ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 82

บทที่ 82 ประมือกับผู้มีขั้นพลังด่านกลั่นโลหิต (4)

ทางทิศตะวันออกมีลิงสายพันธุ์หนึ่งที่ถูกเรียกว่า ‘วานรเสน่หา’ มันชอบเล่นมุขตลกโดยใช้ภาพลวงตา เมื่อมีผู้ใดก็ตามที่ติดอยู่ในภาพลวงตาของพวกมัน พวกเขาจะไม่สามารถแยกตัวเองออกจากภาพลวงตานั้นได้เลย

นี่คือลักษณะบุคลิกของวานรเสน่หา

วานรเสน่หาคืออสูรที่เชี่ยวชาญด้านภาพลวงตา มันสามารถสร้างภาพลวงตาขนาดใหญ่และทรมานคู่ต่อสู้จนตายด้วยภาพลวงตาเหล่านั้น อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าพวกมันเป็นอสูรที่อ่อนแอ แม้ว่าชื่อของพวกมันจะดูบอบบาง แต่ร่างกายพวกมันกลับค่อนข้างแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างมาก มันมีทักษะต้นกำเนิดในการต่อสู้ระยะใกล้ที่ทรงพลัง และความสามารถในการต่อสู้ระยะไกลผ่านทักษะภาพลวงตา พวกมันจึงถูกจัดเป็นหนึ่งในอสูรร้ายต่อกรด้วยลำบาก และชวนปวดหัวเป็นที่สุด

ด้วยเหตุนี้สายเลือดของวานรเสน่หาจึงเป็นสมบัติที่หายากยิ่งในหมู่มนุษย์ ผลคือมีผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดมากมายพากันไล่ตามหามันอย่างบ้าคลั่ง

ในยามนั้นอารามนิรันดร์ได้ใช้สายเลือดของวานรเสน่หาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับความภักดีของหลี

แม้ว่าจะมันเป็นเพียงสายเลือดผสม แต่มันก็ช่วยให้ความแข็งแกร่งของหลีพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนกล่าวได้ว่าทั้งทักษะภาพลวงตาที่แข็งแกร่งและการบรรลุเข้าสู่ด่านกลั่นโลหิตนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับสายเลือดวานรเสน่หาของเขา

ครั้งหนึ่ง หลีเคยคิดว่านอกเหนือจากผู้ที่มีภูมิหลังเป็นคนชั้นสูงแล้ว คงมีเพียงผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่มากนัก ที่จะสามารถบังคับให้เขาต้องใช้พลังสายเลือดออกมา

หลีไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าวันนี้ เขาจะถูกบังคับให้ต้องใช้สายเลือดของเขาเพื่อจัดการกับเด็กรุ่นหลัง

“พวกเจ้าจงตายกันซะให้หมด!” หลีตะโกนขึ้นอย่างดุร้าย

ขณะที่พูดร่างกายที่ผอมบางและดูอ่อนแอของหลีก็พลันขยายออกทันที กล้ามเนื้อขนาดใหญ่พลุ่งพล่านเปี่ยมไปด้วยพลังเริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น ร่างกายของเขาพองตัวเหมือนลูกบอลที่ถูกสูบอากาศเข้าไป

ในมือของหลี ไม้เท้าที่สร้างจากการควบแน่นของพลังต้นกำเนิดค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น

เมื่อได้เห็นฉากนี้ การแสดงออกของซูเฉินก็เริ่มกลับมาจริงจังมากขึ้น

ที่ผู้ฝึกฝนด่านกลั่นโลหิตถือเป็นผู้ฝึกฝนด่านกลั่นโลหิตได้นั้น ไม่ใช่แค่เพราะพลังต้นกำเนิดของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกฝนด่านก่อเกิดลมปราณ หรือเพราะศักยภาพทางร่างกายที่พัฒนาขึ้น เหตุผลของช่องว่างระหว่างทั้ง 2 นั่นคือความสามารถในการกระตุ้นพลังที่แท้จริงของสายเลือด

ผู้ฝึกฝนด่านกลั่นโลหิตสามารถกลั่นกรองพลังของสายโลหิตที่แท้จริงได้!

