ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ นิยาย บท 18

         ท่ามกลางการโหมโจมตีอย่างดุดันของหลวงจีนมาร  ตอนนี้พลังชีวิตของเขาถูกเผาผลาญไปจนเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว   อายุขัยของเขาก็หมดลงเรื่อยๆ  

ในเวลาที่จิตใจเริ่มรู้สึกถึงความสิ้นหวัง ในหยกสื่อสารก็มีเสียงของเหยี่ยนฮ่าวดังขึ้น

“ ไต้ซือข้ามีวิธีจัดการจอมมารเจี่ยสือ…แต่ท่านต้องส่งกล่องหยกอันนั้นมาให้ข้า!”

           

หลวงจีนมารรีบถอดแหวนมิติ ปาเข้าใส่มือของเหยี่ยนฮ่าวด้วยความรวดเร็ว

            “ หากมีสิ่งใดในแหวน ที่ประสกใช้การได้ก็จัดการเลย” เสียงของหลวงจีนมารดังกลับมาทางป้ายหยกสื่อสาร  ท่านได้มอบทุกอย่างไว้ในมือเหยี่ยนฮ่าวแล้ว  

เพราะในสถานการณ์ตอนนี้หากพ่ายแพ้ตกตาย ของทั้งหมดของท่านก็ถูก ศัตรูช่วงชิงไปอยู่ดี

 

            หลังจากที่ได้รับแหวนมิติมา เหยี่ยนฮ่าวก็รีบนำกล่องหยกออกมา โดยไม่สนใจของอย่างอื่นในแหวน

            หลังจากที่นำนิ้วมืออันนั้นมาถือไว้  เขาก็ส่งสัญญาณให้ เหยาจิงเอ๋อนำตัวเขาเข้าไปตรงจุดที่ใกล้กับโลงศพโบราณที่สุด  จากนั้นก็เริ่มควบคุมพลังมารทันที

            วูป !

            เส้นพลังงานที่เชื่อมต่อกับจอมมารทั้งสองเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง  มันได้ถูกดึงดูดมาทางนิ้วมือที่เหยี่ยนฮ่าวถืออยู่

            !!!

สีหน้าของเจี่ยสือเปลี่ยนเป็นตกใจทันที  เขามองไปที่เหยี่ยนฮ่าวด้วยแววตาแห่งความโลภอย่างปิดไม่มิด  เขาต้องการจะช่วงชิงของสิ่งนั้น

           

“ ไต้ซืออย่าให้พวกมันเข้าใกล้ข้า” เหยี่ยนฮ่าวตระโกนออกมาเสียงดัง ตอนนี้เขาต้องใช้สมาธิควบคุมพลังงานนั้นอย่างมาก

 ฮ่า  ฮา ฮ่า

            “ เหตุใดเจ้าจึงหน้าเปลี่ยนสีเจี่ยสือ…อาตมาจะไม่ปล่อยให้เจ้าเข้าใกล้ประสกเหยี่ยนแน่นอน ” หลวงจีนมารถอยมาปกป้องเหยี่ยนฮ่าว ด้วยการสะกดข่มเจี่ยสือเอาไว้

           

ซึ่งตอนนี้ หากมีผู้ตั้งใจสังเกตดีๆ ต่อให้ไม่รู้ว่าเหยี่ยนฮ่าวทำอะไรลงไป  แต่ผลของมันที่แสดงออกมานั้นชัดเจนมาก  พลังฟื้นฟูของจอมมารทั้งสองนั้นหายไป   หลวงจีนชราและพรตวัยกลางคนจึงทำตามหลวงจีนมาร  คือตั้งใจพวกพันราชันผีดิบไว้ไม่ให้เข้าใกล้เหยี่ยนฮ่าวได้

           

