ฟามี่·เคจ ชายเจ้าของร่างท้วมแต่ตัวสูงเดินมายังห้องนอนแขกของโจนาส·โคลเกอร์ ยกมือขึ้นเคาะประตูและเตรียมชักชวนรองผอ. MI9 ไปกินอาหารมื้อเช้า
ทว่า ไม่มีการตอบสนองใดกลับมา
พันตรีของกองทัพรายนี้ไปรอที่ห้องอาหารแล้วหรือ? ฟามี่·เคจหันหลังกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็เดินไปยังชั้นอื่น
รอจนกระทั่งจบช่วงเวลาอาหารเช้า ทุกคนเริ่มตระหนักว่าโจนาส·โคลเกอร์หายตัวไป ดอน·ดันเตสจึงตัดสินใจพาพวกเขาไปรอด้านนอกห้องพักแขก และบอกให้คนดูแลคฤหาสน์ริชาร์ดสันนำกุญแจมาไขประตู
ด้านในห้องไม่มีคน
“พันตรีโคลเกอร์มีนิสัยชอบออกไปวิ่งตอนเช้ารึเปล่า?” ส.ส. มัคท์ถามด้วยความฉงนพลางบีบโหนกแก้มตัวเอง
ฟามี่·เคจส่ายหน้าโดยปราศจากความลังเล
“ไม่”
“เมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรกันบ้างไหม?” อธิการบดีมหาวิทยาลัยเบ็คลันด์ พอร์ตแลน·โมมงต์มองไปรอบๆ พร้อมกับตั้งคำถาม
ส.ส. มัคท์ทำหน้านึกสักพัก
“ไม่เลย ที่นี่เงียบมาก เหมาะแก่การพักร้อน”
ด้านข้างมัน เฮเซลมองเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าฉงน แต่ก็นึกอะไรไม่ออก
ทันใดนั้น ฟามี่·เคจตั้งสมมติฐาน
“พันตรีโคลเกอร์เป็นคนสำคัญของกองทัพ และมักได้รับภารกิจที่คาดไม่ถึงเสมอ บางทีอาจออกจากคฤหาสน์และกลับเบ็คลันด์ไปแล้ว”
นักธุรกิจรถยนต์พลังไอน้ำรายนี้พยายามลดความตึงเครียดของสถานการณ์ลง
เขารู้บางสิ่ง… หรืออย่างน้อย เขาทราบว่าโจนาส·โคลเกอร์มาที่คฤหาสน์เพลงกุหลาบด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่บอกไม่ได้… ไคลน์ฟังบทสนทนาสักพัก ก่อนจะหันไปกล่าวกับพ่อบ้านวอลเตอร์และคนดูแลคฤหาสน์ริชาร์ดสันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถามคนรับใช้ทุกคนในคฤหาสน์ว่า เมื่อคืนหรือตอนรุ่งสางมีใครเห็นพันตรีโคลเกอร์บ้างไหม… ถ้าไม่มีใครเห็น รีบส่งคนไปที่บ้านของพันตรีโคลเกอร์ในกรุงเบ็คลันด์ แจ้งเรื่องนี้และให้พวกเขาตัดสินใจกันเองว่าจะรายงานตำรวจหรือไม่”
หลังจากออกคำสั่ง ไคลน์ลูบตอนสีขาวและหันไปกล่าวกับส.ส. มัคท์รวมถึงแขกคนอื่นๆ
“เรื่องราวยังไม่กระจ่าง บางทีพันตรีโคลเกอร์อาจรีบร้อนกลับไปเพราะเรื่องด่วนชนิดที่รอให้จบการพักร้อนไม่ได้… เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเราจะดำเนินกิจกรรมล่าสัตว์ต่อไปและกลับเมื่อตำรวจมาถึง”
เนื่องจากเพื่อนสนิทของพันตรีโจนาส·โคลเกอร์ ฟามี่·เคจ เปิดประเด็นเรื่องภารกิจด่วน และนั่นฟังดูน่าเชื่อถือมาก มัคท์และแขกคนอื่นจึงเห็นด้วยกับคำแนะนำของดอน·ดันเตส ต่างคนต่างทยอยออกไปด้านนอก
เฮเซลที่เดินมาจากด้านหลังสุด ชำเลืองห้องนอนแขกของพันตรีโจนาส·โคลเกอร์และห้องข้างๆ พร้อมกับรู้สึกที่ว่า มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง ภายในใจต้องการใช้พลังนักถอดรหัสเพื่อจำลองสถานการณ์ขึ้นมาใหม่
ทว่า ความหวาดกลัวอันเข้มข้นพลันผุดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังกลัวสิ่งใด แต่มันรุนแรงพอที่จะทำให้หญิงสาวล้มเลิกความคิด
เธอรู้สึกลึกๆ ว่าตนเคยมีประสบการณ์ในทำนองนี้มาก่อน และประสบการณ์เหล่านั้นกำลังร้องบอกกับเธอว่า ตนไม่ควรเห็นในสิ่งที่ไม่ควร และไม่ควรได้ยินในสิ่งที่ไม่ควร
รอจนกระทั่งแขกและคนรับใช้ออกไปทั้งหมด พรมหนาๆ ที่คอยค้ำจุนน้ำหนักของโต๊ะกาแฟในห้องนอนโจนาส·โคลเกอร์เริ่มขยับเขยื้อน
ทีละเล็กทีละน้อย มันดึงตัวเองออกจากใต้โซฟาและโต๊ะกาแฟโดยไม่สร้างความวุ่นวาย
ทันทีหลังจากนั้น พรมสีเหลืองน้ำตาลเหยียดตัวตรงพร้อมกับเผยให้เห็นอีกฝั่ง
พวกมันคือก้อนเลือดเนื้อที่แข็งตัว!
