อ่านสรุป ตอนที่ 3070 ไม่ได้เรื่อง จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 3070 ไม่ได้เรื่อง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 3070 ไม่ได้เรื่อง
กองทัพตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนได้ทำการล้อมเทพสงครามจินเปี้ยนเอาไว้อย่างแน่นหนา พวกเขาเกรงว่าหลี่ชิเย่จะลงมือสังหารเทพสงครามจินเปี้ยนที่กำลังรักษาตัวกะทันหัน ดังนั้น เวลานี้กองทัพที่มีกำลังนับล้านได้วางกำลังเสมือนดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ยากที่จะก้าวข้ามไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้กองทัพที่มีกำลังนับล้านของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนเรียกว่าสวมชุดเกราะพร้อมสรรพ ทวนยาวในมือชี้ตรงไปยังหลี่ชิเย่ หากหลี่ชิเย่กล้าล้ำเข้ามาแม้เพียงครึ่งก้าว พวกเขาก็จะสู้ตายกับหลี่ชิเย่จนถึงที่สุด
“มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นกองทัพตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนที่มีกำลังนับล้านต้องการปกป้องเทพสงครามจินเปี้ยนด้วยชีวิต กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ความภักดีนับว่าน่ายกย่อง”
“ถอยไป…” ในเวลานี้ เทพสงครามจินเปี้ยนที่นั่งอยู่บนพื้นกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
กองทัพที่มีกำลังนับล้านตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนลังเลนิดหนึ่ง จากนั้นถอยหลังไปอยู่ข้างๆ ด้วยการเคลื่อนที่พร้อมเพรียงและเป็นระเบียบ การเคลื่อนที่ของกองทัพทั้งหมดเป็นไปดั่งสายฟ้าแลบ โดยไม่มีลักษณะชักช้า
ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้วอดที่จะชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงไม่ได้ ผู้ยิ่งใหญ่ ยอดฝีมือจำนวนมากต่างอิจฉาเทพสงครามจินเปี้ยนที่สามารถฝึกได้ดีมาก สามารถฝึกกองทัพเช่นนี้ให้จงรักภักดีขนาดนี้ ถือเป็นกำลังความสามารถโดยแท้จริง
หลังจากที่กองทัพที่มีกำลังนับล้านตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนได้ล่าถอยออกไปแล้ว เทพสงครามจินเปี้ยนยังคงนั่งตัวตรงรักษาตัวอยู่ตรงนั้น ไม่ได้กังวลว่าหลี่ชิเย่จะลอบลงมือกับตนเองกะทันหัน
แม้ว่าเทพสงครามจินเปี้ยนต้องการสู้กับหลี่ชิเย่จนตายไปข้างหนึ่ง สู้กับหลี่ชิเย่ชนิดไม่ตายไม่เลิก แต่ว่า ตัวเขาที่มีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้วก็มีความชัดเจนว่า หากหลี่ชิเย่ต้องการจะสังหารเขาก็ไม่จำเป็นต้องลอบโจมตี หรือต่อให้หลี่ชิเย่ต้องการลอบโจมตีเขา กองทัพที่มีกำลังนับล้านที่มาปกป้องตัวเขาก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงก็ไม่ได้ลงมือ เพียงจ้องมองตนเฉยเมยแวบหนึ่งเท่านั้น เอ้อระเหยสบายอกสบายใจ ไม่ได้รีบร้อนอะไรแม้แต่น้อย ทุกสิ่งล้วนมีความพร้อมอยู่ในใจอยู่แล้ว
“อัมมาอัมมา…” ในเวลานี้เอง เสียงสวดมนต์ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นบนท้องฟ้ามีรัศมีพุทธที่กระจายออกไป พระธรรมดั่งมหาสมุทร นาทีนี้ได้ห่อหุ้มหมอกเลือดของหมิงหวังฝอเอาไว้
จากการโจมตีเมื่อครู่ ส่งผลให้หมิงหวังฝอกลายเป็นหมอกเลือด แต่ว่า หมอกเลือดยังคงไม่ได้สลายตัวไปหลังจากที่ล่วงเลยมานานแล้ว
เวลานี้ ท่ามกลางหมอกเลือดปรากฏเสียงสวดมนต์ดังขึ้น และรัศมีพุทธปรากฏ ท่ามกลางรัศมีพุทธเหมือนมองเห็นพระอรหันต์นับพันนับล้านองค์ กระทั่งทันใดนั้นเอง ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นโฉมหน้าของพระลังกา ใบหน้าของพระลังกาดูมีความเมตตา เวทนาสรรพเหล่าเวไนยสัตว์ หวงแหนชีวิตสรรพสัตว์
ดังนั้น ท่ามกลางเสียงสวดมนต์ที่ดังขึ้นเป็นระลอก ภายใต้การรวมตัวของพระธรรม มองเห็นหมอกเลือดค่อยๆ กลั่นรวมตัวกันเป็นน้ำเลือด ค่อยๆ ก่อตัวสร้างขึ้นเป็นร่างกายของหมิงหวังฝอ
