ทันใดนั้น ค่ำคืนอันเย็นเรียบทวีความร้อนระอุราวกับมีลาวาล่องหนเดือดพล่าน
แต่เพียงไม่นานก็กลับเป็นปรกติ
วิญญาณมารเทวทูตสีชาดจ้องไคลน์หัวจรดเท้าสองสามหน ก่อนจะยิ้มให้ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ขอย้ำคำเดิม เจ้ามีพรสวรรค์ในการเป็นนักยั่วยุ… แม้แต่ซาราธในตอนที่ย่อยโอสถจอมเวทพิสดารก็ยังไม่กล้าแสร้งทำเป็นอามุนด์ต่อหน้าข้า”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายปราศจากความโกรธ และไม่ได้อธิบายว่าทำไมซาราธถึงไม่กล้า แต่ขณะที่สายตาเทวทูตสีชาดกวาดขึ้นลง ไคลน์รู้สึกราวกับกำลังตกลงไปในธารน้ำแข็งที่เย็นเยียบ
นี่คือความรู้สึก ‘ที่ถูกส่งผ่าน’ จากหุ่นเชิดมายังร่างต้น แต่ถึงอย่างนั้น ท้ายทอยกับแผ่นหลังไคลน์ยังรู้สึกขนลุก
โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีอธิบาย ไคลน์เข้าใจความนัยแฝงของอีกฝ่ายได้ทันที
ใครก็ตามที่กล้าเล่นพิเรนทร์เช่นนี้ต่อหน้ามัน ชะตากรรมเดียวคือการได้รับบทลงโทษจากเลือดและเหล็ก!
เมื่อเห็นวิญญาณมารเทวทูตสีชาดตรงหน้ายับยั้งพฤติกรรมด้วยท่าทางอารมณ์ดี ไคลน์อดไม่ได้ที่จะรำพัน
หากไม่ใช่เพราะโอสถจอมเวทพิสดารของเราย่อยสำเร็จ ไปหลายระดับจากผลงานเมื่อครู่ เราคงเชื่อว่าจิตสังหารของหมอนี่แข็งแกร่งดุจดังเหล็กกล้าและน่าจะมีพลังทัดเทียมลำดับหนึ่ง… แต่จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ความสุขุมของเจ้านั่นเป็นเพียงหน้ากากที่ใช้ปกปิดความกลัวต่ออามุนด์… ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าพลังปัจจุบันของมันยังไม่สูงไปกว่าเทวทูตลำดับสอง…
เราเตรียมใจสละหุ่นเชิดไว้แล้ว เพื่อให้โอสถย่อยได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ต้องยอม…
ถ้าเดนิสอยู่ที่นี่ด้วย แค่หมอนั่นตะโกนว่าไอ้ขี้ขลาด ใส่หน้าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดสักสองครั้ง รับรองได้เลยว่าโอสถนักยั่วยุจะถูกย่อยเสร็จในพริบตา แต่คงต้องมอมเหล้าก่อนลงมือสักสี่ห้าขวด…
ไคลน์เลิกล้อเล่นกับเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซี ถอดแว่นตาออกและยิ้ม
“ในสมัยจักรวรรดิโซโลมอน ซาราธน่าจะเป็นเทวทูตเรียบร้อยแล้ว ทำไมถึงยังต้องย่อยโอสถจอมเวทพิสดารอยู่อีก?”
“ข้ากำลังพูดถึงซาราธตัวน้อย” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดตอบอย่างเป็นกันเอง
ข้อมูลนี้ตรงกับคำอธิบายของคุณปู่ในตัวเลียวนาร์ด… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนา
“จัดการแม่มดขาวไปหรือยัง?”
