บทที่ 49 ปกปิดจุดอ่อน
กิ่งไม้ที่มีเนื้อเสือเสียบไว้หมุนอยู่เหนือกองไฟ สะเก็ดประกายไฟพุ่งขึ้นมาเป็นครั้งคราวเมื่อไขมันที่ละลายเป็นน้ำหยดลงบนกองไฟ ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ
เนื้อของพยัคฆ์สีรุ้งสองหางมีกลิ่นที่หอมมาก ทว่ารสสัมผัสของมันกลับไม่ดีนัก มันค่อนข้างเหนียวและไม่อร่อย เหมือนเนื้อตากแห้งที่เก็บมานานแล้ว โชคดีที่ฟันของเหล่าผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดนั้นแข็งแรง สำหรับพวกเขาแล้วคุณภาพของเนื้อนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญกว่าคือปริมาณพลังต้นกำเนิดที่อสูรร้ายเก็บไว้ การกินเนื้อพวกมันมีส่วนช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซับ หมุนเวียนและนำพลังไปใช้ประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้น มันจัดเป็นอาหารเสริมที่ดี
เนื่องจากความร้อนมีผลเสียต่อคุณค่าทางโภชนาการของเนื้ออสูร ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดบางคนจึงถึงกับเลือกที่จะกินเนื้ออสูรดิบ
ซูเฉินและจางหยวนเหลียวไม่สามารถทำสิ่งป่าเถื่อนเช่นนั้นได้ลง แต่พวกเขาก็ยังเริ่มกินเนื้อเสือทันทีที่มันสุก
ความอยากอาหารของผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดนั้นเยอะมาก ๆ พวกเขาสามารถกินทั้งเสือ หมี เสือดาว ฯลฯ ได้ทั้งหมดในคราวเดียว ส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขามีทักษะการดูดซับที่สามารถช่วยให้พวกเขาดูดซับสิ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องรอให้ขับถ่ายของเสียออกไปก่อนถึงจะสามารถกินต่อได้ เมื่อมีอาหารไม่มากพอพวกเขาสามารถอดอาหารชั่วคราว และดูดซับพลังต้นกำเนิดจากอากาศแทนได้
นี้ทำให้พวกเขาใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมาก และทุกครั้งที่พวกเขาล่าสัตว์สำเร็จ พวกเขาจะมีมื้ออาหารสุดหรู
“เอานี่!” จางหยวนเหลียวดึงเนื้อชิ้นหนึ่งจากเตาย่างที่เพิ่งปรุงเสร็จและมอบให้ซูเฉิน
“ขอบคุณ” ซูเฉินรับมันแล้วกัดมันลงไป ปากของเขาชุ่มไปด้วยน้ำมันและกลิ่นหอมก็แพร่กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว
“จริงสิ เหตุใดนายน้อยสี่ของตระกูลซูถึงได้เข้ามาอยู่ในเทือกเขาสีเลือดนี้กันเล่า?” จางหยวนเหลียวถาม
“บทลงทัณฑ์สีเลือด” ซูเฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“บทลงทัณฑ์สีเลือด?” จางหยวนเหลียวตกตะลึง “เจ้าไปทำสิ่งใดมา จนตระกูลต้องมอบบทลงทัณฑ์สีเลือดให้แก่เจ้ากัน?”
