เนื่องจากผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอน มิได้อายุยืนจากตะกอนพลัง ไคลน์จึงมองหาปัจจัยภายนอก
ผลจากสมบัติวิเศษ? ไม่สิ หมอนั่นไม่ได้พกสมบัติแม้แต่ชิ้นเดียว รอบตัวก็ไม่มี จุดเดียวที่ยังไม่ได้ตรวจสอบคือวังพำนักของราชาคนยักษ์ แต่นั่นเป็นสถานที่หลับใหลของเทวทูตมืด ซาสเรีย และตอนนี้กุญแจอยู่กับเรา เมิร์สกอร์กอนไม่น่าจะเข้าไปได้…
แล้วใครหยิบกุญแจของวังราชาคนยักษ์ออกมาในตอนที่ซาสเรียหลับ? ไม่ชั่วร้ายไปหน่อยหรือ? แต่แน่นอน ดินแดนทวยเทพที่ปราศจากอำนาจแห่งเทพแท้จริง ไม่มีทางขังราชาเทวทูตไว้ในตึกได้…หรือว่ากุญแจดอกนี้ถูกขนมายังทวีปเหนือนานแล้วผ่านกลุ่มผู้อพยพ ซาสเรียจึงเลือกวังสนธยาเป็นสถานที่หลับใหลเพราะคิดว่าคงไม่มีใครเปิดได้ เว้นเสียแต่ตัวตนเพียงไม่กี่คน?
หรือการที่กุญแจถูกส่งผ่านพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า จนมาถึงมือเรา เป็นเจตนาลับ ๆ ของเทพปัญญาความรู้ จุดประสงค์เพื่อต้องการทราบสถานะปัจจุบันของซาสเรีย?
ถ้าไม่ใช่ผลจากสมบัติวิเศษแล้วยังจะเป็นอะไรได้? เทวทูตเส้นทางนักจารกรรมมอบอายุขัยที่ขโมยมาให้เมิร์สกอร์กอน? สมมติให้อายุขัยที่ถูกขโมยสามารถมอบให้คนอื่นได้จริง แต่ผู้ลงมือก็ต้องเป็นระดับเทวทูตหรือไม่ก็สมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ แต่ไม่มีของอย่างว่าอยู่ในละแวกใกล้เคียง…หรืออายุขัยของเมิร์สกอร์กอนถูกเพิ่มขึ้นหลายพันปีตั้งแต่ปลายยุคสมัยที่สอง? คนที่ทำได้น่าจะมีอามุนด์เท่านั้น…แต่อามุนด์ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องช่วยเทวทูตมืด ซาสเรีย สักหน่อย…
นอกจากนั้น ร่างจริงของ ‘ผู้เย้ยเทพ’ น่าจะเตร็ดเตร่อยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้ง หากมีเทวทูตหรือสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ อยู่แถวนี้จริง ก็น่าจะกลายเป็นอาหารของท่านนานแล้ว…
วัฏจักรแห่งชะตากรรม? หลังจากที่ผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนตายไป ชายคนนั้นคืนชีพกลับมาใหม่ในตอนที่ยังปกป้องซาสเรีย? อา…ถ้าเมิร์สกอร์กอนในปัจจุบันคือวัยชรา ก็อนุมานได้ว่าเวลาผ่านมานานแล้ว…และเนื่องจากช่วงเวลาของ ‘วัฏจักร’ กินเวลานานหลายร้อยปี ส่งผลให้วัฏจักรยังไม่ครบรอบ เราจึงมองไม่เห็นความผิดปรกติจากบนมิติหมอก…
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์รีบกวาดสายตามองหาเบาะแสของเทวทูตโชคชะตา โอโรเลอุส
ทว่า มันไม่พบสิ่งที่เข้าข่าย
ไคลน์ถอนสายตากลับ เฝ้ามองเมิร์สกอร์กอนต่อสู้กับโคลิน·อีเลียดและวิญญาณมารอัศวินสีเงินอย่างดุเดือด
ด้ายวิญญาณปรกติ แปลว่าไม่ใช่หุ่นเชิดแน่นอน…จากตาทิพย์ สถานะของเขาปรกติ แปลว่าไม่ใช่ภาพฉายประวัติศาสตร์ที่ถูกอัญเชิญ…
ภายในวังราชาคนยักษ์ กระแสเวลาจะไหลช้ากว่าปรกติ? หรือไม่ก็มีพลังในการหยุดอายุขัย? ตัดข้อแรกทิ้งไปได้เลย หากกระแสเวลาไหลช้ากว่าปรกติ ตัวเราที่เป็นคนนอกจะต้องเอะใจ…ข้อหลังเป็นไปได้…หรือว่าอายุขัยจะหยุดนิ่งท่ามกลางแสงสนธยา?
