บทที่ 83 สมบัติ
หลังจากการต่อสู้ที่รุนแรงและยากลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็น หลีก็ได้ตายลงในที่สุด
ทันทีที่หลีล้มลง ซูเฉินกับกังเหยียนก็ทิ้งตัวลงนั่งในเวลาเดียวกัน
อาการบาดเจ็บของซูเฉินไม่เบาและสภาพของกังเหยียนเองก็ไม่ได้สู้ดีมากนัก แม้ว่าชายร่างใหญ่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็สวมชุดเกราะที่หนักมากและใช้มีดสั้นริ้วดำที่กินแรงกายอย่างยิ่ง ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมจิตวิญญาณของเขาที่ต้องต่อต้านภาพลวงตาอย่างหนักและจนแทบจะตายเนื่องจากความเหนื่อยล้านั่นอีก
ซูเฉินกุมท้องของเขาเพื่อห้ามเลือด ส่วนกังเหยียนนั้นได้แต่นอนปวกเปียกอยู่บนพื้น เขาไม่สามารถยกนิ้วขึ้นได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว
ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของหลีนั้นน่าตกใจจริง ๆ มันทำให้ซูเฉินตระหนักถึงช่องว่างของพลังที่เกิดจากความแตกต่างของระดับการฝึกฝน
หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าซูเฉินเตรียมการมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และไม่ลังเลที่จะซื้อประคำเห็นกระจ่าง แผ่นรูปแบบการสร้างเวทย์ต้นกำเนิด มีดบินพลังต้นกำเนิด กระจกพิทักษ์ใจ รองเท้าย่ำเมฆี ยันต์พลังต้นกำเนิดกับคัมภีร์ต้นกำเนิด และยารักษาอีกจำนวนมากเอาไว้ เขาคงไม่มีโอกาสชนะ
อาจกล่าวได้ว่าในการต่อสู้ครั้งนี้หลีไม่ได้ตายเพราะความแข็งแกร่งของซูเฉิน แต่เป็นเพราะแผนการและความมั่งคั่งของเขา
ฝ่ายหนึ่งมีความเข้าใจคู่ต่อสู้อย่างลึกซึ้งมีมาตรการรับมือทุกอย่าง รู้รากฐานและรูปแบบของคู่ต่อสู้และใช้เงินของเขาเพื่อเอาชนะ ในขณะที่อีกฝ่ายตัดสินใจผิดพลาดอย่างต่อเนื่อง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูเฉินไม่ได้ตาบอด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะพ่ายแพ้ให้แก่คนที่อ่อนแอกว่า
จากการต่อสู้ครั้งนี้ซูเฉินได้เรียนรู้บทเรียนที่ลึกซึ้งนั่นคือ ห้ามเปิดเผยกลยุทธ์ของตัวเองง่าย ๆ เพราะยิ่งเปิดเผยความแข็งแกร่งของตนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสตกเป็นเป้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้สามารถจัดการได้ภายหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการดูดซับพลังต้นกำเนิดที่กระจายออกมาจากร่างกายของหลีต่างหาก
เมื่อผู้ฝึกตนเสียชีวิต พลังต้นกำเนิดจะยังเหลืออยู่ให้ผู้อื่นสามารถมาดูดซับเอาไปได้
ก่อนหน้านี้ซูเฉินไม่สามารถดูดซับมาได้เพราะมีผู้คนอยู่รอบ ๆ มากเกินไป แต่ยามนี้มีเพียงแค่เขากับกังเหยียนเท่านั้น เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องสุภาพ
ซูเฉินกดให้เกราะหลอมทองเปิดออก จากนั้นเขาก็ลากกังเหยียนออกมา และเริ่มช่วยแนะนำให้เขาดูดซับจุดแสงพลังต้นกำเนิด
ในขณะที่พวกเขาดูดซับจุดแสงพลังต้นกำเนิด พลังของซูเฉินกับกังเหยียนก็ฟื้นกลับมาเล็กน้อย
ดูเหมือนว่ากังเหยียนจะไม่ได้ครุ่นคิดอะไรเกี่ยวกับการต่อสู้เมื่อครู่มากมายนัก ขณะที่ดูดซับพลังต้นกำเนิดเขาก็กล่าวว่า “เราฆ่าผู้ฝึกฝนด่านกลั่นโลหิตไปแล้ว นายท่าน เราฆ่าผู้ฝึกฝนด่านกลั่นโลหิตขั้นปลายไปแล้วจริง ๆ !”
