แสงสีแดงระยิบระยับทำให้ไคลน์รู้สึกอบอุ่นหัวใจ มันพบว่าตนมิได้อยู่ตามลำพัง ยังมีอีกหลายคนที่ยังจดจำได้
เมื่อเสียงสวดวิงวอนมายาซ้อนทับกันจนทวีความคมชัด ไคลน์สัมผัสได้ว่าปราสาทต้นกำเนิดกำลังเรียกหาตน โดยเสียงของทั้งสองสิ่งสอดประสานกันจนกลายเป็นพลังงานที่เข้มแข็ง
หลังจากสมาชิกทุกคนของชุมนุมทาโรต์สวดวิงวอน ไคลน์เกิดความรู้สึกคลุมเครือว่าตนสามารถเข้าสู่ปราสาทต้นกำเนิดได้ทุกเมื่อพร้อมกับจิตใต้สำนึก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังติดอุปสรรคในขั้นตอนสุดท้าย
อุปสรรคดังกล่าวได้รับการแก้ไขหลังจากชายหนุ่มย่อยโอสถปราชญ์โบราณสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ไคลน์จึงสามารถกลับเข้าปราสาทต้นกำเนิดได้ก่อนอามุนด์ซึ่งถูกกีดขวางไว้โดยฝ่ามือของเทพแห่งเกียรติยศ บลาเดล
ภายในระยะเวลาเพียงสองวัน สมาชิกชุมนุมทาโรต์กลับสวดวิงวอนกันครบทุกคน ตามปรกติแล้วไม่ควรจะบังเอิญขนาดนี้…บางคนวิงวอนด้วยสาเหตุที่เข้าใจได้ แต่บางคนได้รับอิทธิพลจากเทพธิดาและวิลล์…เรากำลังโชคดีก็เลยเกิด ‘เรื่องดี ๆ ติดต่อกัน…หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์พบว่าเหตุผลในการสวดวิงวอนของบางคงดูผิดหลักธรรมชาติ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ และไม่ต้องกังวลมากเกินไป
หลังจากเปลี่ยนท่านั่ง ดวงตาไคลน์กลายเป็นสีเข้ม
แม้ในตอนที่ได้เห็นรังไหมและบานประตูแห่งแสง ไคลน์จะทำใจยอมรับว่าตนคงกลับบ้านไม่ได้อีกแล้ว แต่หลังจากได้ทราบความจริงว่าดาวเคราะห์ดวงนี้คือโลกในอนาคต นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกฝันสลายโดยสมบูรณ์ แสงแห่งความหวังอันริบหรี่ถูกความมืดมิดกลืนกินจนดำมืด
ในตอนแรกที่เราเลือกใช้คำว่า เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย มาเป็นนามเต็มอันมีเกียรติ นั่นคงเกิดจากการดลใจทางวิญญาณ…ส่วนลึกของจิตใต้สำนึกเราอาจสัมผัสถึงบางสิ่งได้…จริงสิเราจำได้ว่าตอนเดินทางข้ามโลก เรากำลังนอนอยู่ แล้วทำไมตัวเราที่ห้อยอยู่ในรังไหมถึงสวมเสื้อยืดกับกางเกงสแล็ค? ไคลน์ขมวดคิ้ว ก่อนจะจ้องไปทางสายหมอกสีเทาด้านล่างปราสาทต้นกำเนิด
ขณะค้นหาข้อมูลจากสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ ชายหนุ่มพยายามอย่างหนักเพื่อนึกทบทวนรายละเอียดในค่ำคืนดังกล่าว
จนกระทั่งไคลน์พบชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
โจวหมิงรุ่ยที่สวมเสื้อยืดกางเกงสแล็ค กำลังประกอบพิธีกรรม ‘เปลี่ยนดวงชะตา’ ในช่วงก่อนอาหารค่ำ เดินถอยหลังสี่ก้าวและท่อง ‘เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค’ พร้อมกับคาถาบทอื่น
ในความทรงจำของไคลน์ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ฉากในประวัติศาสตร์กลับไม่ใช่แบบนั้น
หลังจากโจวหมิงรุ่ยเดินถอยหลังสี่ก้าวและประกอบพิธีกรรมจนเสร็จ ใบหน้าของมันซีดเซียวทันที ดวงตากลายเป็นหม่นหมอง
ถัดมามันเดินไปกินอาหาร อ่านหนังสือ ดูละคร และเล่นโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเหม่อลอย ราวกับหุ่นยนต์ที่ทำตามโปรแกรม
ท้ายที่สุดโจวหมิงรุ่ยเดินมายังอ่างล้างหน้า จ้องหน้าตัวเองในกระจก แปรงฟัน บ้วนปาก และเข้านอน
