ณ พระราชวังจักรพรรดิแคว้นจ้าว
อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนลานกว้างที่มีพื้นนับร้อยลี้ ที่นี่ได้รับดูแลรักษาสภาพเป็นอย่างดี มีเสาหินยักษ์ทั้งแปดค้ำยันสิ่งปลูกสร้างมีลักษณะเป็นรูปวิหาร
ด้านข้างวางไว้ด้วยป้ายหินสองป้ายสูงประมาณยี่สิบเมตร แกะสลักเป็นรูปร่างมังกรห้ากงเล็บดูยิ่งใหญ่อลังการ
ตัวอังษรที่ถูกแกะสลักอยู่ตรงป้ายทั้งสองคือ
ด้านซ้ายคือ บัญชามหาทัพ
ด้านขวาคือ สยบเจ็ดแคว้น
มีบันไดทอดยาวขึ้นไปสู่ด้านในของวิหาร โดยที่ทั้งสองฝั่งของบันได้แกะสลักรูปทหารบนหลังม้ากำลังเคลื่อนที่เข้าไปด้านหน้าอย่างห้าวหาญ
ด้านในสิ่งปลูกสร้าง มีพรมสีแดงที่ถูกปูไว้เป็นเส้นทางเดินตรงเข้าไป โดยที่มีรูปปั้นแม่ทัพในชุดเกราะรูปร่างกำยำข้างละสองรูป ซึ่งได้ยืนอยู่ในทวงท่าที่มือของพวกเราวางอยู่บนด้ามกระบี่ ราวกับพวกเขาจะชักกระบี่ออกมาได้ตลอดเวลา
ผู้ที่ได้พบเห็น ล้วนสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของรูปปั้นทั้งสี่ เหมือนกับว่ามันมีชีวิตและสามารถสังหารผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนเจ้านายของตน
“ รูปปั้นทั้งสี่นี้คือแม่ทัพจตุเทพที่ได้อุทิศตนปกป้อง และคุ้มครองปฐมจักรพรรดิ ตั้งแต่ยามที่ยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งยามตาย ” เสียงชายชราดังขึ้น
ตอนนี้บนพรมสีแดงประกอบไปด้วย ชายชราคนหนึ่งสวมหน้ากากทองคำ อยู่ในชุดจักรพรรดิลายมังกร
เขากำลังยืนเหม่อมองที่รูปปั้นทั้งสี่โดยที่ดวงตาสะท้อนถึงความเคารพนับถือ ทางด้านหลังของเขา มีชายวัยกลางคนสองคนในชุดดำ กำลังก้มหน้าคุกเข่าอยู่ด้วยความวิตกกังวล ทั่งคู่คือผู้คุ้มกันลับที่แฝงตัวเข้าไปในกองทหารของหยางเจี้ยนนั่นเอง
“ ยามนั้นในขณะที่แม่ทัพจตุเทพยังมีชีวิต องค์ปฐมจักรพรรดิไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน แม้ว่าจะผ่านศึกสงครามนับร้อย จนเกือบจะรวบรวมแผ่นทั้งหมดไว้ในมือ ”
“ แม้แต่ในยามที่ท่านถูกทรยศจากพี่น้องร่วมสาบานของตัวเอง จนตกอยู่ในวงล้อมทหารนับล้าน แม่ทัพสี่ล้วนพลีชีพเพื่อที่จะรักษาพระศพเอาไว้ จนถอยกลับมาสู่แคว้นจ้าวได้ ”
ชายชราหน้ากากทองยังคงพูดอย่างช้าๆ ในขณะที่เขากำลังก้าวเดินไปทางด้านหน้า พร้อมกับดวงตาที่มองไปยังรูปปั้นแต่ละรูป
“ ตลอดเวลาเกือบสองหมื่นปี ข้าได้ให้คนดูแลรูปปั้นเหล่านี้อย่างดี หากมีฝุ่นอยู่บนรูปปั้นแม้เพียงเล็กน้อย ผู้ดูแลในยามนั้นมีบทลงโทษเพียงอย่างเดียวคือประหาร ไม่มีการสืบสวน…ไม่ต้องการคำอธิบาย ”
ชายวัยกลางคนสองคนที่คุกเข่าอยู่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ลางสังหรณ์อันเลวร้ายเริ่มปรากฏขึ้นในใจ
เสียงพูดของชายชราหน้ากากทองเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาเดินมาหยุดลงตรงรูปปั้นขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง พรมสีแดงที่ถูกปูเอาไว้ได้สิ้นสุดลงตรงจุดนี้