“ใช่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าโอ้อวด” ซูเฉินมุ่งความสนใจไปที่การดูดซับจนกระทั่งจุดแสงพลังต้นกำเนิดจุดสุดท้ายสลายไป
ในสายตาของซูเฉิน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรน่าอวดมากนัก อย่างไรเสียเขาก็ได้เปรียบในเรื่องของจำนวน ซูเฉินเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ไว้ล่วงหน้าแล้วและยังได้ใช้หินพลังต้นกำเนิดนับหมื่นเพื่อการนั้น นอกจากนี้คู่ต่อสู้ของเขายังเป็นปรมาจารย์ภาพมายา ที่ไม่เหมาะกับการต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้าและใช้พลังไปมากมายก่อนหน้านี้
“นั่นเป็นเพราะเส้นทางของนายท่านเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น สักวันนายท่านต้องสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับสูงยิ่งกว่าท่าน ด้วยความแข็งแกร่งของท่านเองได้อย่างแน่นอน” กังเหยียนกล่าวขณะที่เขาถอดรองเท้าออก
หลังจากจบการต่อสู้ในครั้งนี้ ในที่สุดรองเท้าย่ำเมฆีก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
“โอ้? เจ้ามั่นใจในตัวข้ามากขนาดนั้นเชียวหรือ?” ซูเฉินยิ้ม
กังเหยียนพยักหน้าอย่างแรง บ่งบอกว่าเขาไม่ได้พยายามประจบซูเฉินแต่อย่างใด
“ได้ ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าพูด ข้าจะสู้เพื่อให้บรรลุถึงวันที่สิ่งที่เจ้าพูดมากลายเป็นความจริง” ซูเฉินลุกขึ้นยืนกุมหน้าท้องแน่น หลังจากใช้ยารักษาไปแล้ว บาดแผลของเด็กหนุ่มก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามพิษของกรงเล็บหมาป่าพิษนั้นค่อนข้างน่ารำคาญ การจะกำจัดมันให้หมดนั้นต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามผลกระทบของพิษก็ได้ทุเลาลงแล้ว
“สำหรับตอนนี้ เราควรดูว่ามีสมบัติมากแค่ไหนที่เราต่อสู้อย่างหนักเพื่อมัน หากลี่หมิงถังเก็บของไว้แค่เพียงเล็กน้อยมันก็คงจะไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่” ซูเฉินกล่าว
สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ซูเฉินใช้หินพลังต้นกำเนิดไปเกือบ 30,000 ก้อน แม้ว่าเขาจะยังมีเงินเหลืออยู่เล็กน้อยแต่เขาก็ยังจ่ายไปเยอะอยู่ดี หากไม่สามารถเก็บค่าใช้จ่ายคืนมาได้ ที่ใช้ไปมันก็คงจะเปล่าประโยชน์
เด็กหนุ่มไม่ได้รับผลประโยชน์จากร่างกายของหลีมากนัก ของมีค่าที่อีกฝ่ายครอบครองนั้นพังลงไม่ก็ถูกใช้ไปแล้วทั้งนั้น สิ่งที่เหลืออยู่คือแหวนทองคำบริสุทธิ์ธรรมดา ๆ เพียงวงเดียวบนร่างกาย ยาเม็ดและเศษเหล็กไร้ค่า โดยรวมแล้วมันมีมูลค่าเพียงไม่กี่ร้อยหินพลังต้นกำเนิดเท่านั้น
โชคดีที่จุดประสงค์หลักไม่ใช่ของบนร่างของหลี
เมื่อเข้าไปในห้องแห่งความลับห้องที่ 2 ซูเฉินก็เห็นหีบเหล็กขนาดใหญ่
ซูเฉินยังคงให้กังเหยียนสวมเกราะหลอมทองไปเปิดมัน อย่างไรก็ตามครานี้ไม่มีกลไกลับใด ๆ อยู่ในกล่อง มันมีเพียงทองคำ เงินและอัญมณีจำนวนมาก
มีอัญมณีอยู่เพียงไม่กี่เม็ดในหีบนั้น พวกมันมีค่าและหายากอย่างยิ่ง มูลค่าของพวกมันสูงมาก ซูเฉินคำนวณไว้ว่าอัญมณีกล่องนี้มีมูลค่า 50,000 ตำลึงทอง หากรวมเข้ากับเงินอีก 20,000 ที่ได้จากด้านนอกห้องลับ และ 30,000 จากร้านนามทองคำ ทั้งหมดก็จะเท่ากับ 100,000 พอดิบพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)