ค่อนข้างน่าประหลาด ทั้งที่กรุงเบ็คลันด์มีฝนตกชุดตลอดทั้งปี มีแดดชนิดนับวันได้ แต่เมื่อออกมาทางชานเมืองไม่ไกลมาก สภาพอากาศกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง จากบรรดาทั้งหมด ชานเมืองแถมตะวันตกเฉียงเหนือมีความชัดเจนที่สุด ที่นี่เป็นสถานที่ปลูกองุ่นชื่อดังของทวีปเหนือ แต่เมื่อเดินทางเลียบแม่น้ำทัสซอคต่อไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณห้าสิบกิโลเมตร สภาพอากาศจะกลับไปเป็นเหมือนเบ็คลันด์อีกครั้ง
สถานการณ์ข้างต้นทำให้แม้แต่นักอุตุนิยมวิทยาก็ยังเต็มไปด้วยคำถาม มิอาจหาทฤษฎีมารองรับ แต่สำหรับไคลน์ มันพอจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือ
ในยุคสมัยที่สี่ แถบนี้คือเมืองหลวงของจักรวรรดิร่วม ‘ทูดอร์-ทรันซอสต์’ แต่ในภายหลัง ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์ได้ละทิ้งความเป็นมนุษย์และกลายเป็นเทพเสียสติ ส่งผลให้สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรในพื้นที่เล็กๆ สิ่งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ปรกติในโลกผู้วิเศษ – ทฤษฎีนี้สอดคล้องกับข้อมูลที่เลียวนาร์ด·มิเชลเล่าในช่วงเวลาแลกเปลี่ยนอิสระของชุมนุมทาโรต์
นอกจากนั้น เนื่องจากเป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อาจเป็นจุดแรกๆ ที่มีมนุษย์อาศัย ส่งผลให้ใต้ดินของ ‘ดินแดนแห่งความหวัง’ แห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง โดยพวกมันมีแนวโน้มที่จะสร้างอิทธิพลต่อสภาพอากาศ
รถม้าแล่นเข้าสู่คฤหาสน์เพลงกุหลาบ ผ่านบ่อน้ำพุและสวนเล็กๆ ที่รายล้อมด้วยบ้านหลังใหญ่ จนกระทั่งหยุดลงที่ด้านนอกประตูหลัก
ขณะไคลน์และพ่อบ้านวอลเตอร์ลงจากรถม้า มันเห็นริชาร์ดสัน คนดูแลคฤหาสน์ นำคนใช้และสาวใช้ออกมายืนเรียงแถวต้อนรับหน้าประตู
เทียบกับบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ที่นี่มีคนรับใช้มากกว่า แต่เป็นเกรดต่ำกว่า
ชำเลืองริชาร์ดสันที่แต่งกายสุภาพในรูปลักษณ์ใหม่ ไคลน์ยิ้มและพยักหน้า
“ทำได้ดี”
โดยไม่รอให้ริชาร์ดสันตอบ มันถอดหมวกและยื่นไม้ค้ำให้บุรุษรับใช้เอ็นยูน พลางเอ่ยปากถาม
“เตรียมห้องพูดคุยสำหรับสตรี และห้องเล่นไพ่สำหรับบุรุษไว้หรือยัง?”
“เตรียมแล้วครับ พร้อมกับไพ่โปเกอร์ ไพ่ทาโรต์ และเกมกระดานอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงเปียโนและเครื่องดนตรีพื้นฐานอย่างไวโอลินก็ถูกย้ายเข้าไปแล้วเช่นกัน” ริชาร์ดสันรายงาน
ไคลน์เดินผ่านเข้าไปในประตู พยักหน้ารับและกล่าว
“ห้องสูบบุหรี่ของบุรุษอยู่ไหน?”
“เช่นเดียวกันกับห้องของสตรี ทั้งหมดอยู่บนชั้นสอง แบ่งออกเป็นห้าห้อง” ริชาร์ดสันตอบโดยไม่ต้องหันไปถามคนรับใช้ของคฤหาสน์ ไม่แม้แต่จะทำหน้านึก
เพื่อให้กิจกรรมล่าสัตว์ครั้งแรกของนายจ้างออกมาสมบูรณ์แบบ ริชาร์ดสันจัดการทุกสิ่งอย่างประณีต ไม่ปล่อยให้มีรายละเอียดเล็กน้อยตกหล่น แม้จะเป็นงานที่เหนื่อยกายมาก แต่ภายในใจกลับตื่นเต้น
ไคลน์ถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารค่ำและห้องพักแขก ทั้งหมดถูกยืนยันว่าจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว
ผ่านไปสักพัก แขกกลุ่มแรกนับตั้งแต่คฤหาสน์หลังนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเริ่มทยอยมาถึง – ชื่อของมันถูกเปลี่ยนจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบเป็นคฤหาสน์ดันเตส
แขกกลุ่มที่ว่าก็คือ: ครอบครัวมัคท์!
