ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1034

สรุปบท ราชันเร้นลับ 1034 : เก็บเกี่ยว: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอน ราชันเร้นลับ 1034 : เก็บเกี่ยว จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ราชันเร้นลับ 1034 : เก็บเกี่ยว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ราชันเร้นลับ 1,034 : เก็บเกี่ยว
ท่ามกลางสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขต วังโบราณกำลังมีไฟลุกท่วมทุกคนแห่ง

เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ราวกับว่าดวงอาทิตย์ที่สว่างไสวและเจิดจ้าได้ปรากฏตัวภายในมิติลึกลับแห่งนี้

พายุเฮอร์ริเคนพัดผ่านโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ หักโค่นเสาหินหนาและทำให้วังหรูหราถล่มลงมากว่าครึ่งหนึ่ง

ในตำแหน่งเดอะฟูล สมองไคลน์กำลังเดือดพล่าน ก่อนที่เกิดรูจำนวนมากพร้อมกับระเบิดออก หนอนแมลงที่ไหม้เกรียมเริ่มคลานออกจากรอยแตกของผิว

มันยังไม่ตาย และยังสามารถเหยียดแขนขวาออกมาอย่างใจเย็น เคาะกับที่พักแขนของเก้าอี้

เหนือมิติสายหมอก พื้นที่ลึกลับแห่งนี้กำลังสั่นสะเทือนหนักหน่วง คลื่นพลังงานพรั่งพรูออกมาหลายระลอก ช่วยดับไฟพร้อมกับทำให้พายุเฮอร์ริเคนสงบลง คล้ายกับดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผาค่อยๆ สลายตัวไปทีละนิด

เสาหินต้นหนากลับมาตั้งเด่นตระหง่านอีกครั้ง โต๊ะทองแดงยาวฟื้นฟูกลับสู่สภาพปรกติ วังโบราณที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์ กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ราวกับไม่เคยพังทลายหรือเสียหาย

ศีรษะของไคลน์เองก็สมานกลับเป็นปรกติในพริบตา หนอนแมลงไหม้เกรียมที่เคยคลานออกไป เปลี่ยนกลับไปเป็นสีใสและคลานกลับเข้าไปในหัว

อย่างที่คิด ทรงพลังยิ่งกว่า ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวล… ไคลน์พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างมิอาจควบคุม อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นมาลูบหน้าผาก “เจ็บชะมัด… รุนแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด…”

ขณะพึมพำ มันเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาว สร้างแรงสั่นสะเทือนบนมิติเหนือสายหมอกอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เงาสีดำสนิทผุดขึ้นจากพื้นวัง

เงาดังกล่าวพลันบิดเบี้ยว พยายามดิ้นรนสักพักก่อนจะถูกพลังของมิติหมอกขจัดออกไป ปราศจากมลพิษตกค้างภายใน

หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งนาที ไคลน์ใจเย็นลงและนึกทบทวนฉากที่ตนเห็น

ชายคนนั้นน่าจะเป็นเทพสุริยันบรรพกาล พระผู้สร้างแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ บิดาของอาดัมและอามุนด์…

พิจารณาจากไม้กางเขนที่สวม และจากข้อความ ‘จงสว่าง’ มีโอกาสสูงมากที่ชายคนนี้จะเป็นนักเดินทางข้ามโลกคนแรก… น่าจะเป็นคนยุโรปหรือไม่ก็ทางอเมริกา… อาจเป็นคนของศาสนา…

ท่านใช้ภาษาที่สามารถกระตุ้นพลังธรรมชาติ ฟังดูคล้ายกับภาษาคนยักษ์ แต่ยังมีจุดที่แตกต่าง… ไม่ใช่ภาษาเอลฟ์ มังกร และเฮอร์มิสโบราณแน่นอน… อา… มันฟังดูคล้ายกับภาษาฟุซัคของทวีปเหนือ และภาษาตูทานของทวีปใต้ ช่วยให้เราสามารถเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดแม้จะไม่ชำนาญภาษานั้น… เป็นภาษาที่ท่านเรียนมาจากสิ่งก่อสร้างหลังใหญ่สีเทาอ่อนนั่น?

ท่านถูกส่งมาที่นั่น และได้รับสืบทอดมรดกที่ล้ำค่า?

เหตุการณ์ที่สองเป็นฉากขณะท่านกำลังถูกทรยศและถูกกินโดยเหล่าราชาเทวทูต ประกอบด้วยเทวทูตสีขาว เทวทูตปัญญา และเทวทูตวายุ?

