ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 133

บทที่ 133 กระเรียนอ้วน (2)

ปัง ปัง!

หลังเสียงระเบิดสองครั้งติด ทำให้ผู้เข้าสอบทั้งสองถูกส่งบินออกไปพร้อม ๆ กัน ซูเฉินได้ใช้โอกาสจากสถานการณ์นี้เอาแต้มคะแนนไปจากป้ายหยกจากคู่ต่อสู้

ในขณะที่เด็กหนุ่มรวบรวมคะแนนของผู้เข้าสอบที่หมดสติไปก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ยินหวังโต้วซานตะโกนขึ้น “นี่ ยังมีอีก 2 อันตรงนี้”

ซูเฉินหันกลับไปดูและหวังโต้วซานกำลังคุยกับเขา โดยถือป้ายหยกไว้ในมือแต่ละข้าง

ซูเฉินยิ้มและส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องสุภาพ เจ้าเป็นคนจัดการ เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะเก็บคะแนนของพวกมันไป”

“ข้าจะยอมเช่นนั้นได้อย่างไร? เจ้าเป็นคนช่วยข้า” หวังโต้วซานโยนป้ายทั้งสองอันไปทางซูเฉิน

เมื่อซูเฉินเห็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้เกรงใจอะไรอีก และเก็บเอาคะแนนของคนพวกนั้นทั้งหมดไป

ในตอนแรกเขาตั้งใจจะปล่อยคนพวกนี้ไป แต่ซูเฉินไม่คาดคิดว่าหวังโต้วซานจะชิงลงมือทุบป้ายหยกของทั้งสอง และส่งพวกเขาออกจากการแข่งไปเสียก่อน เขากล่าวว่า “นี่เป็นการป้องกันไม่ให้พวกมันรวมหัวกันกลับมาแก้แค้นในภายหลัง แม้ว่าข้าจะไม่กลัว แต่มันก็ยังน่ารำคาญอยู่ดี หากข้ากำจัดไป 2 อีก 2 ก็จะไม่กล้ามายุ่งอีก ดังนั้นเราจึงสามารถปล่อยพวกมันที่เหลือไปได้”

หลังได้ยินคำอธิบายของหวังโต้วซาน ซูเฉินก็ยิ้มขึ้น “เจ้าเป็นคนค่อนข้างละเอียดรอบคอบดีนะ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังโต้วซานก็พลันเหล่ตามองกลับมา “เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกมีความสุขเลย เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของเจ้า ? เจ้ากำลังดูถูกข้าหรือ ? เจ้ากำลังเลือกปฏิบัติกับคนอ้วนอย่างนั้นหรือ ?”

“อย่าเข้าใจผิด มันเป็นเพราะการมาสายของเจ้าที่ได้ทิ้งความประทับใจไว้ให้ข้า” ซูเฉินยิ้มและกล่าวต่อ “เจ้ารู้ว่าความประทับใจครั้งแรกเป็นสิ่งที่ลืมยากที่สุดเสมอ”

“ …… ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวังโต้วซานก็พูดไม่ออกไปทันที

ถูกต้อง หากว่าเขาไปร่วมงานที่ใหญ่พอ ๆ กับการสอบเข้าของสถาบันมังกรซ่อนเร้นเช่นนี้ มันก็ยากมากที่จะทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในตัวเขา

ก็คงต้องกล่าวว่ามันเป็นความผิดของเขาเองมิใช่หรือ?

ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะพร้อมกัน…

หวังโต้วซานก้าวมาข้างหน้า ขณะที่เขาตบหน้าอกของเขาและพูดว่า “ขอแนะนำตัวเองอีกครั้ง ข้า หวังโต้วซาน จากตระกูลหวัง เมืองเมฆาลอย สายเลือดกระเรียนหิมะ เพราะข้าอ้วนใคร ๆ ก็เลยต่างเรียกข้าว่ากระเรียนอ้วน ตัวข้านั้นมีปัญหาบางอย่างซึ่งก็คือข้าเป็นพวกชอบลืมวันลืมคืน ข้าเป็นคนที่ไม่กังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นคนที่กังวลมากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว”

“ซูเฉิน จากตระกูลซู เมืองหลินเป่ย ไม่มีสายเลือด”

เมื่อได้ยินว่าซูเฉินมาจากเมืองหลินเป่ย หวังโต้วซานก็รู้สึกตกใจอย่างมาก “เหตุใดคนจากเขต 13 ถึงได้มายังเขตที่ 6 กัน เจ้ากำลังหาที่ตายงั้นหรือ? ผู้เข้าสอบที่เขตแถวนี่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขตล่าง ๆ เยอะมากเลยนะ”