“หมิงหวังฝอจะฟื้นคืนชีพแล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงกับสิ่งนี้ เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้
“ฝืนลิขิตสวรรค์มากเหลือเกิน ถูกยิงถล่มจนกลายเป็นหมอกเลือดแล้วยังฟื้นคืนชีพได้ วิชาของศาสนาพุทธนับว่าพระธรรมไร้ขอบเขตโดยแท้” ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรต่างชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงกับสิ่งนี้
ถึงขั้นถูกยิงถล่มจนกลายเป็นหมอกเลือดยังฟื้นคืนชีพกลับมาได้ ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้จะต้องก้าวถึงระดับที่แข็งแกร่งมาก
“สิ่งนี้ไม่ถือเป็นการฟื้นคืนชีพ” ระดับคงความอมตะตลอดกาลส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ต้องถือว่าหมิงหวังฝอยังไม่ได้ตายสนิทอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้หายวับไปกับตาในพริบตาอย่างแท้จริง บอกได้แต่เพียงว่าเป็นการสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ ถ้าหากคนๆ หนึ่งถูกทำให้หายวับไปกับตาในพริบตาอย่างสิ้นเชิงแล้วยังสามารถฟื้นคืนชีพเช่นนี้ได้ล่ะก็ นั่นแหละฝืนลิขิตสวรรค์เกินไปแล้วล่ะ วีรกรรมยิ่งใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้”
ท่ามกลางเสียงสวดมนต์เป็นระลอก หมอกเลือดได้รวมตัวเข้าด้วยกัน น้ำเลือดได้หล่อหลอมเป็นกายเนื้อของหมิงหวังฝอขึ้นอย่างช้าๆ และหมิงหวังฝอก็ได้ปรากฏแก่สายตาตรงหน้าของทุกๆ คน
หลังจากที่หมิงหวังฝอได้สร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่แล้ว แม้ว่าบนตัวของเขายังมีคงมีรัศมีพุทธแวบวับ แต่ว่า ไม่ว่าใครก็มองออกได้ว่า รัศมีพุทธบนตัวของหมิงหวังฝอนั้นอ่อนแอมาก กระทั่งกล่าวได้ว่ามันคือเทียนที่ยังคงเหลืออยู่ท่ามกลางสายลม แค่สายลมพัดมาเบาๆ ก็สามารถทำให้รัศมีพุทธดับลงได้
แม้ว่าหมิงหวังฝอยังคงมีรัศมีพุทธที่แวบวับอยู่ แต่ว่า ใบหน้าของเขานั้นซีดเผือด โดยที่ไม่ได้เกิดจากถูกทำให้ตกใจกลัวแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะการโจมตีเมื่อครู่เกือบทำให้เขาต้องหายวับไปกับตาในพริบตา เวลานี้เขาได้สร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ ช่างเป็นเรื่องที่ต้องสิ้นเปลืองลมปราณเช่นใด และสูญเสียพลังวัตรเพียงใด
นาทีนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ โดยเฉพาะยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ยิ่งต้องการดูว่าหลี่ชิเย่จะลงมือหรือไม่
ใครๆ ก็ดูออกว่า ในขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่หมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยนอ่อนแอมากที่สุด ถ้าหากจะสังหารพวกหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยนในเวลานี้ล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาปราศจากเรี่ยวแรงกระทั่งตอบโต้ด้วยซ้ำ และจะถูกสังหารจนหายวับไปกับตาในพริบตาอย่างสิ้นเชิง
เสียดาย หลี่ชิเย่ไม่มีความคิดที่จะลงมือเลย ยังคงยืนอยู่บนท้องฟ้าสูง เพียงแค่มองดูพวกของหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยนที่กำลังรักษาตัวด้วยสายตาเย็นชาเท่านั้นเอง
ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากสามารถเข้าใจได้ และคิดอ่านได้อย่างชัดเจนกับการที่หลี่ชิเย่ไม่ได้ลงมือเด็ดชีพพวกของเทพสงครามจินเปี้ยน
ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งเฉกเช่นหลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องอาศัยการลอบโจมตีใดๆ เพื่อสังหารศัตรูของตนอีกแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสังหารหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน เขาสามารถอาศัยวิธีการที่เปิดเผยบริสุทธิ์และมีคุณธรรมไปสังหารพวกเขา ไม่จำเป็นต้องฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นกำลังลำบาก