ก้อนเลือดเนื้อยุบพองและปรับโครงสร้างใหม่ เพียงไม่นานก็กลายเป็นมนุษย์ที่มีใบหน้าของเด็กหนุ่มลูกครึ่งสองทวีป
บุรุษรับใช้ส่วนตัว เอ็นยูน
และคนที่กำลังเดินตามดอน·ดันเตสคือโจนาส·โคลเกอร์ มันมีใบหน้าและรูปร่างแบบเดียวกัน!
สำหรับไคลน์ มันไม่จำเป็นต้องซ่อน ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนในทำนองนี้ สามารถแปลงโฉมให้เป็นคนอื่นและปะปนในหมู่คนรับใช้ได้สบาย ตบตาเหล่าคนใช้ด้วยมายากลลวงตาเพื่อไม่ให้พวกมันพบว่ามีคนเกินมา เป็นวิธีการที่ง่ายและปลอดภัยกว่า ทว่า การสวมบทบาทยังคงเป็นกุญแจสำคัญของครึ่งเทพ เพราะนั่นจะช่วยให้ย่อยโอสถเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงในการคลุ้มคลั่ง ดังนั้น ไคลน์จึงพยายามสร้าง ‘ความพิสดาร’ ทุกครั้งที่มีโอกาส
แน่นอน มันไม่ต้องการทำร้ายคนบริสุทธิ์ แม้กระทั่งการสร้างฉากที่ ‘พิสดาร’ และเต็มไปด้วยความหลอนก็ยังพยายามไม่ให้ใครตระหนักถึง ด้วยเกรงว่าคนเหล่านั้นจะตื่นตระหนกจนเกินพอดีและเกิดเป็นบาดแผลทางใจ
ฉากที่พิสดารและเต็มไปด้วยความหลอน ส่วนใหญ่มีไว้ให้ตัวเองเชยชม มีไว้เพื่อสร้างพัฒนาการของโอสถภายในร่างกาย แน่นอน วิธีนี้ช่วยให้ย่อยโอสถได้จริง แต่เนื่องจากไม่มี ‘ผู้ชม’ ผ่านมาเห็นและให้การตอบสนอง ย่อมแปลว่าการสวมบทบาทยังสมบูรณ์ไม่มากพอ ส่งผลให้ความเร็วในการย่อยไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คิด ถึงแม้จะพยายามทำเรื่องแปลกๆ หลอนๆ มากแค่ไหน ไคลน์ก็รู้สึกว่าตนไม่มีทางกลายเป็นลำดับ 3 ได้ก่อนสิ้นปีนี้
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตตะวันออก ภายในบ้านเช่าสองห้องนอน
ซิลนั่งลงบนเก้าอี้โยก สายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย สีหน้าค่อนข้างหม่นหมอง
ฟอร์สกลืนน้ำลายและเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามซิล บดบังทัศนวิสัยของเพื่อนสนิท
“ทำไมซังกะตายแบบนี้? เพราะคำตอบนั่น เธอจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรต่อ?”
ดวงตาซิลขยับเล็กน้อย กล่าวหลังจากได้สติกลับมา
“ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นคือทวงคืนศักดิ์ศรีให้พ่อ โอกาสต่ำมากเมื่ออีกฝ่ายคือพระราชา… ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำเรื่องแบบนี้ให้สำเร็จได้ยังไง…”
“นั่นเพราะเธออ่อนแอเกินไป… เมื่อใดที่เอื้อมถึงลำดับ 4 และได้รับพลังครึ่งเทพ เธอจะพบว่าหนทางนั้นเปิดกว้างเพียงใด ติดแค่ว่ามันงานที่ค่อนข้างยาก!” ฟอร์สพยายามกระตุ้น “นอกจากนั้น เธอยังพึ่งพาคนอื่นได้ เช่นคนที่คอยจับตามองเชอร์มาเน่… หล่อนเองก็อยากทราบว่าไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดจงรักภักดีกับใครที่สุด บางทีอาจสนใจในความลับของกษัตริย์”
“เชอร์มาเน่…” ซิลทวนชื่อซ้ำ คล้ายกับสภาพจิตใจฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