สรุปตอน ราชันเร้นลับ 1029 : โบราณสถานหมายเลขหนึ่ง – จากเรื่อง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet
ตอน ราชันเร้นลับ 1029 : โบราณสถานหมายเลขหนึ่ง ของนิยายInternetเรื่องดัง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ในฐานะที่เป็นครึ่งเทพมากประสบการณ์ของกองทัพ มันเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี เสียงฝีเท้าแห่งความตายกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้
มันต้องการที่จะสู้จนตัวตาย ต้องการเผยร่างสัตว์ในตำนาน ทว่า คำสั่งที่ส่งออกไปอย่างเชื่องช้ากลับไม่แสดงผลใดๆ
ร่างกายของมันกำลังถูก ‘ปรสิต’ สิงร่างจนมิอาจควบคุม!
ในวินาทีนี้ โจนาส·โคลเกอร์มิอาจทำได้แม้กระทั่งการหลั่งน้ำตา
ท่ามกลางแสงเงาจากดวงจันทร์ยักษ์สีแดง กระแสเวลาไหลผ่านไปวินาทีแล้ววินาทีเล่า จนกระทั่งโจนาส·โคลเกอร์ยกมือซ้ายขึ้นมาสัมผัสเส้นผมตัวเอง
มันกลายเป็นหุ่นเชิดของไคลน์เรียบร้อยแล้ว
อันที่จริง ในช่วงสุดท้าย มันมีโอกาสเอาชีวิตรอด เนื่องจากระยะเวลาของกระสุนปรสิตนั้นน้อยกว่าระยะเวลาในการเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดโดยสมบูรณ์ ช่องว่างประมาณสองถึงสามวินาทีดังกล่าวคือช่วงที่มันสามารถเผยร่างสัตว์ในตำนานและยื้อชีวิต
แต่ปัญหาก็คือ มันยังอยู่ในผลของกระสุนหลอกลวง แถมความคิดก็ยิ่งเฉื่อยชามากขึ้นทุกขณะ หมดโอกาสตระหนักถึงโอกาสสั้นๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว
ไคลน์จ้องหุ่นเชิดตัวใหม่ หายใจเข้าออกเงียบงัน เงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ยักษ์สีแดงและกล่าว
“จบแล้ว”
ท่ามกลางพระจันทร์สีแดงดวงใหญ่ จุดดำจุดหนึ่งโผล่ขึ้นและร่อนลงมาทันที ไม่ใช่ใครนอกจากสตรีที่สวมเสื้อคลุมเรียบง่าย หัวหน้าสิบสามอาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์รัตติกาล ‘บริวารอำพราง’ อาเรียนน่าผู้สวมเข็มขัดเปลือกไม้
ท่ามกลางโลกแห่งความลับ ผู้บำเพ็ญตนรายนี้มิได้ใช้พลังพิเศษ แต่กลับสามารถลอยอยู่กลางอากาศ เธอจ้องไปทางเคาต์แห่งการเสื่อมถอยด้านล่าง
เพียงเธอยกมือขวาแผ่วเบา ร่างวิญญาณของโจนาส·โคลเกอร์พลันถูกกระชากขึ้นไปด้านบน ส่งผลให้ไคลน์สูญเสียการควบคุมหุ่นเชิด
มันไม่แปลกใจกับเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะในท้ายที่สุด มันไม่ได้แยกหนอนวิญญาณและส่งเข้าไปในร่างอีกฝ่ายเพื่อควบคุมหุ่นเชิด พลังที่ใช้เมื่อครู่เป็นแค่ของลำดับ 5 ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งเทพ
“เจ้าเพิ่งไปไหนมา” อาเรียนน่าจ้องโจนาส·โคลเกอร์และถามอย่างใจเย็น
สีหน้าของโจนาส·โคลเกอร์บิดเบี้ยวเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“โบราณสถานหมายเลขหนึ่ง”
ชายคนนี้ทำพันธสัญญาผูกมัด… หรือถูกชี้นำทางจิต? ไคลน์ที่กำลังเฝ้ามองการสื่อวิญญาณ สังเกตเห็นบางสิ่งจากท่าทีตอบสนองของเคาต์แห่งการเสื่อมถอย
ทว่า ไม่ว่าจะเป็นพลังชนิดใด แต่นั่นก็ไม่มีผลภายในโลกแห่งความลับที่ไม่มีใครตระหนักถึง โลกลึกลับที่ไม่มีใครสัมผัสได้
