“ เจี่ยสือ…ข้าจะฆ่าเจ้า! ”
เสียงตระโกนแห่งความคลั่งแค้นของหลวงจีนมารดังกึงก้องไปทั่ว เหยี่ยนฮ่าวที่ได้ยินยังอดขนลุกมิได้ เวลานี้พายุหมุนสีดำแห่งการทำลายล้างได้กวาดไปทั่วป่าต้องห้าม
“ ช่างเป็นพลังมารที่น่าหวาดกลัวจริงๆ” เขาพึมพำออกมาเบาๆ “ ตอนนี้ข้าควรหาสถานที่ซ่อนตัวก่อนคงจะดีที่สุด ”
ใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง เหยี่ยนฮ่าวตอนนี้ได้ก่อกองไฟขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย ภายในป่าต้องห้ามเวลานี้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างมาก คงเป็นผลมาจากพลังหยินอันเข้มข้นที่เขาสัมผัสได้
หลังจากที่หยิบเอาเสบียงกรังออกมากินเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายเสร็จ เขาก็นำถุงลูกปัดวิญญาณแค้นออกมา ซึ่งตอนนี้ภายในถุงเหลืออยู่เพียงสี่เม็ดเท่านั้น
“ ข้าคงต้องหาของสิ่งนี้มาเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก ถึงจะสำเร็จขั้นที่สองของเคล็ดจิตอาชูร่าได้ ”
“ หลังจากที่สำเร็จขั้นแรกข้าก็จะใช้กระบวนท่า หัตถ์เทพอสูรได้ ” เขายกมือขวาขึ้นมาในระดับสายตาพร้อมกับกระตุ้นเคล็ดวิชา
วูป!
เงาพร่าเลือนของกงเล็บสีดำขนาดใหญ่ดูน่าสะพรึงกลัว ปรากฏขึ้นซ้อนทับฝ่ามือของเหยี่ยนฮ่าว กลิ่นอายสังหารระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
เขามองออกไปที่ทางผืนป่าด้านหน้า ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงหลายสิบเมตร จากนั้นก็ตบฝ่ามือฟาดออกไปทันที
!!
เงากงเล็บขนาดใหญ่สีดำพุ่งออกไปจากมือของเหยี่ยนฮ่าว
ตอนนั้นเขารับรู้ได้ถึงพลังของตัวเองถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว เงาฝ่ามือนั้นมันก็ได้ขยายขนาดขึ้นหลายสิบเท่า แล้วฟาดเข้าใส่พื้นที่เบื้องหน้าอย่างรุนแรง
เปรี้ยง ! ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จนเศษดินหินฟุ้งกระจายไปทั่ว ภายหลังจากที่ฝุ่นควันจากการทำลายล้างจางหายไป
ภาพหลุมลึกกว้างสิบกว่าเมตรก็ปรากฏขึ้น ต้นไม้ขนาดใหญ่สามสี่ต้น กลายเป็นเศษซากชิ้นเล็กๆตกกระจายเต็มพื้น
พื้นที่ตรงหน้าเหมือนถูกบดขยี้ด้วยพลังอันมหาศาลที่ไม่อาจต้านทาน
“ นี่มัน !”
เหยี่ยนฮ่าวใช้ด้ามหอกพยุงตัวเองขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล เหม่อมองดูสภาพเบื้องหน้าอย่างตื่นตะลึง
มันจะรุนแรงเกินไปหรือไม่…
เขาลองเปรียบเทียบกับภาพการต่อสู้ของยอดฝีมือที่ได้เห็นในความทรงจำ
หนึ่งฝ่ามือของเขาเมื่อครู่เทียบได้กับการโจมตีเต็มกำลังของ นักสู้ขอบเขตปราณปฐพีระดับปลายเลยทีเดียว
ซึ่งหมายความว่า ถ้าเขาได้มีโอกาสเจอกับหยางเจี้ยนอีกครั้ง อย่างน้อยก็ยังมีความสามารถในการตอบโต้เช่นกัน ต่อให้ไม่อาจเอาชนะ แต่ถ้าหากเลือกลงมือในจังหวะดีๆก็คงพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน
เพียงแต่ว่า..
