เดอร์ริค·เบเกอร์ลืมตาขึ้น พลิกตัวและลุกออกจากเตียง เดินตรงไปทางประตู
ขณะเดิน มันชะลอความเร็วลง เผยสีหน้ากระอักกระอ่วน
เราจะเริ่มคุยกับท่านเจ้าเมืองเกี่ยวกับมรดกของพระผู้สร้างยังไงดี? บอกไปตรงๆ ว่าเราต้องการมัน? ไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่เหมาะ… แม้มิสเตอร์แฮงแมนจะเคยบอกไว้ว่า ท่านเจ้าเมืองยอมทำเป็นหลับตาหนึ่งข้าง แต่เราไม่ควรตรงไปตรงมาเกินไป… เดอร์ริคเป็นเด็กหนุ่มหน้าบางมาแต่ไหนแต่ไร แม้กระทั่งสมัยพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ มันยังแทบไม่ร้องขอสิ่งใด
เดอร์ริคชะงักฝีเท้า พยายามนึกทบทวนบทสนทนาระหว่างตนกับมิสจัสติส มิสเตอร์แฮงแมน และสมาชิกคนอื่นๆ ของชุมนุมทาโรต์ หวังว่าจะเลียนแบบข้ออ้างที่สมเหตุสมผล
จำลองสถานการณ์ในหัวสักพัก เดอร์ริคกัดฟันและตัดสินใจหนักแน่นว่าจะซื่อตรง
มันถือ ‘เทพสายฟ้าคำราม’ และเดินไปเปิดประตู เดินเลียบถนนจนกระทั่งสุดทางและถึงหอคอยคู่ทางตอนเหนือของเมือง
ระหว่างทาง ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์จำนวนมากเดินออกจากบ้าน บ้างเผยรอยยิ้มบนใบหน้า บ้างรวมตัวกันแถวๆ ลานฝึก
ปัจจุบันเป็น ‘ฤดู’ เก็บเกี่ยวหญ้าผิดดำ เป็น ‘เทศกาล’ สำคัญของเมืองเงินพิสุทธิ์เพื่อบูชาพระผู้สร้าง นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในไม่กี่วันของปี ที่ผู้คนในความมืดมีความสุขจากก้นบึ้ง
ได้เห็นเด็กเล็กเดินห้อยเครื่องรางหญ้าผิวดำ ส่วนผู้ใหญ่ทำเป็นแหวน ได้ฟังการบทสนทนาและบทเพลงเป็นระยะ อารมณ์ของเดอร์ริคค่อยๆ สงบนิ่ง ฝีเท้าเริ่มหนักแน่นขึ้นทุกขณะ
มาถึงยอดหอคอยแห่งหอคอยคู่ หลังจากแจ้งความประสงค์ มันได้พบกับโคลิน·อีเลียด ผู้นำแห่ง ‘หกสภาอาวุโส’ ในห้องด้านบนสุดของยอดหอคอย
‘นักล่าปีศาจ’ รายนี้ยังเหมือนเดิม ผมสีเทาค่อนข้างยุ่งเหยิง ขาดการดูแล มีริ้วรอยลึกบนใบหน้า มีรอยแผลเป็นเก่าที่ลึกและฉกรรจ์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนอัดแน่นไปด้วยความผันผวนของชีวิต คล้ายกับสามารถตระหนักถึงหัวใจของผู้คน
รอจนเดอร์ริคทำความเคารพเสร็จ มันพยักหน้าและกล่าว:
“จับประเด็นสำคัญของโอสถนักบวชแสงได้หรือยัง”
มันกำลังหมายถึง การขจัดวิญญาณตกค้างและความชำนาญในเวทศักดิ์สิทธิ์
เดอร์ริคตอบอย่างใจเย็น:
“ใกล้แล้วครับ”
“อา… ไม่ต้องกังวล ตอนนี้สมาชิกคนอื่นๆ ในทีมสำรวจยังไม่พร้อม พวกมันยังต้องการเวลา เช่นเดียวกับโลเฟียร์ เธอกำลังรวบรวมวัตถุดิบสำหรับเลื่อนลำดับ” โคลิน·อีเลียดกล่าวอย่างเป็นกันเอง
นั่นสินะ อาวุโสโลเฟียร์จะเข้าร่วมภารกิจสำรวจวังราชาคนยักษ์ด้วย… ตอนนี้เธอพยายามเปิดประตูเพื่อก้าวเข้าสู่ครึ่งเทพ? เดอร์ริคตกใจราวสองวินาที ถามโดยไม่ปิดบัง:
“อาวุโสโลเฟียร์มีสูตรโอสถถัดไปแล้วหรือ?”
นี่คือปัญหาที่กวนใจอาวุโส ‘คนเลี้ยงแกะ’ รายนี้มานาน เป็นผลให้เธอมิอาจกลายเป็นครึ่งเทพมานานหลายปี
“ถูกต้อง” โคลินขานรับ แต่มิได้อธิบาย
มันหันมาถาม
“คราวนี้มีอะไรหรือ?”
เดอร์ริครู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้ยิน แต่สุดท้ายก็กล่าวไปตรงๆ
“ท่านเจ้าเมือง ผมบังเอิญได้พบกับมรดกของพระผู้สร้าง พลังสอดคล้องกับลำดับ 4 ‘ผู้เจิดจรัส’ แห่งเส้นทางสุริยัน”
โคลินที่ทั้งสูงและบึกบึน ดวงตาของมันหรี่ลง
แววตาอัดแน่นด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนซึ่งยากจะอธิบาย ส่งผลให้เดอร์ริคหยุดชะงักอยู่กับที่ หลงลืมสิ่งที่ต้องการกล่าวต่อ
ท่ามกลางความเงียบที่ยากจะบรรยาย ‘นักล่าปีศาจ’ โคลินกล่าวเสียงต่ำ:
“มรดก?”
ดวงตาของเดอร์ริคพลันหรี่ลง มันเพิ่งฉุกคิดได้ว่า ตนเพิ่งกล่าวในสิ่งที่มิบังควรออกไป
มันเป็นเพียงไม่กี่คนที่ได้ทราบว่า พระผู้สร้างร่วงหล่นไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับมาได้อีก สิ่งนี้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวเป็นเวลานาน จนกระทั่งเด็กหนุ่มชาชินและคิดว่าผู้คนในเมืองเมืองพิสุทธิ์ต่างทราบเรื่องนี้กันหมดแล้ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามและสายตาของเจ้าเมือง เดอร์ริคพลันเงียบงัน หมดคำจะอธิบายไปสักพัก
มันลังเลหลายวินาที ในที่สุดก็เปิดปากอย่างยากลำบาก:
“ใช่ครับ… มรดก… เหล่าราชาเทวทูตทรยศต่อพระองค์”
โดยไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มใช้คำเรียกเดียวกับที่นักบวชมายาในหมู่บ้านยามบ่าย
โคลินมองไปที่เดอร์ริค ดวงตาสีฟ้าอ่อนคล้ายกับสูญเสียความคมชัดไปชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