บทที่ 48 จางหยวนเหลียว
ยิ่งใช้เวลาในป่ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้อื่น
หนก่อน ซูเฉินเองก็ได้พบกับคนอื่นอยู่ 2-3 ครั้ง พวกเขาได้ทำการแลกเปลี่ยนอาหารและข้อมูลกันเป็นครั้งคราว
คนส่วนใหญ่ที่เดินอยู่ในป่าสีเลือดเป็นนักล่าธรรมดาทั่วไป แม้พวกเขาจะไม่แข็งแกร่งมากนัก ทว่าพวกเขาก็มีประสบการณ์การเอาชีวิตรอดและรู้วิธีหลีกเลี่ยงอันตรายอยู่มากมาย พวกเขาสามารถสัมผัสถึงการมาถึงของอสูรร้ายได้จากระยะไกลและสามารถหลบหนีออกไปก่อนได้อย่างรวดเร็ว
ซูเฉินได้เรียนรู้วิธีค้นหาอสูรร้ายจากนักล่าคนหนึ่ง ตอนนี้เขาสามารถหาอสูรร้ายเจอได้จากการดมกลิ่นที่มาตามลม ไม่อย่างนั้น ซูเฉินคงทำได้เพียงแค่เดินอย่างไร้จุดหมายในป่า แล้วทีนี้อัตราความสำเร็จของเด็กหนุ่มก็จะลดต่ำพร้อมกันกับที่ความเสี่ยงอันตรายก็จะสูงขึ้นตาม
นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดเหมือนเขาบางคน ที่กำลังผจญภัยในป่าโดยมีเป้าหมายเป็นอสูรร้ายอยู่เช่นกัน
ชายหนุ่มที่ถูกพยัคฆ์สีรุ้งสองหางไล่ล่าอยู่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด นักล่าทั่วไปไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกอสูรร้ายไล่ล่า พวกเขาจะตายก่อนที่จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
พยัคฆ์สีรุ้งสองหางจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างมีค่า ขนของมันมีมูลค่าสูง แน่นอนว่าซูเฉินไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ไป อย่างไรก็ตาม แทนที่รีบวิ่งเข้าไป ซูเฉินกลับเลือกซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ในเส้นทางของคนที่กำลังวิ่งหนี
ชายหนุ่มเร่งรีบวิ่งหนีมาตลอดทางและผ่านใต้ต้นไม้ไปโดยไม่สังเกตเลยว่ามีคนอยู่ด้านบนเหนือศีรษะของเขา ขณะที่พยัคฆ์สีรุ้งสองหางทั้ง 2 กำลังวิ่งผ่านไป ซูเฉินก็กระโจนลงมาบนหลังของพยัคฆ์สีรุ้งสองหางตัวหลังที่รั้งท้ายมาในทันที
พยัคฆ์สีรุ้งสองหางส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกับแทงหางเหล็กทั้งสองของมันเข้าใส่ซูเฉิน ชุดเกราะพลอยม่วงเปล่งประกาย โล่ปรากฏขึ้นและบล็อกการโจมตีที่ด้านหลังของเขาเอาไว้ ในเวลาเดียวกันมือขวาของซูเฉินก็ปลดปล่อยการโจมตีกระแทกเข้าที่คอของพยัคฆ์สีรุ้ง
คอเป็นหนึ่งในจุดสำคัญของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง ด้วยการโจมตีครั้งเดียวพยัคฆ์สีรุ้งสองหางก็สูญเสียพละกำลังทั้งหมดไป ซูเฉินคว้าตัวพยัคฆ์สีรุ้งและรัดคอของมันเอาไว้ เขาแข่งขันความแข็งแกร่งกับเจ้าพยัคฆ์สีรุ้งสองหางตัวนี้ ต้องขอบคุณวิชากายาเวหาเวียนที่ซูเฉินได้ฝึกฝนทำให้ความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เขาสามารถท้าทายอสูรร้ายตัวนี้โดยอาศัยเพียงแค่พละกำลัง