แต่ปัญหาก็คือ เทพบรรพกาลอย่างราชาคนยักษ์ร่วงหล่นไปแล้ว เทพสงครามในรุ่นต่อมาอย่างบาร์ดไฮเออร์ที่ถือครองอำนาจในขอบเขต ‘รุ่งอรุณ’ และ ‘สนธยา’ ได้ย้ายดินแดนทวยเทพไปไว้ในโลกดารา วังราชาคนยักษ์แห่งนี้จึงไม่ควรหลงเหลืออิทธิพลที่ทรงพลังขนาดนั้น…ไคลน์เค้นสมองนึกถึงสารพัดวิธียืดอายุขัย แต่ก็ไม่มีสิ่งใดสอดคล้องกับสถานการณ์ของหัวหน้าผู้ไล่ล่าวังราชา
มันไม่มีทางเลือกนอกจากมองในมุมอื่น
ศาสตร์ลับที่มาพร้อมผลเสียร้ายแรง?
หากใช่ ต้นตอของปัญหาก็ต้องมาจากด้านในอาคารที่เป็นวังพำนักของราชาคนยักษ์ ไม่อย่างนั้น ขอบเขตการคุ้มครองของเมิร์สกอร์กอนคงกว้างกว่านี้ ไม่รอจนกระทั่งทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์เดินมาถึงหน้าวัง…
ในวังราชาคนยักษ์ยังมีอีกหนึ่งตัวตนที่ถือครองอำนาจในขอบเขต ‘ชีวิต’ นั่นคืออดีตเทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยว ปัจจุบันเป็นพระแม่ธรณี ราชินีคนยักษ์ โอมีเบล่า…
ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์หันไปจ้องรูปปั้นขนาดใหญ่ด้านนอกตึกวัง
รูปปั้นเหล่านี้แทบไม่แตกต่างจากที่ทีมสำรวจพบเจอระหว่างทาง อาจใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของไคลน์ มันเริ่มพบความผิดปรกติ รูปปั้นยักษ์ทั้งหมดมีออร่าของ ‘ชีวิต’ และเจือปนพลังวิญญาณในปริมาณที่น้อยมาก แต่ภายใต้หมวกเหล็กกลับไม่มีแสงสว่างสีแดงอย่างที่ควร
หรือว่า…ผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนใช้ศาสตร์ลับบางชนิดเพื่อผูกดวงวิญญาณของตนไว้กับรูปปั้นที่มีออร่าชีวิต ส่งผลให้อายุขัยยืนยาว แต่แลกมากับการที่ไม่สามารถออกไปไหนได้…ทฤษฎีนี้คล้ายกับการดำรงอยู่ของวิญญาณมาร…แปลว่าเมิร์สกอร์กอนไม่สามารถเผยร่างสัตว์ในตำนาน…ไคลน์ตัดสินใจโยนเหรียญทำนาย
เมื่อคำตอบออกมาเป็น ‘ใช่’ ชายหนุ่มยกคทาเทพสมุทรและเตรียมเตือนเดอะซันน้อยผ่านแสงการสวดวิงวอน
ทันใดนั้นเอง นักล่าปีศาจโคลินที่เพิ่งหลบการโจมตีแรกของเมิร์สกอร์กอนสำเร็จ ตัดสินใจกลิ้งอ้อมศัตรูและวิ่งไปทางวังพำนักราชาคนยักษ์จากฝั่งด้านข้าง
ดวงตาของมันจ้องมองไปทางรูปปั้นยักษ์!
ท่ามกลางศึกที่ดุเดือด แม้จะเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์จะตกเป็นรองตลอดเวลา แต่ก็ไม่ละทิ้งความช่างสังเกต และไม่หยุดเค้นสมองวิเคราะห์
มันเองก็สงสัยว่า เหตุใดหัวหน้าผู้ไล่ล่าแห่งวังราชาจึงมีชีวิตอยู่ได้นานหลายพันปี ถัดจากนั้นก็เอะใจเรื่องที่รูปปั้นยักษ์ด้านนอกวังไม่ยอมช่วยเมิร์สกอร์กอนต่อสู้กับผู้บุกรุก จนกระทั่งผุดข้อสันนิษฐานบางอย่างขึ้นในใจ
มันเองก็ไม่ทราบหลักการเบื้องหลังที่แน่ชัด ไม่ทราบว่าเป็นพลังประเภทใดและอยู่ในขอบเขตไหน แต่จากประสบการณ์การสำรวจอย่างยาวนาน และจากสัญชาตญาณของนักล่าปีศาจที่ถูกขัดเกลา มันเชื่อว่ารูปปั้นยักษ์เหล่านี้คือต้นตอของปัญหา!
กึก กึก กึก!
ในท่าถือดาบสองเล่ม โคลิน·อีเลียดวิ่งเต็มฝีเท้า แต่มิได้มุ่งหน้าเป็นเส้นตรง บ้างเฉียงซ้าย และบ้างเฉียงขวา
ได้เห็นฉากตรงหน้า ผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนแผดเสียงคำราม ดาบใหญ่ขนาดมหึมาถูกฟันด้วยสองมือ คมดาบสับลงด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ท่าทีตอบสนองของมันคือเครื่องยืนยันว่าโคลินคิดถูก
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม
นักล่าปีศาจโคลินกระโจนไปยังทิศทางหนึ่งกะทันหัน ต่อด้วยการม้วนตัวกลิ้ง และในตำแหน่งเดิมของมัน เส้นดาบสีเงินปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าเป็นรูปทรง ‘งูยาว’ ส่งผลให้พื้นหินของวังราชาคนยักษ์ที่แข็งแรงมั่นคง สั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับมีรอยแยกเป็นทางยาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