มันได้ใช้พลังงานของเขามากจนเกินไป วันหนึ่งคงใช้ได้เพียงแค่สองครั้งเท่านั้น
“ ตอนนี้มีเวลาแล้ว ข้าควรฝึกวิชาสักหน่อย ” เหยี่ยนฮ่าวคิดขึ้น
เขานั่งลงบนพื้นแล้วเริ่มทำสมาธิคิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆที่เขาได้พบเจอ หลังจากที่ได้รับความทรงจำและประสบการณ์ต่อสู้จากในความฝัน เขาพึ่งจะได้มีโอกาสได้ซึมซับมันอย่างเต็มที่ก็เวลานี้เอง
พวกเคล็ดวิชาฝึกปราณคงยังไม่ต้องไปสนใจตอนนี้ ไว้ภายหลังจากที่เขาไปถึงขั้นรวมปราณ แล้วค่อยดูประสิทธิภาพของโอสถทิพย์ปราณจักรพรรดิ ว่ามันจะทำให้เส้นลมปราณของเราแข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่
จะว่าไปตอนที่เขาใช้พลังของนิ้วมือ ควบคุมพลังงานในร่างของหลานสาวหลวงจีนมาร มันก็ได้ทำให้เข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับพลังงานมารนอกพิภพ ที่พวกเจ้าสำนักมารต่างแย่งชิงกัน แต่ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่ามันจะถูกหรือไม่
เขาคาดเดาว่าพลังมารนอกพิภพ ที่เปลี่ยนให้ป่าต้องห้ามกลายเป็นแหล่งกำเนิดพวกวิญญาณร้าย แท้จริงแล้วน่าจะมาจากของสิ่งหนึ่งที่ตกลงมาบนโลกเมื่อสองหมื่นปีก่อน
แต่เนื่องจากของสิ่งนี้ประกอบไปด้วยพลังงานหยินบริสุทธิ์ระดับสูงสุด จึงได้ดึงดูดให้พวกวิญญาณร้ายเข้ามาหา จนมันถูกปนเปื้อนจนถือกำเนิดเป็นมารร้ายนอกพิภพ แล้วถูกผนึกไว้เช่นปัจจุบัน
หากทั้งหมดเป็นไปตามที่เขาคิด แสดงว่าเหตุผลที่เคล็ดจิตอาชูร่าต้องใช้พลังงานจากพวกวิญญาณแค้นในการฝึกฝน เพราะพลังงานนั้นมีที่มาเดียวกับโลกที่เขาเห็นในความฝัน ซึ่งมันน่าจะเป็นพลังงานที่อยู่ในระดับสูงกว่าพลังปราณวิญญาณของโลก
“ เจ้าของนิ้วมือนั้น คงจะมาจากโลกใบเดียวกับที่ข้าเห็นในฝัน และอาจจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ผ่านการทดสอบ จนได้เรียนรู้เคล็ดจิตอาชูร่าด้วย ” เพราะเมื่อเขาลองนึกย้อนไปดูภาพความทรงจำตอนอยู่ในวิหารขนาดใหญ่ มีเด็กเพียงสิบห้าคนเท่านั้นจากหลายร้อยคนที่ผ่านการทดสอบได้เรียนรู้เคล็ดวิชาจิตอาชูร่า
“ ในอนาคตเมื่อพลังข้าถึงระดับเดียวกับหลวงจีนมารและเคล็ดจิตอาชูร่าสำเร็จไปอีกขั้น ข้าน่าจะลองดูดกลืนพลังของมารนอกพิภพที่ถูกผนึกดู หากทำได้สำเร็จ ก็ถือเป็นการกำจัดภัยร้ายในอนาคต ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อตัวข้าเป็นอย่างยิ่ง ”
“ เดี๋ยวนะ…ด้วยลูกปัดวิญญาณแค้นที่เหลือ ข้าน่าจะนำไปใช้กับเคล็ดฝึกร่างกายได้ ”
ในความทรงจำของโลกอยู่ในฝัน มีเคล็ดวิชาฝึกกายที่ถูกสอนให้ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบในสนามรบโบราณ เพื่อที่จะเพิ่มพละกำลังและความแข็งแกร่งให้ร่างกาย ชื่อมันก็คือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