สำหรับเทพที่เรียกตัวเองว่าพระผู้สร้าง ความเจ็บปวดและบิดเบี้ยวระดับนั้นคงเกิดจากสิ่งใดไม่ได้นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าว…

อา… เลือดศักดิ์สิทธิ์ของท่านที่หยดลงมาก่อนตาย ได้ผสานเข้ากับไม้กางเขนสีเงินและแปรสภาพกลายเป็นสมบัติปิดผนึกที่ค่อนข้างทรงพลังในภายหลัง…

พิจารณาจากจุดนี้ ไม้กางเขนเจิดจรัสคงตกอยู่ในมือของหนึ่งในสามราชาเทวทูตระหว่าง ‘สีขาว’ ‘ปัญญา’ และ ‘วายุ’ หรือไม่ก็ถูกมองข้ามและตกมาถึงมือของอาดัมและอามุนด์ในภายหลัง สำหรับท่านทั้งสอง นี่คือมรดกแสนล้ำค่าที่บิดาเหลือทิ้งไว้

โอกาสเป็นอย่างแรกนั้นต่ำมาก ไม้กางเขนอันนี้มีประโยชน์ที่หลากหลาย แถมต้นกำเนิดของมันยังเป็นความลับที่ต้องปกปิดให้มิดชิด ไม่มีทางถูกนำมามอบให้ตระกูลออกัสตัส… ถ้าอย่างนั้น… มันคือสิ่งที่อาดัมมอบให้ด้วยเหตุผลบางประการ? เป็น ‘แผน’ ของท่านมาตั้งแต่แรก?

แล้วทำไมถึงต้องส่งต่อไม้กางเขนเจิดจรัสมาให้มิสเมจิกเชี่ยนกับมิสจัดจ์เมนต์อย่างสมเหตุสมผล?

ท่านพบว่าสตรีทั้งสองศรัทธาเดอะฟูลหลังจากเฝ้าจับตามองมาสักพัก?

ไม้กางเขนอันนี้มีไว้สำหรับเดอะฟูลจากต่างยุคสมัย?

ท่านต้องการจะทราบว่า บิดาซึ่งมาจากต่างยุคสมัยเช่นกัน แท้จริงแล้วมาจากที่ใด? แต่ปัญหาก็คือ หลังจากส่งมอบไม้กางเขนแล้ว เขาจะถามทางไหน และรับคำตอบจากทางไหน?

พระผู้สร้างของเมืองเงินพิสุทธิ์นั้นมีระดับสูงมาก สามารถตระหนักถึงการ ‘แอบมอง’ ของเราทั้งที่ถูกกั้นแบ่งด้วยช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันยาวนาน… สามารถมองตรงมายังมิติเหนือสายหมอกแห่งนี้… แถมอิทธิพลของท่านไม่เพียงจะสร้างความเสียหาย แต่ยังสร้างเงาชนิดพิเศษที่เกือบจะซ่อนตัวอยู่ที่สำเร็จ…

กำลังจะบอกว่า เมื่อใดก็ตามที่เทพสามารถครอบครอง ‘อำนาจ’ ในหลายขอบเขตด้วยตัวคนเดียว ระดับตัวตนของเทพตนนั้นจะพัฒนาขึ้นในเชิงคุณภาพ?

แล้วคำว่า ‘เร้นลับ’ หมายถึงสิ่งใด? หมายถึงเรา… หรือหมายถึงเจ้าของเดิมของมิติลึกลับแห่งนี้?

คำถามมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์ ส่งผลให้มันผุดทฤษฎีขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็มิอาจพิสูจน์หาความจริงได้ด้วยข้อมูลปัจจุบัน

และเนื่องจากความกลัวที่มีต่ออาดัม ไคลน์เชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับไม้กางเขนเจิดจรัสซึ่งเป็นสมบัติปิดผนึกระดับพระผู้สร้างของเมืองเงินพิสุทธิ์ คือการบดขยี้ให้แหลกและรอให้กลับมารวมตัวเป็นตะกอนพลังบริสุทธิ์อีกครั้ง

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ปัดตกคำถามอื่นในใจและเสกปากกากับกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาจดบันทึก ‘ความรู้’ ที่ได้จากการมองพระผู้สร้างแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ตรงๆ

“ลำดับ 4: ผู้เจิดจรัส”

“วัตถุดิบหลัก: เลือดสุริยันหนึ่งหยด หรือขนหางสามเส้นของ ‘วิหคเทพสุริยัน’ และ ‘ศิลาเจิดจ้า’ ”

“วัตถุดิบรอง: เลือดวิหคเทพสุริยันหกสิบมิลลิลิตร น้ำศักดิ์สิทธิ์จากศิลาเจิดจ้าสามสิบมิลลิลิตร น้ำส้มมือทองคั้นเจ็ดหยด ผงหัวใจแมกม่าสิบกรัม”

“พิธีกรรม: ดึงอารมณ์ที่เข้มข้นที่สุดและไม่อยากทิ้งไปมากที่สุดของผู้ประกอบพิธีกรรม ออกจากร่างกายและดื่มโอสถ จากนั้นก็นำอารมณ์ดังกล่าวกลับเข้าไปใหม่ภายหลัง”

“ลำดับ 3: ผู้ชี้นำคุณธรรม…”

“ลำดับ 4: อัศวินมืด…”

“ลำดับ 3: นักบุญสามหน้า…”

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์หยิบไม้กางเขนทองแดงและตรวจสอบมันด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