รูปปั้นที่ถูกแกะสลักด้วยทองคำสูงประมาณสิบเมตร เป็นบุรุษวัยกลางคนที่อยู่บนหลังม้า ร่างของเขาตั้งตรง ดวงตาที่ฉลาดหลักแหลมของเขานั้นเปล่งประกายเจิดจ้า เหมือนดั่งไม่มีสิ่งใดในแผ่นดินอยู่ในสายตา
มือข้างซ้ายของเขาจับบังเหียนม้าเอาไว้ ในขณะที่มือข้างขวานั้นชี้กระบี่ขึ้นไปบนท้องฟ้า มุมปากของเขานั้นโค้งเป็นรอยยิ้มอย่างเยือกเย็นและน่าเกรงขาม ผ้าคลุมด้านหลังเหมือนกำลังจะลอยไปตามสายลม นี่เป็นลักษณะของจอมราชันผู้อยู่เหนือคนทั้งแผ่นดิน
ลูกหลานที่เกิดในราชวงศ์แคว้นจ้าวได้เคารพบูชารูปปั้นนี้ดุจเทพเจ้า
ยามเมื่อมองเห็นรูปปั้นของปฐมจักรพรรดิเบื้องหน้า รังสีความกดดันอันมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากชายชราหน้ากากทอง
ครืนๆ
“ ข้าบอกให้พวกเจ้าสองคนคุ้มกันนายน้อยให้ดี…พวกเจ้าไม่เข้าใจหรือ” ตอนนี้เสียงแห่งความเกรี้ยวโกรธของเขาระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เขานึกไปถึงเมื่อยามที่เห็นหยางเจี้ยนกลับมาถึงพระราชวังแค้วนจ้าว ด้วยอาการปาดเจ็บสาหัส
ซึ่งจากรายงานที่ได้รับมา จอมมารกลืนวิญญาณเจี่ยสือ ได้บุกเข้าไปที่ค่ายทหารแล้วใช้เคล็ดวิชากลืนวิญญาณสังหารทหารไปกว่าสามพันนาย ก่อนที่จะหายตัวไป ตัวหยางเจี้ยนเองในตอนนั้นก็ตกเป็นเป้าหมายเช่นกัน ยังดีที่สามารถใช้อาคมเคลื่อนย้ายหลบหนีออกมาได้
“ ท่านจ้าวนิกายโปรดเมตตาด้วย ” ผู้คุ้มกันสองคนที่คุกเข่าอยู่ ได้โขกศีรษะลงที่พื้นไม่หยุด
“ ไม่เลย…พวกเจ้าไม่เคยเข้าใจ ” จ้าวนิกายเก้ามังกรที่สวมชุดจักรพรรดิ หันมามองผู้คุ้มกันทั้งสองแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
“ ยามเมื่อแม่ทัพจตุเทพอยู่ข้างกายองค์ปฐมจักรพรรดิ ไม่เคยมีผู้ใดสร้างบาดแผลให้พระองค์ได้ แม้ยามพระองค์ถูกทรยศหลักหลังจนสิ้นชีพ แม่ทัพทั้งสี่ก็ยอมต่อสู้จนตัวตายเพื่อรักษาพระศพ ”
“ แล้วเจ้าทั้งสองเล่า…เมื่อยามที่นายน้อยได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุใดพวกเจ้าจึงยังมีชีวิตอยู่ !” เสียงแห่งความพิโรธของจ้าวนิกายดังขึ้น หากผู้คุ้มกันสองคนตรงหน้าใช้ชีวิตเข้าแลก หยางเจี้ยนก็คงสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย
“ ข้าจะบอกความลับบางอย่างแก่พวกเจ้า นายน้อยหยางเจี้ยนคือวิญญาณขององค์ปฐมจักรพรรดิที่มาจุติใหม่ ” จ้าวนิกายพูด หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอดหน้ากากทองคำออกมา ท่ามกลางสายตาที่ตกใจของผู้คุ้มกันทั้งสอง
“ นิกายเก้ามังกรก็ถูกสร้างขึ้นโดยองค์ปฐมจักรพรรดิ นี่เป็นเหตุผลที่จ้าวนิกายทุกรุ่นก็คือจักรพรรดิของแคว้นจ้าว ข้าเองก็เช่นกัน ”
“ ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