“หลายสิ่งหลายอย่าง … ข้าทำให้ผู้ใต้บัญชาพิการ ทุบตีป้าและยังทุบตีลูกพี่ลูกน้องจนมันต้องนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงเป็น 10 วัน”
จางหยวนเหลียวผิวปาก “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนตาบอดจะโหดร้ายได้ขนาดนี้”
“แน่นอนเพราะข้าตาบอด ข้าจึงต้องทำตัวโหดเหี้ยม … กุมจุดสำคัญของพวกมันไว้และอย่าปล่อยไปง่าย ๆ !” ซูเฉินยิ้มเบา ๆ
จางหยวนเหลียวตกใจชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “เยี่ยม กล่าวได้ดี ข้าบังเอิญมีเหล้าติดตัวมาด้วย มาเถอะพี่ชายเรามาดื่มด้วยกัน”
ขณะที่พูดเขาก็ดึงขวดน้ำและจอกสองใบออกมาจากห่อของตน
จางหยวนเหลียวเทเหล้าใส่จอกสำหรับซูเฉิน จากนั้นก็เทให้กับตัวเอง ก่อนจะกล่าวว่า “มา จอกนี้ดื่มให้แก่การพบกันของเรา การได้พบเจอกันในดินแดนรกร้างแบบนี้ถือได้ว่าเป็นโชคชะตาแล้ว!”
ซูเฉินจิบเข้าไปเบา ๆ
เหล้านี้แรงมาก มันเหมือนมีไฟกำลังไหม้อยู่ในคอของเขา
“เป็นอย่างไร รสแรงดีใช่ไหมล่ะ?” จางหยวนเหลียวหัวเราะ จากนั้นก็ดื่มเหล้าในจอกของเขาหมดรวดเดียว ก่อนจะเติมให้เต็มอีกรอบ
“ข้ายังไม่ชินกับเหล้าแรง ๆ ” ซูเฉินส่ายหัว แล้ววางจอกเหล้าลง “ว่าไป แล้วเหตุใดพี่ใหญ่จางถึงได้มายังเทือกเขาสีเลือดนี้กัน?”
“มีบางคนค้นพบแร่ดาราเงินในหุบเขามรกต ข้าเลยสงสัยว่าอาจมีสายแร่ใหญ่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น จึงมาลองดูว่าข้าจะมีโชคกับเขาบ้างไหม” จางหยวนเหลียวตอบอย่างเฉยชา
“เหมืองแร่ดาราเงิน?” ซูเฉินก็ตกใจเช่นกัน
แร่ดาราเงินเป็นโลหะหายากที่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดนิยมใช้กัน มันเป็นตัวนำพลังต้นกำเนิดอันดับหนึ่งที่ผู้คนมักจะนำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือต้นกำเนิด บ้างก็ใช้ปรับแต่งสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพลังต้นกำเนิด และยังช่วยในการบ่มเพาะ
โดยทั่วไปแล้วแร่ดาราเงินนั้นจะไม่ปรากฏมาเพียงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ น้อย ๆ หากพบเจอบางส่วน เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีสายแร่ใหญ่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ตามข้อมูลที่จางหยวนเหลียวกล่าวมา คนที่พบแร่ดาราเงินในหุบเขามรกตนั้นเป็นนักล่าธรรมดาทั่วไป เขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของแร่ดาราเงิน คนผู้นั้นเพียงแค่คิดว่ามันดูสวยมากจึงนำมันกลับมาด้วย และเพราะเช่นนั้นเขาเลยไม่ได้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป หลายคนก็รู้ว่าในหุบเขามรกตอาจจะมีสายแร่ดาราเงินสายใหญ่อยู่ คนพวกนั้นจึงพากันมุ่งหน้าออกไปหาโอกาสสร้างโชคให้ตัวเอง
จางหยวนเหลียวก็ทำเช่นเดียวกัน เมื่อได้รับข่าว เขาก็รีบมุ่งหน้าเข้าสู่เทือกเขาสีเลือดในทันที โดยหวังว่าตนจะได้รับโชคที่ยิ่งใหญ่สักครั้งในชีวิต