จากนั้น ชายหนุ่มโยนไม้กางเขนเจิดจรัสเข้าไปในกองขยะพร้อมกับกระตุ้นพลังของมิติเหนือสายหมอกเพื่อผนึกมันไว้ ด้วยเกรงว่าครั้งถัดไปที่ขึ้นมา ตนจะเห็นกระดาษคนที่ตัดเตรียมไว้เริ่มสรรเสริญดวงอาทิตย์

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”

ท่องพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์จบ ออเดรย์มอบรายงานสั้นกระชับ:

“เฮอร์วิน·แรมบิสตัวไป… เขาถูกระบุว่าเป็นสมาชิกของลัทธินอกรีต กำลังถูกหมายหัวจากสามโบสถ์ใหญ่”

กล่าวจบ ออเดรย์เตรียมสวดวิงวอนต่อเทพธิดาอย่างจริงจัง ทันใดนั้น ทุ่งสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขตก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ใจกลางหมอกสีเทา ร่างอันคลุมเครือกำลังนั่งบนเก้าอี้ พยักหน้ารับเชื่องช้า:

“เราทราบแล้ว”

เมื่อสิ้นเสียงของตัวตนลึกลับ ภาพตรงหน้าออเดรย์เปลี่ยนไปกะทันหัน กลายเป็นภาพของคนผู้หนึ่งกำลังสวดวิงวอนอย่างตั้งใจ:

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ… โบสถ์รัตติกาลได้รับข้อมูลจากโจนาส·โคลเกอร์ ยืนยันว่ากษัตริย์จอร์จที่สามเก็บซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ และยังเป็นผู้ค้นพบโบราณสถานของจักรพรรดิโลหิตในเขตสเตอร์ริเว่นของแม่น้ำทัสซอค จากนั้นก็สมรู้ร่วมคิดกับนิกายแม่มดและสมาคมแปรจิตเพื่อค้ามนุษย์ เป็นต้นเหตุของคดีบุคคลสูญหายจำนวนมากหาย และยังเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันในกรุงเบ็คลันด์”

“ในตอนต้น ตัวแทนของนิกายแม่มด ‘ไนติงเกลแห่งความสิ้นหวัง’ พานาเทีย แต่ในภายหลังได้ ‘นักบุญสีขาว’ คาร์เทอริน่ามาแทน ส่วนทางสมาคมแปรจิตเป็นเฮอร์วิน·แรมบิส”

“ได้โปรดเตือนมิสจัสติส ให้เธอเพิ่มความระมัดระวังในตอนที่เข้าไปพบเฮอร์วิน·แรมบิสอีกครั้ง และเตรียมขอความช่วยเหลือไว้ทุกเมื่อ”

ฝ่าบาท… ดวงตาออเดรย์เบิกกว้างเล็กน้อย อารมณ์แปรปรวนกะทันหัน ยากที่จะควบคุม

สำหรับเรื่องนี้ ข่าวคราวล่าสุดทำให้ตัวเธอที่เป็นขุนนางตกตะลึงในระดับหนึ่ง แต่ก็ถูกขยายอารมณ์ให้เข้มข้นขึ้นโดยเครื่องประดับ ‘คำลวง’ ที่สวมอยู่

แทบจะในเวลาเดียวกัน รายงานหนึ่งแล่นเข้ามาในความคิดออเดรย์ เป็นข่าวที่เธอยากจะลืม:

“…จากสถิติเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิตคาที่ภายในหมอกมากกว่าสองหมื่นหนึ่งพันราย และโรคระบาดที่แพร่กระจายในเวลาต่อมาได้คร่าชีวิตผู้คนอีกไปเกือบสี่หมื่นราย ในนั้นมีเด็กเล็กที่บ้านมีฐานะ ชายหนุ่มและหญิงสาวที่แข็งแรง”

เรื่องราวเป็นแบบนี้เองหรือ… กษัตริย์มีแผนอะไรกันแน่? … ศาสนจักรใหญ่ทั้งสามแห่งไม่น่าจะได้รับหลักฐานเต็มๆ ที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้น ท่านพ่อคงไม่ทำหน้าแตกตื่นเล็กๆ เช่นนี้… โทสะของออเดรย์กำลังปะทุอย่างไม่มีคำอธิบาย ภายในใจเกิดความเศร้าเล็กๆ คล้ายกับบางสิ่งที่เคยยึดถือในอดีตถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานี คล้ายคุณค่าบางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานาน พังทลายลงอย่างเงียบงัน

หญิงสาวก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว หลับตาสนิท

ทันทีหลังจากนั้น เธอหายใจเข้า กระซิบเสียงแผ่ว:

“ขอบคุณมิสเตอร์ฟูล และได้โปรดแสดงความขอบคุณต่อมิสเตอร์เวิร์ลด้วย”

หลังจากสวดมนต์เสร็จ ออเดรย์นั่งท่ามกลางความมืดที่เงียบสงบ ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเป็นเวลานาน

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