ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1171

นำชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่หายไปกลับคืนมายังยุคสมัยปัจจุบัน…นำกลับมา…ไม่ใช่ทำให้ปรากฏอีกครั้ง…ความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ง่ายเหมือนกับการเขียนประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของยุคสมัยที่สามและสี่เพื่อประกอบพิธีกรรม…ในท่าถือปากกาด้วยมือขวา ไคลน์ชะงักร่างกายพลางวิเคราะห์เนื้อหาของสูตรโอสถผู้ชี้นำปาฏิหาริย์

หลังจากไตร่ตรองสักพัก มันพบสิ่งที่ตรงตามเงื่อนไขของพิธีกรรมทุกกระเบียดนิ้ว

นั่นคือการช่วยชาวเมืองเงินพิสุทธิ์หลบหนีออกจากดินแดนเทพทอดทิ้งมายังทวีปเหนือใต้ เพื่อให้ประวัติศาสตร์ที่สูญหายไปกว่าสามพันปีถูกเล่าขานอีกครั้งภายในยุคปัจจุบัน!

การหลบหนีอามุนด์ไม่ใช่เรื่องง่าย และวิธีเดียวที่จะออกจากดินแดนเทพทอดทิ้งได้คือการเข้าไปในวังราชาคนยักษ์และเปิดห้องนอนซาสเรีย…เทวทูตมืดรายนี้คือบุคลิกด้านลบของเทพสุริยันบรรพกาล เป็นราชาเทวทูต หนึ่งหัตถ์ซ้ายแห่งเทพ และรองประมุขสวรรค์ อาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าอามุนด์ในปัจจุบันเสียอีก…แถมเหล่าทวยเทพต่างก็อยากทราบสถานะปัจจุบันของท่าน…จุดที่ง่ายกว่าการหลบหนีอามุนด์ก็คือ เราสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้…ไคลน์ถอนหายใจแผ่วเมื่อพบว่ายังพอมีโอกาสประกอบพิธีกรรมให้สำเร็จ

อันที่จริงชายหนุ่มทราบดีว่าต่อให้ไม่มีตน แต่เมืองเงินพิสุทธิ์ก็คงลองเปิดประตูห้องนอนซาสเรียอีกหลายครั้งในอนาคต พยายามทำทุกวิถีทางให้ออกไปจากดินแดนเทพทอดทิ้งโดยไม่สนใจชีวิต ประหนึ่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้ามีเราช่วย ‘แทรกแซง’ โอกาสประสบความสำเร็จของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาก…ไคลน์ผุดความคิดใหม่ มันต้องการดึงดูดอามุนด์ด้วยการเปิดประตูห้องนอนเทวทูตมืด ซาสเรีย เพื่อสร้างความโกลาหลและฉวยโอกาส

นี่เป็นกลยุทธ์ที่มันถนัดมากทีเดียว

แต่ท้ายที่สุดชายหนุ่มปฏิเสธแนวคิดดังกล่าวเนื่องจากอันตรายเกินไป

หลังจากได้พูดคุยกับอามุนด์สักพัก ไคลน์ตระหนักถึงความแข็งแกร่งและน่ากลัวของราชาเทวทูตรายนี้เป็นอย่างดี ส่งผลให้สัญชาตญาณกำลังร้องเตือนว่า วิธีฉกฉวยโอกาสจากความโกลาหลไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

การปะทะกันระหว่างราชาเทวทูตจะนำมาซึ่งหายนะเป็นวงกว้างอย่างไม่ต้องสงสัย!

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การล่อให้พวกท่านต่อสู้กันนั้นไม่ต่างอะไรกับการเดินไปบนขอบเหว หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวก็จะตกสู่ความมืดมิดตลอดกาล ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง

ไคลน์ไม่มีทางเลือกวิธีนี้ เว้นเสียแต่จะอับจนหนทางโดยสมบูรณ์

“อา…พลังส่วนหนึ่งของผู้ชี้นำปาฏิหาริย์มาจากอดีต พิธีกรรมจึงมีลักษณะแบบนี้…แล้วปราชญ์โบราณคนอื่นเลื่อนลำดับด้วยวิธีใด?” ไคลน์จ้องกระดาษหนังสัตว์บนโต๊ะทองแดงยาว คิดหาวิธีแก้ปัญหาจากหลากหลายมุม “เท่าที่นึกออก ถ้าเป็นเราจะหาวิธีแยกคนกลุ่มคนออกจากประวัติศาสตร์และโลกแห่งความจริงจนกระทั่งพวกเขาถูกลืม จากนั้นค่อยปล่อยกลับไปสู่ยุคสมัยปัจจุบัน…อาจใช้เวลานานสามร้อยปี ห้าร้อยปี หรือมากกว่านั้น…เป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้ายมาก…หึหึ…ไอ้พวกที่ถูกตัดขาดจากโลกเป็นเวลานาน ล้วนมีความคิดไปในทำนองเดียวกันหมด…”

จากความคิดดังกล่าว ไคลน์เชื่อว่าสำหรับปราชญ์โบราณคนอื่น จุดยากของพิธีกรรมคือการที่มนุษย์ทั่วไปจะดำรงชีวิตอยู่จนถึงล่วงเวลาสิ้นสุดพิธีกรรมหรือไม่ นอกจากนั้น ระหว่างการปลีกตัวจากโลกภายนอกก็ยังเกิดเหตุไม่คาดฝันได้มากมาย