แม้ว่าผู้ฝึกตนจะไม่เคยขาดเงินเพราะพวกเขาสามารถผลิตหินพลังต้นกำเนิดด้วยตนเองได้ แต่ในทางกลับกัน ความจำเป็นในการหาทรัพยากรดี ๆ มาฝึกฝนก็ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนนั้นขาดแคลนเงินมากกว่าใคร นอกจากนี้การผลิตหินพลังต้นกำเนิดยังส่งผลกระทบต่อการฝึกฝน แม้จะทำงานหนักเป็นเวลา 1 ปีเต็มก็ผลิตหินพลังต้นกำเนิดได้เพียง 300 ถึง 400 ก้อนเท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่เพียงพอที่จะใช้
นี่จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดกลายเป็นพวกที่ต้องการความมั่งคั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และไล่คว้าทุกโอกาสที่พวกเขาสามารถคว้าได้ไปโดยปริยาย
สายแร่ดาราเงินในหุบเขามรกตถือเป็นโอกาสที่ดีและหายากอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องการบอกเจ้า แม้ว่าหุบเขามรกตจะไม่มีผู้ถือครอง ทุกคนที่ต้องการไปที่นั่นต่างก็สามารถเข้าไปได้ตามต้องการ และเพราะเหตุนี้เมื่อมันไม่มีคำสั่งหรือข้อจำกัดใด ๆ ข้อพิพาทมากมายก็ย่อมจะตามมา ไม่มีกฎและจริยธรรมที่นั่น แม้ว่าผู้ใดจะกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่มีผลกระทบใด ๆ ตามมา ความชั่วร้ายในใจจะขยายใหญ่ขึ้นและผู้อ่อนแอจะกลายเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง นี่คือเหตุผลที่ข้าต้องการร่วมมือกับเจ้า หากเราร่วมมือกัน เราอาจจะสามารถสร้างสถานที่ที่เป็นของเราเองที่นั่นได้”
จางหยวนเหลียวอ้อนวอน เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้กับเป้าหมายที่จะเป็นพันธมิตรกับซูเฉิน
ซูเฉินไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลย เขาตอบกลับแค่ “โอ้” แล้วกินเนื้อต่อไป
“เจ้าไม่สนใจเลยเหรอ?” จางหยวนเหลียวค่อนข้างแปลกใจ “เรากำลังพูดถึงแร่ดาราอยู่นะ! แร่ดาราเพียงแค่ชิ้นเดียวก็มีมูลค่านับ 10 หรือหลาย 100 หินพลังต้นกำเนิดแล้วนะ!”
“แต่มันก็ยังต้องไปคอยอยู่ที่นั่นเพื่อขุดมันออกมาใช่ไหม?” ซูเฉินตอบกลับ “ข้าอยากอยู่ที่นี่และต่อสู้กับอสูรร้าย กินเลือดและเนื้อ เก็บเกี่ยวผืนหนังผืนขนของพวกมัน นอกจากนี้การอยู่ที่นี่ข้ายังสามารถฝึกฝนร่างกายของข้าและสะสมประสบการณ์มากกว่า การไปขุดหาโชคในเหมืองแร่”
“นั่นมันช้าเกินไป!” จางหยวนเหลียวถอนหายใจ “ผู้คนจะไม่มีทางรวยหากพวกเขาไม่มีโชคลาภ!”
“นั่นคือหลักการชีวิตของเจ้าหรือ?” ซูเฉินหัวเราะ “งั้นข้าก็คงไม่สามารถตกลงอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ โอ้ ขวดเครื่องเทศอยู่ที่ไหน? หยิบมันให้ข้าที ข้าต้องการโรยใส่เนื้อเพิ่มอีกหน่อย”
จางหยวนเหลียวหันมองไปรอบ ๆ และพึมพำ “แปลกจริง เมื่อครู่มันก็อยู่ตรงนี่นี้ ข้าเอาไปวางไว้ไหนแล้วนะ?”
จางหยวนเหลียวมองไปรอบ ๆ ทว่าก็หามันไม่พบ
“หากเจ้าหาไม่เจอก็มันช่างเถอะ ยังไงซะข้าก็อิ่มแล้ว”
“เจ้าจะไปแล้ว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)