หลังจากที่โลหิตถูกกลั่นแล้ว ความแข็งแกร่งแบบใดจะกระตุ้นให้ระเบิดพลังออกมานั้น แต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปตามสายเลือดของพวกเขาเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ

หลังจากที่หลีผู้เดินบนเส้นทางของปรมาจารย์ภาพมายากระตุ้นสายเลือดแล้ว เผยให้เห็นถึงรูปแบบการต่อสู้ระยะประชิดออกมานั้น ทำให้ซูเฉินค่อนข้างแปลกใจ

แม้ว่าวานรเสน่หาจะไม่ได้อ่อนแอในเรื่องของการต่อสู้ระยะประชิด แต่มันก็ยังคงอาศัยการโจมตีด้วยภาพลวงตาเป็นหลัก ส่วนตัวหลีนั้นสามารถกล่าวได้ว่าเขาเป็นเพียงแค่พวกเลือดผสม ย่อมไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของวานรเสน่หาออกมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นความแข็งแกร่งที่ปะทุขึ้นของอีกฝ่าย ก็ยังทำให้ซูเฉินรู้สึกกดดันอยู่ดี

หลีโบกไม้เท้าพลังต้นกำเนิดของเขาขึ้นและพูดอย่างหงุดหงิด “ไอ้เด็กบ้า ข้าจะทุบร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ !”

เมื่อพูดจบหลีก็เหวี่ยงไม้เท้าตรงเข้าใส่หัวของซูเฉินอย่างรวดเร็ว จนทิ้งเงาติดตาจากไม้เท้านั่นเอาไว้

กังเหยียนรีบพุ่งตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับเสียงคำราม หลีไม่ได้หลบไปไหน เขาสร้างกำแพงขึ้นมาต้านการโจมตีโดยตรง ลายสลักเลือดทลายกำแพงที่ขวางกั้นและแทงลงบนร่างกายของหลี อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาแข็งแกร่งราวกับหิน มันเหลือทิ้งไว้เพียงบาดแผลตื้น ๆ เท่านั้น

แม้ว่ากำแพงจะเป็นตัวช่วยดูดซับแรงส่วนใหญ่ไป แต่ความสามารถในการป้องกันอันทรงพลังของกล้ามเนื้อของเหล่านั้นก็ยังคงเรียกได้ว่าน่าทึ่ง

ในเวลาเดียวกัน หลีก็โจมตีกลับด้วยไม้เท้าของเขา 13 ครั้งติดลงบนเกราะหลอมทอง แรงกระแทกที่กระหน่ำลงมาส่งกังเหยียนกระเด็นขึ้นสู่อากาศอย่างแรง จากนั้นหลีก็รีบถอยกลับพร้อมหลบการโจมตีจากซูเฉินและเหวี่ยงไม้เท้าอีกครั้ง คราวนี้มันเคลื่อนผ่านขากรรไกรล่างที่ดูเหมือนเคียวทั้ง 2 ข้างของแมลงกินเหล็กและฟาดเข้าที่กรามล่างจัง ๆ ส่งมันบินตามกังเหยียนไป การเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว แข็งแกร่งและทรงพลัง มันแสดงให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของผู้เชี่ยวชาญด่านกลั่นโลหิตอย่างชัดเจน

ทว่ามันยังไม่จบ วินาทีต่อมาหลีก็โบกมือของเขา ก่อนที่จะปรากฏมุสิกวิญญาณจำนวนมากขึ้นมาไล่กัดซูเฉินอีกครั้ง จากนั้นทักษะภาพลวงตาก็ถูกใช้ออกกับแมลงกินเหล็ก อย่างไรเสียมันก็ยังเป็นสายเลือดของวานรเสน่หา หลังจากกระตุ้นมัน แม้แต่พลังจิตที่อ่อนล้าก็ฟื้นกลับคืนมา ทำให้หลี่เปิดใช้งานทักษะภาพลวงตาของเขาได้อีกครั้ง

จากนั้นหลีก็ส่งกรงเล็บหมาป่าพิษไปหากังเหยียน ส่งอีกฝ่ายให้บินออกไปอีกครั้ง ก่อนจะกระแทกไม้เท้าพลังต้นกำเนิดในมือลงกับพื้น

“ออกมา!”