“โบราณสถานดังกล่าวอยู่ที่ใด เป็นของใคร และใช้ทำอะไร” ในฐานะหัวหน้าสิบสามอาร์ชบิชอปแห่งรัตติกาลและยังเป็นเทวทูตในเส้นทางเดียวกัน อาเรียนน่าจึงถือครอง ‘อำนาจ’ ในขอบเขตความลับและไม่จำเป็นต้องเริ่มถามจากคำถามง่ายๆ แต่ตรงเข้าประเด็นทันที ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับเหยื่อ
วิญญาณของโจนาส·โคลเกอร์สั่นระริกเล็กๆ คล้ายกับจะระเบิดออก แต่สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
มันลังเลสักพักก่อนจะตอบ
“โบราณสถานตั้งอยู่ในเขตสเตอร์ริเว่นของแม่น้ำทัสซอค ลึกลงไปใต้ดิน… มีการเตรียมการสำหรับขัดขวางพลังทำนายและพยากรณ์”
เขตสเตอร์ริเว่น… เป็นภูเขาลูกเดียวกับที่มิสเตอร์ A เคยเข้าไป และไม่ไกลจากจุดที่หมอนั่นเพิ่งหายตัวไปด้วยอุปกรณ์บางอย่าง… ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะระวังตัวเป็นอย่างดี… การที่เราไม่ถูกพบตัว แปลว่าวิธีย้ายตำแหน่งแบบจุดต่อจุดมีประสิทธิภาพสูงมาก… แผนที่บริเวณชานเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเบ็คลันด์ถูกวาดขึ้นในหัวไคลน์อย่างรวดเร็ว
โจนาส·โคลเกอร์ยังเล่าต่อไป
“โบราณสถานดังกล่าวเคยเป็นของ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์มาก่อน ส่วนปัจจุบันใช้ทำอะไรนั้น ฉันเองก็ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยเข้าไปในส่วนลึกแม้แต่ครั้งเดียว มีหน้าที่เพียงคอยส่งคนและวัสดุที่รวบรวมมาได้”
ชื่อของ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์ทำให้อาเรียนน่าเงียบไปสักพัก จนกระทั่งสองสามวินาที เธอยิงคำถามใหม่
“เจ้าเก็บรวบรวมวัสดุแบบใด”
สำหรับคราวนี้ โจนาส·โคลเกอร์มิได้แสดงอาการต่อต้านมากนัก พรั่งพรูคำตอบออกมาทีละหนึ่ง ประกอบด้วยสารจำพวกปรอท แร่เหล็ก และวัตถุดิบสำหรับประกอบพิธีกรรมในขอบเขตต่างๆ ไคลน์มิอาจวิเคราะห์หาความเชื่อมโยงจากข้อมูลดังกล่าว เพราะมันคลุมเครือและกว้างเกินไป จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น
รอบคอบมาก… สิ่งของไม่จำเป็นจำนวนมากถูกรวบรวมเพื่อปกปิดเป้าหมายที่แท้จริง แม้แต่ครึ่งเทพที่ได้รับมอบหมายก็ยังไม่ทราบจุดประสงค์… นี่คือรูปแบบการวางแผนของเส้นทางผู้ชม… สมาคมแปรจิตอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อยขณะคาดเดา
คล้ายกับอาเรียนน่ามิได้ฉุกคิดสิ่งใด เธอถามต่อไป
“เจ้าพอจะเดาได้ไหมว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด? ถ้าเดาได้ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย”
“อา… ฉันสงสัยว่าพวกเขากำลังขุดค้นเพื่อหาบางสิ่ง และใช้มันเพื่อเป็นเครื่องสังเวย” โจนาส·โคลเกอร์เล่าในสิ่งที่ตนคิด
อาเรียนน่าจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาสักพัก ตามด้วยกล่าว
ทันใดนั้น อาเรียนน่าหมุนตัวเล็กน้อย กล่าวกับชายหนุ่มบนระเบียง
“ยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่าจอร์จที่สามผิดปรกติ… รวมถึงตำแหน่งของโบราณสถานใต้ดิน… ข้าจะรีบติดต่อกับโบสถ์วายุสลาตันและโบสถ์จักรกลไอน้ำประจำกรุงเบ็คลันด์ทันที ประสานงานให้พวกเขาลงมือขุดค้นโบราณสถานในคืนนี้เลย… ก่อนที่ข้าจะส่งสัญญาณ รบกวนเจ้าช่วยควบคุมโจนาส·โคลเกอร์และแสร้งว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จากนั้นก็ทำให้หายไปในภายหลัง”
คุณกำลังกังวลว่าระหว่างที่เจรจากับอีกสองโบสถ์ ทางนั้นจะพบปัญหาเกี่ยวกับโจนาส·โคลเกอร์ จึงรีบปิดตายโบราณสถานใต้ดินหรือไม่ก็เปิดใช้งานแผนฉุกเฉินสักชนิด? ไคลน์พอจะเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้น พยักหน้ารับโดยไม่ปฏิเสธ
“ตกลง”
อาเรียนน่าที่ปล่อยเส้นผมไปตามธรรมชาติ ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงโบกมือแผ่วเบาและเสกให้นาฬิกาพกหุ้มเหล็กลอยไปหาตัวเอง
“สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้เป็นของขวัญจากจอร์จที่สามโดยตรง บางทีอาจมีเบาะแสบางอย่างหลงเหลือ”
แปลว่าคุณจะนำมันกลับไปด้วย? ไคลน์ตอบโดยไม่ขัดข้อง
“สุดแล้วแต่ท่าน”
สำหรับประเด็นนี้ มันมิได้นึกเสียดาย คิดด้วยซ้ำว่านี่เป็นเพียงทางออกเดียว เพราะในท้ายที่สุด ความสำเร็จครึ่งหนึ่งต้องยกให้โลกแห่งความลับของอาเรียนน่า รวมถึงพร ‘เคราะห์กรรม’ ถึงอีกฝ่ายจะไม่เอ่ยปากขอ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ ด้วยตัวเอง แต่ไคลน์ก็วางแผนที่จะให้อยู่แล้ว หากเป็นในด้านความเที่ยงธรรม ชายหนุ่มไม่เป็นสองรองใคร
นอกจากนั้น ‘แสงเงาประชันดนตรี’ ยังรางวัลที่มันต้องการน้อยที่สุดในศึกนี้ เพราะนั่นไม่เข้ากับรูปแบบการต่อสู้ของจอมเวทพิสดารสักเท่าไร การแปรผันแบบสุ่มจะส่งผลต่อ ‘การแสดง’ ที่มันวางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบ และนั่นจะกลายเป็นภาระมากกว่าผลดี
แต่ถ้าไคลน์ถูกบังคับให้ต้องรับ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ กลับไป มันก็มีแผนรองรับ นั่นคือการนำไปหลอก— นำไปมอบให้ ‘อสรพิษแห่งชะตา’ วิล·อัสติน – เพราะมีเพียงครึ่งเทพแห่งโรงเรียนชีวิตที่พึ่งพาโชคเท่านั้น จึงจะรู้วิธีควบคุม ‘แสงเงาประชันดนตรี’ อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยความเป็นที่เป็นองค์กรลับขนาดใหญ่ ด้วยความที่เป็นเทวทูตลำดับ 1 วิล·อัสตินจะต้องมีสมบัติปิดผนึกทรงพลังอื่นๆ มาแลกเปลี่ยน
ได้ยินคำตอบ อาเรียนน่าพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะโยนนาฬิกาพกหุ้มเหล็กกลับไปหาโจนาส·โคลเกอร์ ช่วยให้เคาต์แห่งการเสื่อมถอยรายนี้ดูไม่ต่างไปจากปรกติ
ทันใดนั้น ร่างของเธอเลือนหายไปในพริบตาประหนึ่งถูกยางลบลบ พร้อมกับการสลายตัวของโลกที่มืดมนซึ่งปกคลุมยอดแหลมและปล่องไฟของคฤหาสน์
เพียงพริบตา ทุกสิ่งกลับเป็นปรกติ: ไคลน์อยู่ในห้องนอนใหญ่ โจนาส·โคลเกอร์อยู่ในห้องนอนแขกที่ห่างออกไปหลายสิบเมตร ในมือของมันกำลังกำ ‘เสียงแผดอันแสนสิ้นหวังของรีเวียร์’ แนบแน่น
จากนั้น พลตรีแห่ง MI9 ใช้พลัง ‘ยุ่งเหยิง’ เพื่อนำปืนลูกโม่กลับเข้าไปในซองปืนใต้รักแร้ พลางหยิบแก้วไวน์ที่บรรจุไวน์พิเศษของคฤหาสน์เพลงกุหลาบซึ่งตนเพิ่งเทลงไป ยกขึ้นจิบอย่างดื่มด่ำ
……………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