“ใหญ่กว่าคฤหาสน์กวางมูสของผมเสียอีก” มัคท์ยิ้มพลางถอดเสื้อนอก ส่งต่อให้บุรุษรับใช้พร้อมกับกล่าวชื่นชม “ผมได้ยินมาว่าไวน์ของเพลงกุหลาบนั้นเป็นของชั้นเลิศ แต่ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองสักที วันนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว”
“หวังว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ไคลน์ยิ้มตอบอย่างสุภาพ
เนื่องจากเป็นไร่องุ่นที่โด่งดังของทวีปเหนือ แชมเปญ ไวน์แดง และไวน์ขาวล้วนมีคุณภาพสูง แต่คฤหาสน์ส่วนใหญ่มีขุนนางเป็นเจ้าของ เครื่องดื่มชนิดต่างๆ จึงไม่ถูกนำไปวางขายทั่วไป ส่งผลให้มีคนจำนวนไม่มากที่เคยได้ยินเรื่องนี้ กำจัดวงเฉพาะชนชั้นสูงและบรรดาผู้เชี่ยวชาญ
เพลงกุหลาบคือหนึ่งในคฤหาสน์ที่โด่งดังที่สุดด้านนี้ ไวน์ที่บ่มเองถูกยกย่องอย่างกว้างขวางว่ามีรสชาติยอดเยี่ยม ไวน์แดงชนิดพิเศษในบางปีจะมีราคากว่าหลายร้อยปอนด์ในสายตานักสะสม
ทว่า ไคลน์ที่สามารถซื้อคฤหาสน์หลังนี้ได้ในราคาเพียงสองหมื่นปอนด์ ย่อมต้องตกลงเงื่อนไขเพิ่มเติมกับผู้ขาย นั่นก็คือ ไวน์ชนิดพิเศษจากเหล้าองุ่นทั้งหมดที่คฤหาสน์ผลิตได้ ต้องถูกมอบให้ตระกูลดยุคนีแกน
ส.ส. มัคท์ย่อมทราบข้อมูลดังกล่าว จึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ชิมไวน์ชนิดพิเศษที่แสนโด่งดัง ทำเพียงยิ้มให้อีกฝ่ายและกล่าว
“คุณลองเปิดไวน์ที่เหลือและแบ่งใส่แก้วให้ผม ทางนี้จะช่วยจำแนกว่าแก้วใดโดดเด่นที่สุด”
แม้จะอยู่ในแวดวงชนชั้นสูง แต่ส.ส. มัคท์ก็ยังไม่เคยดื่มไวน์ของคฤหาสน์เพลงกุหลาบมาก่อน เหตุผลก็ไม่ซับซ้อน มันเป็นสมาชิกของพรรคหัวก้าวหน้า ส่วนดยุคนีแกนอดีตเจ้าของคฤหาสน์ เป็นถึงเสาหลักของพรรคอนุรักษนิยม
“ไม่มีปัญหา” ไคลน์ตกปากรับคำ สายตาชำเลืองไปทางใบหน้าเฮเซลด้านข้าง
เทียบกับช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้ร่าเริงขึ้นมาก เลิกประหม่าในยามที่ต้องพบเจอคนแปลกหน้า เมื่อก่อนแทบไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงใดๆ จนคนอื่นคิดว่าเธอป่วย
และความดีความชอบทั้งหมดต้องยกให้ ‘จัสติส’ ออเดรย์ ในตอนที่ได้คุยกับดอน·ดันเตสในสำนักงานกองทุนการกุศล เธอเล่าว่าตนเพิ่งได้พบกับมิสเฮเซลมาสองครั้ง
หากฟังผ่านๆ ประโยคของหญิงสาวจะไม่มีสิ่งผิดปรกติ เพราะเฮเซลเป็นคนรู้จักของทั้งออเดรย์และดันเตส เป็นจุดร่วมของคนทั้งสอง ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะหยิบยกมาพูดคุยในบทสนทนา แต่ไคลน์สามารถอ่านความนัยแฝงได้ว่า มิสจัสติสเพิ่งได้พบกับมิสเฮเซลมาสองครั้งในงานเลี้ยง และทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากพาครอบครัวมัคท์ไปยังห้องพัก ไคลน์ต้อนรับแขกกลุ่มที่สองที่เข้าร่วมกิจกรรมล่าสัตว์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้
พลตรีโจนาส·โคลเกอร์ มาพร้อมกับเพื่อนที่ระบุไว้ล่วงหน้า
สำหรับเพื่อนคนนี้ ไคลน์รู้จักอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่รู้จักดอน·ดันเตส ชื่อของมันคือฟามี่·เคจ เจ้าของธุรกิจรถยนต์พลังไอน้ำ และยังเป็นหุ้นส่วนหลักในบริษัทจักรยาน มันอาศัยทนายที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้วิเศษเส้นทางนักกฎหมาย เจรจาซื้อหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์จากเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ในราคาต่ำ
เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับนักกฎหมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นเพื่อนกับ ‘เคาต์แห่งการร่วงหล่น’ … ไคลน์ยิ้มและก้าวไปข้างหน้า กอดทักทายกับพลตรีโจนาสและฟามี่·เคจ
“ยินดีต้อนรับ”
จากนั้น มันถอยหลังกลับเล็กน้อย กล่าวกับชายร่างสูงอวบที่เป็นลูกเสี้ยวฟุซัค ฟามี่·เคจเจ้าของดวงตาสีฟ้าอ่อน
“ผมได้ยินกิตติศัพท์ของรถพลังไอน้ำของมาไม่น้อย ทำไมวันนี้ถึงไม่ขับมาหรือ?”
ยังไม่ทันที่ฟามี่·เคจจะตอบ โจนาส·โคลเกอร์มาดดุดันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อย่า… คุณอย่าเปิดโอกาส… ไม่อย่างนั้นเขาจะโอ้อวดสรรพคุณของรถพลังไอน้ำไม่หยุด… น่าเสียดายที่รถคนนั้นหนักไปหน่อย ติดอยู่ในหล่มโคลนจนขับไปไหนไม่ได้ โชคดีที่ผมไม่เคยเชื่อในคำคุย ตัดสินใจขับรถม้าตามหลังมา ไม่อย่างนั้น เขาต้องเดินเท้าต่อจนกระทั่งถึงคฤหาสน์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