เมื่อพยัคฆ์สีรุ้งสองหางอีกตัวที่กำลังไล่ล่าชายหนุ่มอยู่ ได้ยินเสียงความวุ่นวายที่ด้านหลังหันกลับมามองเห็นฉากนี้ มันก็เลิกไล่ตามชายหนุ่มและเปลี่ยนเป้าไปเป็นซูเฉินแทน
“หยุดมัน!” ซูเฉินตะโกนพร้อมกับใช้ออกนัยน์ตาวิญญาณในทันที
ดวงตาของซูเฉินปล่อยลำแสงตรงไปยังดวงตาของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง ร่างของมันสั่นสะท้าน ก่อนที่จะหยุดชะงักนิ่งไป
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่วิ่งหนีอยู่ด้านหน้าก็ตอบโต้ในทันทีเช่นกัน เขาหมุนตัวกลับมาและใช้ดาบเล่มหนึ่งฟันเข้าไปที่หัวของพยัคฆ์สีรุ้งสองหาง ก่อนที่เจ้าสัตว์จะทันได้ฟื้นคืนสติ
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นหัวใจของซูเฉินก็เจ็บปวดยิ่ง ‘หนังเสือชั้นดีถูกทำลายไปหนึ่งแล้ว’
มือทั้งสองข้างของซูเฉินออกแรงมากยิ่งขึ้น พยัคฆ์สีรุ้งดิ้นและพยายามจู่โจมอย่างดุเดือดเพื่อจะหลุดออกไป
พยัคฆ์สีรุ้งสองหางที่ดิ้นอย่างสิ้นหวังคำรามด้วยความโกรธแค้น มันกระโจนออกไป คน 1 คนกับเสืออีก 1 ตัว พัวพันกันวุ่นวายหายลับจากสายตาเข้าไปในป่า เสียงดังก้องแว่วมาให้ได้ยินตลอดทาง ชายหนุ่มผู้วิ่งหนีการไล่ล่าก่อนหน้านี้รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เขาไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ที่ป่าด้านหน้าก็มีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกจากป่าพร้อมกับศพเสือขนาดใหญ่ในมือ
มันเป็นเด็กผู้ชายที่ชนะ
ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจ
ซูเฉินโยนศพพยัคฆ์สีรุ้งไว้ใต้ต้นไม้ จากนั้นก็เริ่มแยกส่วนซากพยัคฆ์สีรุ้ง “เจ้ายังไม่ได้จัดการมันอีกหรือ? อยากจะให้ข้าช่วยไหม? แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นครึ่งหนึ่งของอสูรร้ายนั้นต้องเป็นของข้านะ”
ชายหนุ่มพูดเสียงดัง “ไม่จำเป็น ข้าจัดการมันเองได้”
ในขณะที่เขาพูดดาบเกล็ดมรกตก็ได้ปรากฏขึ้นและฟาดฟันลงไปที่พยัคฆ์สีรุ้ง ซูเฉินทำได้เพียงแต่ส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก
หลังจากถูกกรีดเฉือนไปหลายครั้ง หนังแผ่นนี้คงจะถูกมองว่าไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นครู่หนึ่งชายหนุ่มก็สังหารพยัคฆ์สีรุ้งลงได้ในที่สุด เขาทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง จากนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้งขณะที่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตน “ขอบคุณ ขอข้าถามหน่อย ข้าเห็นว่าเจ้าก็มีมีดอยู่กับตัว เหตุใดจึงไม่ใช้? ไฉนจึงใช้หมัดของเจ้าเพื่อฆ่ามันแทนกัน?”
ชายหนุ่มชี้ไปยังมีดสั้นริ้วดำที่ด้านหลังของซูเฉินในขณะที่เขาพูด
“หนังพยัคฆ์สีรุ้งสองหางนั้นมีราคา มันน่าเสียดายหากพวกมันได้รับความเสียหาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)