ท่ามกลางเสียงคำราม ควันมากมายปรากฏขึ้นและจานกลมสีเงินก็ลอยออกมาสู่อากาศ

การทำลายแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดนี้ คือเป้าหมายที่แท้จริงของหลี

ในขณะที่ไม้เท้าพลังต้นกำเนิดกำลังจะกระแทกลงบนแผ่นรูปแบบต้นกำเนิด ทันใดนั้นแสงสีเงินเรืองรองก็เปล่งประกายออกมาจากแผ่นรูปแบบต้นกำเนิด ร่างกายของหลีหยุดชะงัก การเคลื่อนไหวของเขาช้าลง แม้กระทั่งความแข็งแกร่งของเขาก็ลดลงด้วยเช่นกัน

ซูเฉินใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ หยิบปืนนักล่าเพลิงออกมาแล้วเล็งยิงไปที่หลี

ผิวที่เต่งตึงและทนทานนั้น ถูกกระสุนเจาะลึกเข้าไปได้ในทันที ร่างกายเหมือนอันแข็งแกร่งของหลีปรากฏรูอีกมากขึ้นในทันใด แม้ว่าหลีจะใช้วิชาลดความเจ็บปวดกับตัวเอง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมา “ระงับสายเลือด?”

“ไร้สาระเสียจริง!” ซูเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา

ในเมื่อประคำเห็นกระจ่างสามารถต่อต้านทักษะภาพลวงตาได้อยู่แล้ว แล้วทำไมเขาถึงยังต้องเตรียมการสร้างเวทย์ต้นกำเนิดเอาไว้ด้วยล่ะ?

ปกติแล้วการสร้างคาถาต้นกำเนิดไม่เพียงแต่จะป้องกันทักษะภาพลวงตาเท่านั้น แต่ยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีก ตัวอย่างเช่นมันสามารถต่อต้านการโจมตีจากคำสาป อาทิ วิชากาฬโรคดำเหลือง หรืออาจจะใช้มันเพื่อต่อต้านสายเลือดที่มีทักษะภาพลวงตาก็ได้!

ถูกต้อง ตั้งแต่ที่ซูเฉินได้เริ่มเตรียมการเอาไว้มากมาย มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่เตรียมการในส่วนสายเลือดของวานรเสน่หาเอาไว้

แผ่นรูปแบบการสร้างเวทย์ต้นกำเนิดนี้ออกแบบมาเพื่อระงับสายเลือดของวานรเสน่หา

น่าเสียดายที่แผ่นรูปแบบการสร้างเวทย์ต้นกำเนิดมีไว้ระงับทักษะภาพลวงตาเป็นหลัก ความแข็งแกร่งที่หลีได้รับจากสายเลือดของวานรเสน่หาส่วนใหญ่นั้นเป็นพลังกาย ดังนั้นมันจึงไม่สามารถแสดงศักยภาพทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามมันก็ยังสามารถระงับสายเลือดของอีกฝ่ายได้ในระดับหนึ่ง

แม้ว่าหลีจะได้รับบาดเจ็บ แต่ทว่าท่าทีโหดเหี้ยมของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลย เขาตะโกนขึ้นอีกครั้ง “เปิด!”

หลีเปิดใช้งานทักษะภาพลวงตาอีกครั้ง ตัวเขา 4 คนปรากฏตัวพร้อม ๆ กัน ไม้เท้าพลังต้นกำเนิดทั้ง 4 พุ่งเข้าหาแมลงกินเหล็ก กังเหยียน ซูเฉินและแผ่นรูปแบบการสร้างเวทย์ต้นกำเนิด เด็กหนุ่มไม่สามารถบอกได้เลยว่าอันไหนคือของจริง

คราวนี้หลีใช้ทักษะออกอย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวของร่างทั้ง 4 นั้นเหมือนกันทุกประการ

อย่างไรก็ตามซูเฉินไม่จำเป็นจะต้องระบุว่าฝั่งไหนคือของจริง

ซูเฉินเปิดใช้งานรองเท้าย่ำเมฆีและก้าวย่างหมอกอสรพิษ หลบหลีกหลีที่โจมตีเข้ามาหาเขาและใช้ดาบหมาป่าสวรรค์กลืนจันทร์แทงเข้าหาหลีคนที่กำลังโจมตีแผ่นรูปแบบการสร้างเวทย์ต้นกำเนิด เด็กหนุ่มไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรนอกจากการปกป้องแผ่นรูปแบบ

ปัง!

ภาพลวงตาแตกสลายไป

มันเป็นของปลอม

ซูเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นการคำนวณผิดครั้งแรกของเขา ร่างจริงของหลีไม่ได้โจมตีแผ่นรูปแบบการสร้างเวทย์ต้นกำเนิด

ทันใดนั้นหลีคนที่โจมตีแมลงกินเหล็กอยู่ก็หันกลับมา และส่งไม้เท้าพลังต้นกำเนิดให้พุ่งเข้าหาหน้าอกของซูเฉิน “นี่ต่างหากร่างจริง!”

หลีหัวเราะเสียงดัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)