ท่ามกลางพระราชวังอันงดงามเหนือสายหมอก ไคลน์เหยียดมือขวา เคาะโต๊ะทองแดงยาวพลางพึมพำ
ในราชวงศ์ทูดอร์ ตระกูลใหญ่ทั้งห้าประกอบด้วยอามุนด์ อับราฮัม อันทีโกนัส เจคอป และทามาร่า… และหนึ่งในกลุ่มที่ช่วยให้อลิสต้า·ทูดอร์ขึ้นเป็นจักรพรรดิโลหิตคือราชาเทวทูตอย่างอาดัม อามุนด์ และอับราฮัม…
เราสามารถอนุมานได้ไหมว่า ในจักรวรรดิร่วมทูดอร์ ทรันซอสต์ การปกครองในตอนนั้นเป็นแบบกงสุลแฝด และอีกฝั่งหนึ่งของบัลลังก์เคียงข้างอลิสต้า·ทูดอร์คืออามุนด์และอาดัม?
ถ้าเป็นแบบนั้น จักรพรรดิโลหิต อลิสต้า ทูดอร์ ก็ไม่มีแผนจะย้ายเส้นทางมาตั้งแต่ต้น สุสานลับถูกแอบสร้างขึ้นโดยขอความช่วยเหลือจากหนึ่งในตระกูลเหล่านี้ อามุนด์ อับราฮัม และอันทีโกนัส… สำหรับเบเทล อับราฮัม เขาคือมิสเตอร์ประตูเข้าใจเส้นทางผู้ฝึกหัดอย่างถ่องแท้ หากเป็นพลังในด้านเทเลพอร์ต อาจยอดเยี่ยมกว่าเทพแท้จริงบางตนด้วยซ้ำ…
หรือว่าอุปกรณ์เทเลพอร์ตแบบกำหนดพิกัดในโบราณสถานทูดอร์จะถูกสร้างขึ้นโดยเบเทล·อับราฮัม?
มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว!
อา… และมีเพียงบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างมิสเตอร์ประตูเท่านั้นจึงจะเข้าออกสุสานลับได้ตามใจชอบ เพราะแม้แต่การทำนายบนมิติหมอกของเราก็ยังไม่ช่วยให้ทราบพิกัดที่แม่นยำ กับเทวทูตตนอื่นก็คงเทเลพอร์ตเข้าไปตรงๆ ได้ไม่ง่ายนัก…
ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เริ่มเชื่อว่าแนวคิดของตนใกล้เคียงกับความเป็นจริง
ชักสงสัยแล้วว่า มิสเตอร์ประตูจะทิ้งข้อมูลเกี่ยวกับพิกัดของสุสานหรือวิธีผ่านเข้าออกไว้บางไหม? คงต้องรบกวนให้มิสเมจิกเชี่ยนช่วยถามอาจารย์ของเธออีกครั้ง
เฮ้อ… เราเองก็หวังให้มิสเมจิกเชี่ยนกลายเป็นนักท่องเที่ยวโดยเร็ว เพราะเมื่อถึงตอนนั้น เธอก็ไม่จำเป็นต้องรอเขียนจดหมายถามตอบกับอาจารย์ สามารถเทเลพอร์ตไปหาได้โดยตรง… จริงอยู่ที่ตอนนี้ก็สามารถทำได้ด้วยการบันทึกท่องเที่ยวไว้เป็นจำนวนมาก แต่นั่นจะทำให้อาจารย์เกิดความสงสัยและหวาดกลัว ยิ่งสร้างปัญหาบานปลาย…
หากตระกูลอับราฮัมไม่มีบันทึกพิกัดเอาไว้ เราควรลองติดต่อกับมิสเตอร์ประตูโดยตรงดีไหม? ไม่เพียงจะยุ่งยาก แต่ยังอันตรายมาก… เหนือสิ่งอื่นใด มิสเมจิกเชี่ยนยังไม่ใช่ลำดับห้าด้วยซ้ำ ลำพังการได้ยินให้ชัดยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับสนทนาตอบโต้… จะเปลี่ยนให้เธอเป็นหุ่นเชิดและฟังแทนผ่านการรับรู้ก็ไม่ได้… ย้อนกลับไปในตอนแรก สมัยที่เพิ่งดึงมิสเมจิกเชี่ยนขึ้นมาบนมิติหมอก ไคลน์เคยคิดอย่างจริงจังว่าหาทางติดต่อกับมิสเตอร์ประตูผ่านเธอ แต่ในภายหลัง เมื่อได้ศึกษาโลกผู้วิเศษมากขึ้น เข้าใจแก่นแท้มากขึ้น มันก็หวาดกลัวจนไม่กล้าลองเสี่ยง
ยิ่งไปกว่านั้น ระดับปัจจุบันของตนก็ยังไม่ปลอดภัยพอที่จะติดต่อกับอีกฝ่าย
ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ถอนหายใจเล็กน้อยพร้อมกับรำพันคำ
“อดทน…”
…
กลางทะเล บนเกาะที่มีโจรสลัดชุกชุม
ฟอร์สยกแก้วขึ้นมาจิบของเหลวสีใสด้วยความคาดหวัง
จากนั้น ใบหน้าของเธอพลันยู่ยี่ราวกับกำลังลิ้มรสในสิ่งที่กลืนได้ยากลำบาก
“ให้ตายสิ แลงติร้อนแรงที่นี่รสชาติห่วยชะมัด ทำไมพวกเขาถึงได้ดื่มกันอย่างมีความสุขนัก?” ฟอร์สวางแก้วเหล้าลง ยกมือขวาขึ้นมาปิดปากพลางพึมพำเสียงต่ำ “นอกจากความแรงของเหล้าก็ไม่มีข้อดีอื่นอีกแล้ว… จริงสิ… มันถูกมาก!”
