ชายหนุ่มต้องกลับเข้ามาในอีกสามชั่วโมงถัดไปเพื่อแยกไม้กางเขนเจิดจรัสออกจาก ‘ขวดแห่งทาส’ นั่นจะทำให้ได้รับตะกอนพลังที่เป็นของ ‘จอมบงการ’ เพียงอย่างเดียวโดยไม่ปะปนกับลำดับก่อนหน้า
รู้สึกเหมือนกับได้ทำการทดลอง… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเก็บนาฬิกาพก จากนั้นก็ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงเพื่องีบยามบ่าย
สี่โมงตรง บุรุษรับใช้ส่วนตัว เอ็นยูน ทำการเคาะประตูห้องนอนนายจ้างโดยมีพ่อบ้านวอลเตอร์ยืนมองอยู่
“มีอะไรหรือ?” ดอน·ดันเตสในชุดนอนเปิดประตูห้องออกมาในสภาพลูบหน้าผาก
เอ็นยูนโค้งศีรษะและกล่าว
“นายท่าน… เมื่อคืนก่อน คุณรับปากมาดามลีอานน่าว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชายามเย็น”
ไคลน์จ้องหน้าพ่อบ้านวอลเตอร์และพูด
“เข้าใจแล้ว ขอเวลาเตรียมตัวสิบห้านาที”
จากนั้น มันออกคำสั่งกับเอ็นยูน
“เข้ามาช่วยผมเปลี่ยนชุด”
เมื่อในห้องนอนเหลือแค่มันกับหุ่นเชิด ชายหนุ่มควบคุมอีกฝ่ายให้เดินไปหยิบชุดสำหรับงานเลี้ยงน้ำชา พลางชำเลืองนาฬิกาแขวนผนังเป็นระยะ
ผ่านไปสิบนาที หลังจากผูกไทและสวมเสื้อนอก มันถอยหลังสี่ก้าวเพื่อส่งตัวเองเข้าไปยังห้วงมิติเหนือสายหมอก
ปัจจุบันเป็นเวลาสามชั่วโมงพอดิบพอดีหลังจากการมาเยือนคราวก่อน
บนโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ ขวดแก้วกลายพันธุ์ที่ติดอยู่กับไม้กางเขนเจิดจรัสด้วยพลังของมิติหมอก ปราศจากลวดลายตาข่ายระยิบระยับโดยสิ้นเชิง เปลี่ยนจากชิ้นงานศิลป์กลายเป็นเพียงขวดแก้วธรรมดาตามท้องถนน
ก้นขวดแก้วที่มีสสารสีเทาอ่อนกำลังถูกขับออกมา สารดังกล่าวไหลเวียนอย่างอิสระและค่อยๆ ก่อตัวเป็นวัตถุรูปทรงหัวใจขนาดเท่ากำปั้นเด็ก และไม่เพียงจะมีรอยหยักย่น แต่ยังรวมไปถึงรอยแยกที่ดูคล้ายกับดวงตา ในส่วนของลวดลายสามมิติมายาที่ขยายออกไปยังความว่างเปล่าโดยรอบ ลักษณะของมันเหมือนกับตะกอนพลังของเฮอร์วิน·แรมบิสที่ไคลน์เคยเห็น
มีจุดแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น… ไคลน์คลายพันธนาการและนำไม้กางเขนเจิดจรัสออกจากปากขวด
จัดการเสร็จ วัตถุที่ถูกขับออกมาได้แยกตัวจากขวดแก้วโดยสมบูรณ์ กลายเป็นเอกเทศและอิสระ
ไคลน์เหยียดแขนซ้ายออกไปหยิบวัตถุที่ดูเหมือนทั้งหัวใจและสมอง หลังจากตรวจสอบสองสามวินาที มันโยนกลับเข้าไปในกองขยะและใช้พลังมิติหมอกห่อหุ้มไว้
ทันใดนั้น เสียงที่อ่อนเพลียดังออกจากขวดแก้วกลายพันธุ์
“เจ้ามัน… ปีศาจ…”
ไคลน์ไม่ตอบ เพียงใช้มือขวากระแทกไม้กางเขนเจิดจรัสให้กลับเข้าไปในปากขวดโดยอาศัยแรงกดจากพลังมิติหมอก
เสร็จขั้นตอนดังกล่าว พระราชวังโบราณกลับไปอยู่ในสภาพสงบสุขอีกครั้ง
หลังจากกลับมายังโลกความจริง ไคลน์สวมหมวกทรงสูง ถือไม้ค้ำ เดินทางออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนด้วยรถม้า ปลายทางคือบ้านเลขที่ 39 ในถนนเส้นเดียวกันของส.ส. มัคท์
ภายในห้องนั่งเล่นที่โอ่อ่าของบ้านส.ส. แขกจำนวนหนึ่งกำลังนั่งล้อมวงรอบถาดสามชั้นหรูหราซับซ้อน ด้านหน้าทุกคนเป็นถ้วยชาดำที่มีเสน่ห์
ไคลน์หยิบแซนด์วิชแตงกว่าขึ้นมากัดคำเล็ก เล่าความรู้สึกในเชิงติดตลก
“ของหวานวันนี้ดูพิเศษมาก ไม่ว่าจะเป็นเค้กแคร์รอตหรือขนมพายครีม”
มัคท์หัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ดอน… ความช่างสังเกตของคุณนั้นไร้ที่ติมาก”
ไม่เกี่ยวกับความช่างสังเกตเลยสักนิด ตราบใดที่ไม่ตาบอด ก็ต้องเห็นอยู่แล้วว่ารูปลักษณ์ของพิลึกกึกกือ… ไคลน์รำพันเล็กน้อย
“เป็นของสำคัญสินะครับ”
“แน่นอน เฮเซลเป็นคนอบเองกับมือ… คุณจะลองชิมดูก็ได้ ถึงเฮเซลจะยังควบคุมรูปทรงได้ไม่ดีนัก แต่รสชาติชั้นหนึ่งเลย” มัคท์กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
พอร์ตแลนโมมงต์ที่นั่งด้านข้าง ผู้เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเบ็คลันด์ หัวเราะและกล่าว
“ฟังดูไม่เหมือนเฮเซลที่ผมรู้จักเลย”
มัคท์ชำเลืองมาดามลีอานน่าและกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ทุกคนย่อมเติบโต… ใช่ไหมล่ะ? พักหลังเฮเซลเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ไม่เพียงแต่จะเสนอตัวเรียนเกี่ยวกับการเข้าสังคมและแต่งงานด้วยตัวเอง แต่ยังรวมถึงการทำขนมและเล่นดนตรีให้พวกเราฟัง พาแม่ไปชมดนตรี แข่งม้า และช็อปปิ้ง แถมยังเป็นผู้ฟังที่ดีในซาลอนและงานเลี้ยง”
จากคำบอกเล่าของมิสจัสติส ขั้นตอนการรักษาเฮเซลดำเนินไปถึงจุดที่เธอสามารถนึกถึงความเจ็บปวดและอาการตกตะลึงในอดีต แม้จะมาแค่อารมณ์เพียวๆ โดยไม่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ใดเป็นพิเศษ แต่ก็มากพอที่จะทำให้เฮเซลฝันถึงการสูญเสียครอบครัวและญาติ… สิ่งนี้ทำให้เธอรักและเอ็นดูครอบครัวมากขึ้น? จนต้องผลักดันตัวเองมากขนาดนี้? ไคลน์พยักหน้าพลางรักษารอยยิ้ม
“ยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่แล้วล่ะ” มัคท์ตอบด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ผมเป็นห่วงนิสัยของเธอมาตลอด กังวลว่าจะไม่ได้แต่งงานกับคนดีๆ และขาดโอกาสติดต่อกับคนภายในแวดวงทางสังคม ถ้าเป็นแบบนั้น หลังจากพวกเราตายไป เธอคงไม่สามารถหาใครมาช่วยเหลือได้ในตอนที่เผชิญปัญหา… แต่ปัจจุบัน ผมหมดห่วงกับเรื่องนี้แล้ว”
มัคท์เผยรอยยิ้มจริงใจขณะเล่าความเครียดที่มันมักเก็บไว้คนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