศาลเจ้านั้น นางไม่ได้สังเกตถึงหลี่ชิเย่ เนื่องจากกล่าวสำหรับนางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม พวกเขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงในตัวของหลี่ชิเย่ ขอเพียงดูแลตนเองให้ดีก็พอแล้ว หลี่ชิเย่ไม่ต้องการให้ใครต้องไปสนใจอยู่แล้ว
แต่ว่า เมื่อนางติดตามกระบือดำขนาดใหญ่หนีเข้ามาในศาลเจ้าแล้ว นางจึงได้สติกลับมาว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้ติดตามพวกเขาหนีเข้ามาในศาลเจ้า
“ผู้อาวุโส คุณชายหายไปแล้ว” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงรีบบอกกล่าวต่อกระบือดำขนาดใหญ่ที่กำลังครุ่นคิดพินิจพิเคราะห์ในศาลเจ้าอยู่
“ไม่ต้องไปสนใจเขา” กระบือดำขนาดใหญ่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย อย่างไรก็ได้ และกล่าวว่า “ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาเขาก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสบายๆ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขอเพียงไม่เป็นตัวถ่วงของเขาก็พอแล้ว”
กระบือดำขนาดใหญ่ไม่ได้เป็นกังวลในตัวของหลี่ชิเย่แม้แต่น้อย ภายในใจของเขาเข้าใจว่า ทรายสีดำเช่นนี้ไม่สามารถทำให้หลี่ชิเย่ต้องตายอยู่แล้ว
“ตอนที่เข้ามาข้าเห็นคุณชายยืนอยู่ด้านนอกแล้ว” หลิ่วเยี่ยนไป๋ที่นั่งอยู่บนหลังกระบือมาโดยตลอด กลับสังเกตเห็นหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นมา
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงตะลึงนิดหนึ่ง แต่ว่า ในใจของนางก็รู้สึกโล่งอกไปที การที่หลี่ชิเย่ไม่ได้เข้ามา เขาต้องมีเหตุผลแน่
แม้แต่กระบือดำขนาดใหญ่ก็พูดแบบนี้ ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ยิ่งวางใจมากขึ้น เป็นความจริงที่ว่าด้วยความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่แล้ว ทรายสีดำเช่นนี้ไม่สามารถทำให้เขาต้องตายได้
ฟิวว ฟิวว ฟิวว…ที่ด้านนอกนั้น ลมปีศาจพัดโหมไม่หยุด ทรายสีดำพลันปกคลุมฟ้าดิน บดบังสุริยันจันทราเอาไว้
ดังนั้น ถ้าหากยืนอยู่ด้านนอกในเวลานี้ แม้แต่ยื่นนิ้วมือออกไปก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ทรายดำนับไม่ถ้วนพลันพัดเข้ามาปะทะใบหน้า และสามารถปกคลุมเจ้าจนจมมิดได้ในทันที
ที่น่าสยองขวัญมากไปกว่านี้ก็คือ ทรายสีดำที่ไม่มีสิ้นสุดได้พัดเข้ามาปกคลุม มันสามารถเทะจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ
ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือที่แข็งแกร่ง และยอดฝีมือที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไร ยังยากที่จะยืนหยัดต้านต่อไปได้ ท่ามกลางทรายสีดำที่มืดฟ้ามัวดินเช่นนี้ หากอยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน ก็ต้องถูกทรายดำเทะจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือเช่นเดียวกัน
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...