“ระดับบรรพบุรุษคนที่สามถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว” ระดับบรรพบุรุษถึงกับทอดถอนในขึ้นมา ขณะมองดูหลี่ชิเย่ที่ยืนสูงเด่นอยู่บนท้องฟ้า
“นับเป็นยุคสมัยที่ฝืนลิขิตสวรรค์ไร้เทียมทานโดยแท้นะเนี่ย ให้กำเนิดปฐมบรรพบุรุษถึงสามคนในยุคสมัยเดียว” มียอดฝีมือถึงกับซุบซิบขึ้นมา
ในยุคปัจจุบันมีระดับปฐมบรรพบุรุษอย่างพระอาจารย์จินกวง ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูแล้ว หากเพิ่มคนโหดอันดับหนึ่งเข้าไป เช่นนั้นแล้ว ยุคสมัยนี้ก็มีระดับปฐมบรรพบุรุษถึงสามคนแล้ว
“เรื่องเล็กน้อย” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าสูง ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นเพียงคนที่ตายไปแล้ว แค่ตายช้าตายเร็วเท่านั้นเอง”
พลันที่คำพูดเช่นนี้ถูกพูดขึ้นมาเรียกว่าสร้างความอึดอัดยิ่งให้กับผู้คน และทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องมองหน้ากันและกัน เวลานี้ผู้ที่มีคุณสมบัติพูดเช่นนี้ได้ก็มีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้น
“สู้จนตายแล้วจะเป็นไรไป คนเราสุดท้ายก็ต้องตาย!” เทพสงครามจินเปี้ยนก้าวออกไปก้าวหนึ่งและกล่าวเสียงทุ้มต่ำ เปี่ยมด้วยความพาล
แม้ว่าเทพสงครามจินเปี้ยนจะถูกหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ซัดจนอกทะลุ แต่ยังคงเปี่ยมด้วยปณิธานการรบ ยังคงเปี่ยมด้วยปณิธานการฆ่า แม้ว่าเขาเองก็ชัดเจนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ แม้จะรู้ว่าตนเองนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะต้องตาย แต่ว่า เขายังคงไม่ท้อถอย ยังคงต้องการสู้จนถึงที่สุด
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ขณะที่พวกเขาก้าวออกไปก้าวนั้นเพื่อเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่นั้น พวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะกลับหลังได้อีกแล้ว พวกเขามีเพียงสู้ให้ถึงที่สุด มีเพียงสู้อย่างทรหดจนตาย
ดังนั้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัวกับการสู้จนตัวตาย ยิ่งไปกว่านั้น การได้ตายในมือของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนนั้น ใช่เป็นเรื่องที่น่าอับอายอะไร
“ความกล้าหาญน่าชมเชย ข้าสงเคราะห์พวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สิ่งนี้ก็ถือว่าได้ในสิ่งที่ปรารถนา”
“การเสี่ยงครั้งนี้ ขอพวกเราเป็นฝ่ายลงมือก่อนจะเป็นเช่นใด?” เวลานี้เทพม้วนเมฆาได้กล่าวขึ้นช้าๆ
ในขณะนี้ พวกเขาเหมือนเป็นสหายที่ศึกษาซึ่งกันและกันอย่างนั้น ท่าทีที่ดูเกรงใจเช่นนี้ทำให้ผู้คนสงสัยว่านี่เป็นการเดิมพันด้วยความเป็นความตายจริงหรือ
มาถึงวันนี้ ต่อให้เทพม้วนเมฆาที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อหลี่ชิเย่ แม้ว่าเขาจะแค้นจนอยากจะเอาศีรษะของหลี่ชิเย่มาเซ่นไหว้ลูกชายของตนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ว่า เฉกเช่นศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ยังคงคู่ควรให้พวกเขาให้ความเคารพนับถือ
“ตกลง ก็ให้พวกเจ้าได้ลงมือก่อน” หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย หัวเราะเสียงดังดูใจกว้างอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของพวกเจ้า ไม่มีคราวหน้าอีกต่อไปแล้ว พวกเจ้าต้องตายแน่นอน”
หากเป็นก่อนหน้านั้น เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำพูดที่โอหังถืออำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ออกมา พวกของเทพสงครามจินเปี้ยนจะต้องบันดาลโทษะในใจอย่างแน่นอน และปณิธานการฆ่าจะต้องเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
แต่ว่า นาทีนี้เวลานี้ พวกของเทพสงครามจินเปี้ยนกลับมีท่าทีที่สงบนิ่งมาก ท่าทางดูอ่อนโยนยิ่งนัก
…………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...