            ส่วนทางเหยี่ยนฮ่าวตอนนี้ กำลังควบคุมพลังงานมหาศาลไหลผ่านร่างกายตนเอง  เขาคงไม่กล้าทำเช่นนี้  ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ปีศาจสีเลือดเหยาจิงเอ๋อได้เขาสิงอยู่ในร่างกายของเขา  แล้วช่วยดูดซับพลังส่วนใหญ่ไป

            เนื่องจากนางมีส่วนหนึ่งของเศษเสี้ยวดวงวิญญาณเขา จึงสามรถใช้วิธีนี้โดยที่จิตวิญญาณเขาไม่มีการต่อต้าน

 

ครืน  ครืน

พลังงานเหล่านั้นได้ถูกเหยี่ยนฮ่าวชักนำไปขัดเกลาร่างกาย ทำให้ขอบเขตฝึกตนเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นักรบระดับ เจ็ด…

นักรบระดับ แปด..

นักรบระดับ เก้า..

จนกระทั่งเขาได้ขึ้นไปสู่นักรบระดับเก้าขั้นสูงสุด  พลังงานส่วนที่เหลือทั้งหมดจึงถูกดูดซึมโดยเหยาจิงเอ๋อ  จนตอนนี้พลังของนางได้อยู่ในขอบเขตเดียวกันราชันปีศาจเลือดแล้ว ซึ่งเทียบเท่ากับระดับขอบเขตปราณทิพย์เลยทีเดียว

 

โฮกกก!

เสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวดังขึ้นจากภายในโลงศพ  เส้นพลังงานที่ถูกเหยี่ยนฮ่าวควบคุมไว้ก็ได้ถูกตัดขาดทันที

สถานการณ์ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง  จอมมารทั้งสองได้หันกลับมาร่วมมือกันเพื่อหาทางหลบหนี

 

แต่ทันใดนั้น…

 

“ สหายได้โปรดช่วยศิษย์พี่ข้าด้วย ”    “ พี่ชาย ช่วยพี่หญิงด้วย”

เสียงของชายหนุ่มและเด็กหญิง  ดังแทรกขึ้นมาในความคิดเหยี่ยนฮ่าวจนเขาตกใจ  แต่เพียงครู่เดียวก็จดจำได้ ว่าเป็นเสียงของคนที่เคยยื่นมือช่วยชีวิตตนจากหยางเจี้ยน

เขาจึงรีบหันมองไปทิศทางหนึ่งที่เจ้าของเสียงบอกทันที

กรี้ดดด

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาวดังขึ้นจากทิศทางนั้น  ไป่ซือเหยาตอนนี้นางได้ถูกผู้อาวุโสพรรคมารลอบทำร้าย จนกระเด็นออกไปนอกกลุ่มของตระกูลผู้พิทักษ์

นางมีหยดเลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากชุดสีขาวเป็นวงกว้าง

คนอื่นๆในตระกูลก็ถูกพวกพรรคมารฉุดรั้งเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน  สายตาวิตกกังวลของเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลมองไปที่นางด้วยความเป็นห่วง

 

แน่นอนว่าเสียงขอความช่วยเหลือที่เหยี่ยนฮ่าวได้ยิน  เหยาจิงเอ๋อเองก็ได้ยินเช่นกัน เพราะตอนนี้ทั้งสองนั้นเชี่ยมโยงจิตวิญญาณกันอยู่   แต่นางก็เพียงมองดูเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา

เพราะนางยังจำได้ ถึงสิ่งที่ตระกูลผู้พิทักษ์นั้นทำกับตัวนาง  ไม่เพียงไม่ช่วยเหลือนาง ยังมองร่างกายของนางเป็นเพียงแค่แหล่งพลังงานให้ค่ายกลอีกด้วย  ทำให้นางต้องทนทรมานมากว่าสิบห้าปี  หากไม่ใช่ว่าท่านลุงของนางได้เสี่ยงตายเข้าไปช่วยเหลือ  ดวงวิญญาณของนางคงดับสูญไปแล้ว

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