หลังจากจิบน้ำเย็นจากแก้วอีกใบ ฟอร์สหยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงบนสมุดบันทึกสภาพทรุดโทรม
“โจรสลัดที่นี่ขอแค่เป็นเหล้าแรงแต่ราคาถูก ที่เหลือจะยังไงก็ได้… สำหรับพวกเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้เมาหัวราน้ำ… เพื่อนโจรสลัดสามคนของเราบอกว่า พวกเขาเป็นคนสร้างเมืองท่าแห่งนี้ขึ้นมากับมือ… ในตอนแรก พวกเขาแล่นเรือมาจอดที่นี่โดยบังเอิญเพื่อซ่อนสมบัติที่ขโมยมา แต่หลังจากนั้นก็เริ่มตั้งรกรากและครอบครัว ในเวลาถัดมา บรรดาคนล้มละลาย นักผจญภัย และคนหนีภาษีได้ย้ายมาอยู่อาศัยและตั้งรกรากเพิ่มเติม บางคนถางป่าเพื่อสร้างบ้าน จนกระทั่งตลาดการค้าถูกสร้างขึ้น นับแต่นั้น พ่อค้าในทะเลก็เริ่มรุมตอมเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นเลือด”
เขียนถึงตรงนี้ ฟอร์สเงยหน้าขึ้นและมองไปยังโจรสลัดทั้งสามที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง
“ยังมีอะไรที่ไม่ได้เล่าอีกไหม?”
โจรสลัดร่างยักษ์ทั้งสามต่างพากันตัวสั่น ร้องไห้และสะอื้น
“ไม่มีแล้ว… หมดแล้วจริงๆ”
คงต้องสารภาพตามตรงว่า เราคิดไม่ผิดที่เลียนแบบบุคลิกของมิสเตอร์เวิร์ลเพื่อรับมือกับโจรสลัด… ฟอร์สถอนหายใจพลางส่ายหน้า จากนั้นก็ก้มศีรษะเขียนต่อ
“บรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างเสรี หากได้เห็นบุรุษที่ถูกใจ สตรีสามารถเดินเข้าไปเสนอราคาได้ ในทำนองเดียวกัน ผู้ชายก็สามารถทำกับผู้ชาย และผู้หญิงก็สามารถทำกับผู้หญิง… จากคำบอกเล่าของเพื่อนโจรสลัดทั้งสาม ระหว่างที่พวกเขากำลังลอยอยู่กลางทะเล อารมณ์เบื่อหน่ายคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และนั่นเป็นจุดกำเนิดการลองทำพฤติกรรมต้องห้าม สำหรับประเด็นนี้ พวกเขาต่างเล่าออกมาอย่างเถรตรง ลงลึกในประสบการณ์ตัวเองอย่างละเอียด…”
“นอกจากนั้น พวกเขายังเล่าในสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึง แท้จริงแล้ว โจรสลัดเป็นพวกสนับสนุนประชาธิปไตยและความเท่าเทียม”
“สิ่งนี้ทำลายมโนภาพเก่าของฉันโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อลองไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้พูดว่าโจรสลัดแสวงหาคุณธรรมความถูกต้อง”
“คำอธิบายของเพื่อนโจรสลัดทั้งสามก็คือ ประชาธิปไตยเกิดจากสามเหตุผลสำคัญ ข้อแรก บุคคลที่ถืออาวุธมีอำนาจไม่มากพอ ข้อที่สอง บุคคลที่ถืออาวุธมักทำตัวกร่าง และข้อที่สาม เรือลำใหญ่จำเป็นต้องใช้กำลังคนมาก… เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มารวมกัน จึงเกิดเป็นประชาธิปไตยอย่างเรียบง่ายในหมู่โจรสลัด และเคยมีกัปตันหลายคนถูกขับไล่หรือฆ่าทิ้งจากเสียงส่วนใหญ่ของลูกเรือมาแล้ว”
“ฉันเชื่อว่าถ้ากัปตันมีพลังอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดกว่านี้ กลุ่มโจรสลัดจะมีสังคมและวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่งอย่างแน่นอน”
ถึงตรงนี้ ฟอร์สเงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง ใต้ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาว เธอเห็นอาคารที่สร้างจากไม้และหินเรียงรายรอบตลาด ในบางคราวเธอได้เห็นเด็กหลายคนในเสื้อผ้าตัวเก่าวิ่งเล่นไปมา
ท่ามกลางบรรยากาศที่ทรงพลัง ฟอร์สเขียนอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