ตลอดทุกกิจกรรม มันไม่เคยถอดเสื้อยืดและกางเกงสแล็คที่สวมในตอนที่ออกนอกบ้าน เพียงห่มผ้าและหลับตาลงทั้งอย่างนั้น
ผ่านไปไม่นานฉากประวัติศาสตร์เริ่มสั่นสะเทือนและถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างอันเจิดจ้า
ไคลน์อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าผาก หัวเราะจิกกัดตัวเอง
กลับกลายเป็น…เราคิดไปเองว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากพิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตา ทุกอย่างยังคงปรกติ…แต่ในความเป็นจริง ชะตากรรมของเราถูกเปลี่ยนแปลงไปนับแต่นั้น…
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน ไคลน์คงหวาดผวากับความจริงข้อนี้มาก แต่ปัจจุบันเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านมานานแล้ว และตนมีโอกาสได้ลิ้มรสในสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า ได้ทราบความจริงอันน่าตกตะลึงยิ่งกว่า ‘เรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้จึงแทบไม่สร้างแรงกระเพื่อมภายในจิตใจ
อย่างไรก็ตามหลังจากค้นพบความจริง ไคลน์เริ่มฉุกคิดในประเด็นใหม่ นั่นคือเรื่องที่จักรพรรดิโรซายล์ ‘เดินทางข้ามเวลา’ ด้วยถาดเงินลึกลับ และภายในรังไหมโปร่งใสเหนือประตูแสงก็ยังมีคนที่พก ‘โทรศัพท์มือถือ’ ติดตัวมาด้วย
คงเป็นฝีมือของเจ้าของปราสาทต้นกำเนิดคนก่อน…บุคคลดังกล่าวสร้างอิทธิพลบางอย่างกับโลกความจริง ทำให้โทรศัพท์มือถือ ถาดเงิน และหนังสือพิธีกรรมโบราณของราชวงศ์ฉินและฮั่นมีความผิดปรกติ หากใครมีพฤติกรรมที่เข้าเงื่อนไขก็จะถูกดึงมาเก็บไว้ในรังไหมเหนือประตูแห่งแสงทันที…
นี่เป็นการคัดเลือกแบบสุ่ม ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใครหรือวัตถุใดโดยเฉพาะ…ไม่รู้จะเรียกโชคดีหรือโชคร้ายดี…
แต่ทำไมหนังสือถึงชื่อว่า ‘พิธีกรรมโบราณของราชวงศ์ฉินและฮั่น’ ? เป็นการสุ่มเลือกที่อิงจากกลุ่มเหยื่อ หรือเพราะนั่นคือพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉินและฮั่นจริง?
ฟังดูเป็นไปได้…หากคำพยากรณ์เกี่ยวกับการเรียงตัวของดวงดาวเป็นเรื่องจริง และนั่นสอดคล้องกับพระผู้สร้างต้นกำเนิด หมายความว่าพระองค์หลับใหลอยู่ใต้โลกมาตลอดนับตั้งแต่อดีตกาล…หรืออาจจะเก่ากว่านั้น…กล่าวกันว่า หนึ่งในชิ้นส่วนร่างกายของพระองค์กลายมาเป็นปราสาทต้นกำเนิด…หมายความว่าที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรทวยเทพหรือสถานที่สำหรับคืนชีพของพระองค์…
แต่น่าแปลกพระผู้สร้างต้นกำเนิดที่เตรียมลืมตาตื่นขึ้นมาทำลายโลก เหตุใดถึงต้องเสียเวลาแผ่อิทธิพลเล็กน้อยบนโลกอย่างการสุ่มดึงมนุษย์มาเก็บไว้ในรังไหม? ไม่ฟังดูขัดแย้งไปหน่อยหรือ?
คำพยากรณ์ดังกล่าวคงถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ที่ได้รับอิทธิพลจากพระองค์…
ไคลน์เหยียดมือขวาออกไปเคาะโต๊ะทองแดงยาว พบว่าคำถามดังกล่าวยังไม่มีคำตอบในเวลานี้
ในไม่ช้าชายหนุ่มฉุกคิดถึงบางประโยคและบางเหตุการณ์
ประโยคดังกล่าวก็คือ
“สิ่งใดที่แยกจาก ย่อมมีวันกลับมาบรรจบ และสิ่งใดที่บรรจบ ก็ย่อมมีวันแยกจาก”
และบางเหตุการณ์ที่ว่าก็คือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