ดินแดนเทพทอดทิ้งช่วยขจัดจุดที่ยากที่สุดของพิธีกรรม แต่ขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความยากในรูปแบบอื่น…เทวทูตมืด ซาสเรีย…สถานภาพในปัจจุบันของรองประมุขแห่งสวรรค์เป็นอย่างไร? จะเกี่ยวข้องกับแผนการคืนชีพของเทพสุริยันบรรพกาลไหม? ตอนนี้เราเข้ามาพัวพันกับตัวตนที่มีระดับพลังเกือบจะเป็นเพดานของโลก…ทำไมถึงถูกดึงเข้ามายุ่งเยี่ยงกับเรื่องทำนองนี้บ่อยนัก? ไคลน์หัวเราะจิกกัดตัวเอง มันพอจะเดาได้ว่านี่คือชะตากรรมที่ชักนำโดยปราสาทต้นกำเนิด

เข้าใจได้ว่าทำไมผู้เย้ยเทพ อามุนด์ ถึงไม่อยากแบกรับชะตากรรมเหล่านี้

ไคลน์สลัดความคิดฟุ้งซ่านและกลับมาสนใจเนื้อหาของสูตรโอสถผู้ชี้นำปาฏิหาริย์

หนอนดวงดาวหมายถึงหนอนแมลงของเส้นทางผู้ฝึกหัด? วัตถุดิบเสริมประกอบด้วยวัตถุดิบวิญญาณระดับสูงของเส้นทางที่ใกล้เคียงกัน…หนอนกาลเวลาที่เรามีหมดไปกับยันต์โจรปล้นดวงแล้ว…คงต้องยืมปู่ในตัวเลียวนาร์ดมาเพิ่ม…ไม่สิ เราจะไม่ยืม แต่แลกกับยันต์วันวานอีกครั้งรุ่นพัฒนา!

จะหาหนอนดวงดาวได้จากไหน? โลกนี้มีผู้วิเศษเส้นทางผู้ฝึกหัดไม่มาก ยิ่งครึ่งเทพยิ่งแทบไม่เหลือ…นักบุญเร้นลับ โบทิสแห่งชุมนุมแสงเหนือ? แต่เรากำลังอยู่บนดินแดนเทพทอดทิ้ง ไม่มีทางกลับไปจัดการได้…อาจต้องขอให้ราชินีเงื่อนงำกับมาดามเฮอร์มิทช่วยจัดการแทน ขณะเดียวกันก็ต้องกระตุ้นให้มิสเมจิกเชี่ยนรีบพัฒนาตัวเองเป็นนักท่องเที่ยวโดยเร็ว…อา…ถือโอกาสถามเกี่ยวกับหนอนดวงดาวไปในตัว บางทีอาจารย์ของเธออาจมีข้อมูล…

คราวนี้วัตถุดิบหลักมีแค่ชิ้นเดียว หากไม่ใช้หัวใจของหมาป่าอสูรทมิฬก็ต้องเป็นตะกอนพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์คนอื่น…ไม่ใช่สองตะกอนรวมเป็นหนึ่งเหมือนที่ผ่านมา…

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในระดับเทวทูต การกระจายตัวของตะกอนพลังมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ถูกรวบรวมเป็นก้อนเดียว…

หมาป่าอสูรทมิฬมีอีกชื่อหนึ่งว่าเทพแห่งความปรารถนา เป็นเทวทูตอย่างไม่ต้องสงสัย ในยุคบรรพกาลยังถูกเรียกว่าเทพรับใช้…หากเราหาตะกอนพลังของผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ไม่ได้ หมายความว่าต้องลงมือฆ่าเทพ?

เทวทูตอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับตัวตนลึกลับที่ยิ่งใหญ่ แตกต่างจากลำดับสาม โดยสิ้นเชิง…

แค่คิดก็ขาสั่นแล้ว…

ไคลน์ไล่รายชื่อผู้ช่วยที่ตนสามารถพึ่งพา จากนั้นถอนหายใจผ่อนคลาย เมื่อหนี้สินเพิ่มสูงถึงระดับหนึ่ง คนเราจะไม่กลัวการติดหนี้อีกต่อไป

มันยกมือขวาจับปากกาและบันทึกความรู้ล่าสุดลงไป

ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไคลน์รู้อยู่แล้ว แต่การบันทึกจะช่วยให้จำได้

ไคลน์เขียนข้อความลงบนมุมกระดาษในตอนสุดท้าย

“ลำดับหนึ่ง: บริวารเร้นลับ”

“วัตถุดิบหลัก: ตะกอนพลังบริวารเร้นลับหนึ่งก้อน”

ข้อมูลดังกล่าวสื่อความหมายว่า ตะกอนพลังบริวารเร้นลับยากที่หามาครอบครองด้วยวิธีอื่น ต้องช่วงชิงมาจากหนึ่งในสามที่มีอยู่

ก้อนหนึ่งอยู่กับฮาล์ฟฟูลบนยอดเทือกเขาโฮนาซิส พ่วงด้วยเอกลักษณ์ อีกก้อนหนึ่งอยู่กับซาราธ และสำหรับอีกก้อน…เลียวนาร์ดเคยกล่าวว่าพระผู้สร้างแท้จริงมีเบาะแสของเรื่องนี้…อา…ถ้าจำไม่ผิด ในซากเมืองนอร์ธที่อยู่ทางเหนือของเมืองเงินพิสุทธิ์ซึ่งเดอะซันน้อยเคยไปล่าตัวจำแลงกาย ที่นั่นมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงของเส้นทางนักทำนายอาศัยอยู่ แต่เรายังไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์หรือบริวารเร้นลับ…ไคลน์ทยอยวางแผนอนาคต หลังจากคืนชีพและหลบหนีจากอามุนด์สำเร็จ มันจะเดินทางขึ้นเหนือเพื่อสำรวจเบื้องต้น

หลังจากย่อยความรู้ใหม่จนหมด ไคลน์อัญเชิญนาฬิกาพกสีทองจากกองขยะและเปิดฝาตรวจสอบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