“เจ้ากำลังดูถูกเขตที่อ่อนแอกว่า?” ซูเฉินตอกกลับ

หวังโต้วซานผงะไปทันที

ในตอนนั้นเขาบอกว่าซูเฉินเลือกปฏิบัติกับคนอ้วน หวังโต้วซานไม่คิดเลยว่าซูเฉินจะย้อนคำพูดนั้น กลับคืนมาใส่เขาเสียเองในพริบตา ทำเอาโต้วซานพูดไม่ออกและต้องจบด้วยการหัวเราะอย่างขมขื่น “เอาล่ะ นั่นข้าผิดเอง”

ทันทีที่หวังโต้วซานกล่าวจบ เขาก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกและก้มหน้ากระอักเลือดออกมา

เลือดดังกล่าวถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว ทั้งยังหนาวเย็นเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกได้

ซูเฉินตกตะลึง เขามองไปที่หวังโต้วซานอีกครั้ง และเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายกำลังสั่นด้วยความหนาว โต้วซานพูดด้วยเสียงต่ำ “บ้าจริง ฝ่ามือเหมันต์ของสายเลือดสกุณาเหมันต์ ช่างดุร้ายจริง ๆ”

“เป็นผู้หญิงคนชื่อจีหานเยี่ยนที่ตีเจ้า?” ซูเฉินเดินมาข้างหน้า ใช้นิ้วของเขาคว้าเอาเลือดที่หวังโต้วซานพ่นออกมาไปสำรวจกลิ่น ก่อนจะเปิดตาของเขาเพื่อมองมัน ภายในเลือดมีสสารต้นกำเนิดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่ากำลังเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ มันเป็นสสารต้นกำเนิดที่ลึกลับมากและซูเฉินไม่เคยเห็นมาก่อน

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในนั้นมันก็เป็นสสารต้นกำเนิดที่คอยสร้างความหนาวเย็นในร่างกายของหวังโต้วซานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาไม่หายจากอาการบาดเจ็บ โชคดีที่ในเลือดของหวังโต้วซานยังมีสสารต้นกำเนิดอีกชนิดที่กำลังต่อต้านสสารต้นกำเนิดเยือกแข็งอยู่ นั่นน่าจะเป็นสสารต้นกำเนิดจากสายเลือดกระเรียนหิมะ

เมื่อเปรียบเทียบสสารต้นกำเนิดทั้งสองชนิดแล้ว กระเรียนหิมะนั้นอ่อนแอกว่าสกุณาเหมันต์อย่างชัดเจน แต่เพราะนี่คือร่างของหวังโต้วซาน ที่ที่สสารต้นกำเนิดของสายเลือดกระเรียนหิมะนั้นถูกผลิตขึ้นไม่มีสิ้นสุด ไม่เหมือนกับสสารต้นกำเนิดของสายเลือดสกุณาเหมันต์ที่โดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่ง ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปมันจึงทำให้สสารต้นกำเนิดสกุณาเหมันต์เป็นกลางได้

ส่วนเลือดที่หวังโต้วซานพ่นออกมานั้นไม่ใช่ เพราะหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสายเลือดกระเรียนหิมะของเขา สสารต้นกำเนิดสกุณาเหมันต์ก็จะได้รับชัยไป ด้วยประการฉะนี้เมื่อยามที่หวังโต้วซานพ่นเลือดออกมามันจึงยังคงเป็นเลือด แต่หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็งในทันที

ความแข็งแกร่งของสกุณาเหมันต์นั้นพิเศษอย่างมาก

นอกจากนั้น เลือดนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ค่อยกัดกร่อนร่างกายของหวังโต้วซานอยู่ นั่นน่าจะเป็นพิษไม้ที่เขาเคยกล่าวถึง อย่างไรก็ตามพิษไม้นั้นอ่อนแอกว่าสสารต้นกำเนิดมาก มันจึงไม่ได้อยู่นานนักก่อนที่มันจะค่อย ๆ ถูกกำจัดทิ้งไป

“แท้จริงแล้วสายเลือดของสกุณาเหมันต์ สูงกว่าของข้าเพียงแค่หนึ่งระดับเท่านั้น อย่างไรก็ตามสายเลือดของจีหานเยี่ยนไม่เพียงแค่ทรงพลัง แต่นางยังปลุกสายเลือดที่น่ากลัวขึ้นมาถึงระดับ 2 แล้ว แถมพื้นฐานการฝึกฝนของนางเองก็สูงยิ่งกว่าข้าอีก ดังนั้นข้าจึงได้แต่จนปัญญาเช่นนี้” หวังโต้วซานอธิบายราวกับว่าเขากังวลว่าซูเฉินจะเข้าใจผิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)