“คิดว่ายังไงล่ะ?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดยิ้ม “นอกจากนั้น ช่วยสุภาพกับเธอด้วย คาร์เทอริน่าเรียกตัวเองว่านักบุญขาว เราจึงไม่ควรเรียกเธอว่าแม่มดขาว”
สุภาพ… นักล่าพยายามเน้นย้ำความสุภาพกับเรา… ไคลน์นึกอยากจะกระตุกมุมปากเพื่อแสดงความอึดอัดภายในใจ แต่สุดท้ายก็ข่มสติและทำตัวสำรวม
ดูเหมือนว่าการยั่วยุ จะไม่ได้จำกัดเฉพาะการเย้ยหยันและด่าทอ เฮ้อ… เดนิสที่ทำได้แค่สบถอยู่คำเดียว คือความอัปยศของนักล่าโดยแท้จริง… ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูด
“ผมทำตามสัญญาแล้ว จะไม่จ่ายค่าแรงให้สักหน่อยหรือ”
“ค่าแรง?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดถามเชิงเย้ยหยัน
ไคลน์ไม่แยแสท่าทาง เพียงพึมพำประหนึ่งพูดกับตัวเอง
“ผมต้องการสื่อวิญญาณแม่มดขาวเพื่อถามบางสิ่งจากเธอ”
“นั่นคือค่าแรงของเจ้า?” เทวทูตสีชาดถามด้วยสีหน้าขบขัน
ไคลน์ผงกศีรษะ
“ถูกต้อง”
“ไม่มีปัญหา” เซารอน·ไอน์ฮอร์น เมดีซียกแขนขวาขึ้นจับบางสิ่งระหว่างคิ้ว จากนั้นก็กระชากร่างมายาที่พร่ามัวเล็กน้อยออกมา ไม่ใช่ใครนอกจากนักบุญขาว คาร์เทอริน่า
“ขอคุยส่วนตัวได้ไหม” ไคลน์มองไปรอบๆ ขณะถาม
วิญญาณมารเทวทูตสีชาดอมยิ้ม
“ต้องจองห้องให้ด้วยไหม? ลองใช้สมองสักนิด ต้องให้เจ้าไม่อยากให้ข้าได้ยินคำถาม แต่ข้าก็สามารถเค้นข้อมูลจากวิญญาณคาร์เทอริน่าได้ในภายหลังอยู่ดี เว้นเสียแต่เจ้าจะไม่คืนวิญญาณกลับมา… หรือเจ้าเป็นเด็กน้อยบ้าพิธีกรรม?”
“…” ไคลน์บังคับหุ่นเชิดตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ผมมีวิธีทำให้เธอลืมคำถาม”
ประโยคเมื่อครู่กึ่งจริงกึ่งเท็จ ส่วนที่จริงก็คือ ไคลน์สามารถทำได้ด้วยตะกอนพลังจอมบงการของเฮอร์วิน แรมบิส แต่โอกาสสำเร็จค่อนข้างต่ำ แถมยังมีผลข้างเคียงรุนแรง ส่วนที่เท็จก็คือ ไคลน์ไม่คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะนั่นจะหมายถึงการเปิดเผยความลับหลายเรื่อง จุดประสงค์ที่กล่าวประโยคเมื่อครู่ออกไป เพียงต้องการให้วิญญาณมารเทวทูตสีชาดระแวงว่า คำถามที่อีกฝ่ายเค้นจากคาร์เทอริน่าในภายหลัง อาจไม่ใช่สิ่งที่ไคลน์ถามจากเธอจริงๆ ส่งผลให้เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีไม่ปักใจเชื่อข้อมูลดังกล่าวเต็มร้อย วิธีนี้จะได้ผลอย่างมากกับคนที่มีความระแวงสูง
แต่แน่นอน ไคลน์ไม่มั่นใจว่าวิธีนี้จะประสบความสำเร็จ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเทวทูตสีชาดซึ่งเป็นจุดสูงสุดของ ‘นักวางแผน’
“ไม่เลว” หลังจากได้ฟังคำตอบไคลน์ วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเลือนหายไปอยู่บนผิวกระจก
ไคลน์เหลือบมองคราบเลือดที่ควบแน่นกลายเป็นหินสีเทา จากนั้นก็พาร่างของแม่มดขาวที่ดูค่อนข้างหลอนออกจากบริเวณกระจก ตรงเข้าไปในตรอกมืดแห่งหนึ่ง
มันนำเทียนไข น้ำมันสกัด และผงสมุนไพรออกมาประกอบเป็นแท่นบูชา ตามด้วยการสวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลโดยหวังจะสร้างพิธีกรรมสื่อวิญญาณที่สมบูรณ์
ชายหนุ่มฝึกฝนทักษะเหล่านี้จนเชี่ยวชาญมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหยี่ยวราตรี
เมื่อพิธีกรรมเสร็จสิ้น พลังงานอันยิ่งใหญ่ น่าสะพรึง และลึกลับพลันร่วงหล่นลงมาจากสถานที่สูงลิบสุดจะพรรณนา เปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงัด
ดวงตาไคลน์กลายเป็นสีเข้มกะทันหัน ราวกับภายในนั้นมีค่ำคืนอัดแน่นอยู่
มองมันเห็นหลายสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น รวมถึงพายุแห่งจิตที่กำลังส่องแสงสลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