ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 3068

ตอนที่ 3068 มังกรเงยหน้า

เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งทวนที่ปราศจากผู้ต่อกรของเทพสงครามจินเปี้ยนปะทะกับตราประทับหมื่นพุทธะของหมิงหวังฝอซึ่งหน้า ตราประทับหมื่นพุทธะถูกแทงจนแตกละเอียด ท่ามกลางเสียงปังที่ดังสนั่นหวั่นไหว พลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรได้กระแทกร่างของหมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนกระเด็นออกไปทั้งสองคน

และในเวลาเดียวกัน สัจธรรมห้าสายถูกหลี่ชิเย่ดีดไปเบาๆ ทีหนึ่ง พลันบิดเข้าด้วยกันเสมือนดั่งเชือกป่าน สัจธรรมสับสนยุ่งเหยิง การข่มในความสัมพันธ์ของปัญจธาตุซึ่งกันและกัน เกิดเป็นพลังสัจธรรมที่พุ่งโจมตีขึ้นมา

ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว ท้องฟ้าถูกแรงระเบิดจนแหลกละเอียด เมื่อสัจธรรมทั้งห้าสายพลันระเบิดขึ้นมา แม้แต่ท้องฟ้าก็ถูกระเบิดจนกลายเป็นหลุมดำที่น่าสยองขวัญขึ้นมา

เดิมทีสัจธรรมของห้าสหายภูผาเมฆนั้นปราศจากผู้ต่อกรอยู่แล้ว แต่ทว่า ขณะที่เกิดการข่มในความสัมพันธ์ของปัญจธาตุนั้น พลังของธาตุทั้งห้าสายพลันระเบิดขึ้น มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญเพียงใด

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว ห้าสหายภูผาเมฆพลันถูกพลังจากการระเบิดของสัจธรรมของตนจนกระเด็นออกไป ได้ยินเสียงปังที่ดังขึ้น ในบรรดาพวกเขามีผู้ที่พุ่งชนเข้ากับภูเขาอย่างแรง ทำให้ภูเขาลูกนั้นถูกชนกระแทกจนแหลกละเอียดไปทันที

ในพริบตาเดียวนั่นเอง จะเป็นหมิงหวังฝอก็ดี เทพสงครามจินเปี้ยนก็ช่าง แม้แต่ห้าสหายภูผาเมฆก็เช่นเดียวกัน พวกเขาที่เป็นยอดฝีมือทั้งเจ็ดพลันถูกพลังกระแทกจนปลิวกระเด็นออกไป

อีกทั้งยังไม่ได้เกิดจากพลังของหลี่ชิเย่ทำให้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นพลังของพวกเขาที่กระแทกจนพวกเขาต้องปลิวกระเด็นออกไปเอง

ตลอดขั้นตอนหลี่ชิเย่เพียงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ถือโอกาสชักนำ แล้วก้าวเท้าเข้าไป จัดการดีดไปทีหนึ่ง เพียงเท่านี้เท่านั้นเอง พลันจัดการยอดฝีมือทั้งเจ็ดจนตัวลอยออกไป

ทำให้ผู้คนล้วนแล้วแต่มองดูจนอ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองจนงงงันไปสิ้น ไม่กล้าเชื่อในสายตาของตนเอง ภาพเช่นนี้ช่างเป็นความเพ้อฝันอะไรอย่างนั้น ช่างเหลือเชื่ออะไรอย่างนั้น ประดุจดั่งเป็นมายากล

ลองนึกภาพดู ในตลอดขั้นตอนนั้น เรียกได้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้สำแดงแม้กระบวนท่าเดียว เพียงอาศัยมือแหย่ไปตามอารมณ์เท่านั้นก็เอาชนะยอดฝีมือทั้งเจ็ดอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเป็นผู้ทีดำรงอยู่ในฐานะราชันแท้จริงสิบสองลัคนาอีกด้วย

หากเรื่องราวเช่นนี้แพร่ออกไป เกรงว่าก็จะไม่มีใครเชื่อ นี่มันเรื่องของพันหนึ่งราตรีชัดๆ เสมือนดั่งเป็นเทพนิยายอย่างนั้น หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ไม่ว่าใครก็ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

“นี่มันคือเทพนิยายรึ?” ระดับบรรพบุรุษก็ยังคงเหม่อลอยเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว และพึมพำขึ้นมาว่า “และหรือนี่คือวิชามารที่มหัศจรรย์ยิ่งอย่างหนึ่ง”

แม้จะเป็นการมองเห็นด้วยสายตาตนเองของระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่ง แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสำหรับภาพเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถมองเห็นความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่แท้จริงได้

ระดับบรรพบุรุษที่แก่หง่อมและมีกำลังความสามารถในระดับคงความอมตะตลอดกาลส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “นี่หาใช่เป็นเทพนิยาย และไม่ใช่วิชามาร มันคือความยอดเยี่ยมจนถึงจุดสูงสุด ถึงขั้นที่สามารถควบคุมได้ตามใจแล้ว”

มีเพียงระดับบรรพบุรุษที่มีกำลังความสามารถเช่นนี้เท่านั้น จึงสามารถมองออกถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่ซ่อนอยู่ภายใน

ในทัศนะของผู้อื่นมองว่า นี่มันคือเทพนิยายโดยแท้ และหรือเป็นวิชามารแขนงหนึ่ง แต่ว่า ในทัศน่ะของระดับบรรพบุรุษที่มีกำลังความสามารถชั้นคงความอมตะตลอดกาลมองว่า นี่แหละคือความลึกซึ้งของสัจธรรม นี่แหละคือพลังที่อยู่ระดับสูงสุดที่แท้จริง มีแต่ผู้ที่สามารถควบคุมพลังได้ถึงขั้นนี้ จึงจะบอกได้ว่าตนเองนั้นยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพลัง

ระดับบรรพบุรุษที่มองออกถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ ต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ พวกเขาตระหนักได้อย่างแท้จริงว่า ผู้ที่สามารถควบคุมพลังถึงขั้นนี้ได้นั้น เกรงว่าจะเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษ ทั้งยังเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง

ทว่า ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแดนลัทธิเซียนมีระดับปฐมบรรพบุรุษคนที่สาม ผู้คนใต้หล้าต่างรู้ว่า นอกเหนือจากพระอาจารย์จินกวง และปราชญ์อัจฉริยะหลันซูแล้ว ไม่มีระดับปฐมบรรพบุรุษคนที่สามอีกแล้ว

แต่ว่า ในขณะนี้ภายในใจของระดับคงความอมตะตลอดกาลมั่นใจอย่างยิ่งว่า หลี่ชิเย่นั้นมีกำลังความสามารถระดับปฐมบรรพบุรุษอย่างแน่นอน มิฉะนั้นล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้อยู่แล้ว

ครั้นบรรดาระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งเหล่านั้นนึกถึงจุดนี้แล้วต่างมองตากันและกันทีหนึ่ง มิน่าเล่าคนโหดอันดับหนึ่งจึงสามารถมีฐานะเท่ากันกับปราชญ์อัจฉริยะหลันซู เขามีกำลังความสามารถเช่นนี้จริงๆ และมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในระดับเดียวกันกับปราชญ์อัจฉริยะหลันซูอย่างแท้จริง

ระดับปฐมบรรพบุรุษ! นาทีนี้บรรดาระดับคงความอมตะตลอดกาลต่างรู้แล้วว่า ในแดนลัทธิเซียนมีระดับปฐมบรรพบุรุษคนที่สาม และระดับปฐมบรรพบุรุษคนที่สามก็คือคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่

เสียงซ่าาดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง นาทีนี้เอง หมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน ห้าสหายภูผาเมฆต่างพุ่งตัวขึ้นมา และคืนสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้งหนึ่ง

แม้ว่าในขณะนี้หมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน ห้าสหายภูผาเมฆต่างไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ว่า ท่าทางของพวกเขาดูจะกระเซอะกระเซิงอยู่บ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต่างก็นับว่าเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกร ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งมากที่สุดแห่งยุค กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับหลี่ชิเย่อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่พวกเขาไม่เคยได้พบตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมา

“แข็งแกร่งมาก” หนึ่งในห้าสหายภูผาเมฆถึงกับชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง แม้ว่าตัวเขาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ยังคงต้องสลดจนหน้าถอดสีในขณะนี้ นี่คือศัตรูที่แข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบมาชั่วชีวิต

แม้ว่าเวลานี้พวกเขากำลังต่อสู้ชี้ขาดกับหลี่ชิเย่ แต่ไม่อาจไม่ยอมรับในความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ ดังนั้น พวกเขาอดที่จะชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงออกมาจากใจ

“เสียดาย รู้ว่าข้าแข็งแกร่งในเวลานี้มันก็สายไปเสียแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “บนโลกนี้ไม่เคยมียาเสียใจภายหลังขาย”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้พวกห้าสหายภูผาเมฆเมื่อได้ยินแล้วถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่ออก แม้ว่าคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่จะดูเอ้อระเหย แต่ว่า กลับเหมือนเป็นสิ่งที่หนักอึ้งที่สุดในโลกที่กดทับลงบนตัวของพวกเขาโดยพลัน สิ่งที่ทำให้พวกเขาอึดอัดมากที่สุดก็คือ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนว่าการต่อต้านใดๆ หรือพลังใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่แลดูไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอะไรอย่างนั้น

แต่ว่า ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้าสหายภูผาเมฆก็ดี หรือจะเป็นเทพสงครามจินเปี้ยนก็ช่าง พวกเขาไม่มีทางเลือกอีกต่อไปแล้ว เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้ว่า โลกนี้ไม่มียาเสียใจภายหลังขาย เวลานี้ทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวก็คือสู้จนถึงที่สุด ไม่ก็พวกเขาตาย ไม่ก็หลี่ชิเย่ม้วย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล